วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ
มาเที่ยวตามรอยพระบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับ 17
ที่เที่ยวภาคเหนือ กัน! มีด้วยกัน 6 จังหวัด กว่า 17 ที่
ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ และเข้าไปช่วยเหลือ
แก้ไขปัญหาความยากจน ทำให้พื้นที่นั้นเจริญงอกงาม ..
17 ที่เที่ยวภาคเหนือ
จากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งอดีต
ทำให้วันนี้โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
กลายมาเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่เผยความงดงามทั้งทัศนียภาพ และวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบสาน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนแวะเวียนมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ชมนานาพรรณไม้ที่งอกงาม และสัมผัสทัศนียภาพอันร่มรื่นสบายตาอย่างไม่ขาดสาย
ห้ามพลาด
ค่าเข้าชม : ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ราคา 150 บาท / เด็ก่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. เข้าชมฟรี
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
เว็บไซต์ : www.doitung.com
เบอร์โทรศัพท์ : 0-5376-7015-12
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงราย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ราว 45 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1149 ไปอีกประมาณ 15 กม.
ห้ามพลาด
โทร. : 0-5316-3308
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08:00 – 16:00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงราย ใช้เส้นทาง เชียงราย-เวียงชัย-พญาเม็งราย- บ้านเต่า (ทางหลวงหมายเลข 1233, 1733 และ 1152) ประมาณ 50 กม. ต่อมาถึงบ้านเต่า บ้านท่าเจริญ เวียงแก่น-ปางหัด (ทางหลวงหมายเลข 1155) ระยะทางประมาณ 17 กม. และต่อไปยังบ้านปางหัด-ดอยผาตั้ง อีก 15 กม.
ห้ามพลาด
โทร. : 0-5373-4140-2, 0-5373-4440
Website : www.teaoilcenter.org
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 08:00 – 20:00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน มุ่งหน้าแม่สาย เมื่อถึงฌาปนสถาน สาธารณะแม่สายจะเจอสี่แยกตัด ถนนสาย 1149 ให้เลี้ยวซ้าย ศูนย์วิจัยฯ จะตั้งอยู่ทางขวามือ
ห้ามพลาด
โทร.: 0-5322-3065
Website : www.bhubingpalace.org
เปิดให้เข้าชม : วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-15.30 น *นั่งรถไฟฟ้านำเที่ยว ค่าบริการ 300 บาท/คัน (นั่งได้ไม่เกิน 3 คน)
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : ใช้เส้นทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ จากหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ ถึงพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เป็นระยะทาง 17 กม.
ห้ามพลาด
โทร. : 09-3416-7726
Website : www.royalprojectthailand.com/teentok
เปิดให้เข้าชม : ลูกค้าในโครงการ 07.00-20.00 น./ลูกค้าทั่วไป 10.00-16.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : จากเชียงใหม่ ประมาณ 55 กม. ใช้เส้นทางเชียงใหม่-สันกำแพง-แม่ออน ผ่าน้ำพุร้อนสันกำแพงไปทางบ้านแม่กำปอง ศูนย์ตีนตกจะอยู่ซ้ายมือ ก่อนถึงบ้านแม่กำปอง
ห้ามพลาด
โทร. : 08-1025-1002
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : วิ่งเส้นทางหลวงสาย 107 มุ่งหน้า ไปทางแม่ริม ตรงไปราว 30 กม. เมื่อถึงอำเภอแม่แตงให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงสาย 1095 วิ่งตรงไปประมาณ 13 กม. ให้เลี้ยวขวา ตามป้ายของโครงการ วิ่งตามทาง มาอีกประมาณ 7 กม. ให้เลี้ยวซ้าย ไปก็จะถึงที่หมายคือบ้านม่อนเงาะ ถนนปลายทางค่อนข้างแคบควร ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
ชาวเขาเผ่าม้งได้อพยพหาที่ทำกินแห่งใหม่
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้โครงการหลวงเข้าช่วยเหลือ
ร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับการบูรณะพื้นที่ทำกินบ้านห้วยลึก
แม้จะใช้เวลานานในการปลูกป่าทดแทนและดูแลผืนป่า
ในที่สุดพื้นที่ห้วยลึกก็กลับกลายเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติสวยงาม
เหมาะสมในการทำการเกษตร
โครงการหลวงห้วยลึก ครอบคลุมพื้นที่รับผิดชอบ 2 หมู่บ้าน ประกอบด้วย เผ่าม้ง กะเหรี่ยง และคนเมือง ภูมิประเทศส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นที่ราบ สลับกับหมู่ภูเขาที่ ทับซ้อนอย่างงดงาม และมีอากาศที่เย็น ทำให้เหมาะแก่การท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ และยังถูกจัดสรรเป็นพื้นที่สำหรับทำการเกษตรแบบยั่งยืน ที่ส่งเสริม วิจัยและ เพาะพันธุ์ให้กับเกษตรกรชาวไทยภูเขา มีทั้งสารพัน แปลงพืชเมืองหนาว
ห้ามพลาด
โทร. : 08-1961-3174
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : พฤศจิกายน-มีนาคม
การเดินทาง : เดินทางมุ่งสู่ทางหลวงสาย 107 สายเชียงใหม่-ฝาง และวิ่งตรงไปประมาณ 92 กม. จนถึงวัดห้วยลึก จึงเบี่ยงขวาไปประมาณ 500 เมตร เพื่อเข้าสู่โครงการ
ห้ามพลาด
โทร. : 0-5331-8333
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 08.00–16.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตุลาคม-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1009 เลี้ยวขวาที่สามแยกบริเวณหมู่บ้านขุนกลาง (ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 31) ขับตรงไปประมาณ 18 กม. จนถึงขุนวาง
ห้ามพลาด
โทร. 0-5338-9228-9 ต่อ 102
Website : www.hongkhrai.com
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง : วิ่งมาทางหลวง 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย และตรงขึ้นทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 24 กม. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยฮ่องไคร้ จะตั้งอยู่ ทางขวามือห่างจากถนนประมาณ 2 กม.
ห้ามพลาด
โทร. 0-5396-9476
Website : www.angkhangstation.com
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง : จากเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึงตำบลเมืองงาย เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวง 1178 ผ่านบ้านอรุโณทัย ไปยังดอยอ่างขาง
ห้ามพลาด
โทร. : 0-5471-0610
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.30-16.30 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง : จากตัวเมืองน่าน วิ่งไปประมาณ 100 กม. ถึง อ.บ่อเกลือ ข้ามสะพานข้ามคลอง เลี้ยวไปทางศูนย์ภูฟ้า ตรงไปอีก 8 กม. จะจากสามแยกบ่อเกลือ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1336 ขับไปอีก13 กม. จะถึงปากทางเข้าศูนย์ฯ ขับต่อไปอีก 2.5 กม. ก็จะถึงตัวศูนย์ฯ
ห้ามพลาด
โทร. : 08-4818-1008
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.30-17.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : สิงหาคม-กันยายน (เที่ยวฤดูฝนดูนาข้าว) / พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ (เที่ยวหน้าหนาว)
การเดินทาง : จากตัวเมืองวิ่งออกมาทางทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1169 วิ่งตามทางไปประมาณ 37 กม. จะสุดทางให้เลี้ยวขวาเข้าถนนลอยฟ้า 1081 อำเภอสันติสุข-อำเภอบ่อเกลือ ตรงไปจนผ่านอุทยานแห่งชาติขุนน่านแล้วมุ่งตรงไปอีกประมาณ 44 กม. เพื่อเข้าสู่หมู่บ้านสะจุก
ห้ามพลาด
โทร. : 08-8410-9089
facebook : www.facebook.com/ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.00-17.00น.
ฤดูท่องเที่ยว : กันยายน-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : จากใจกลางเมือง ผ่าน อ.ดอกคำใต้-จุนมุ่งหน้าไป อ.เชียงคำ ตามทางหลวงหมายเลข 1179 เลี้ยวขวาที่ กม.8เข้าทางหลวงสาย 1148 สายเชียงคำ -น่าน จากนั้นเลี้ยวซ้ายที่ กม.90 ประมาณ 5 กม. จนถึงวนอุทยานภูลังกา
ห้ามพลาด
โทร. : 08-1596-5977
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน
ฤดูท่องเที่ยว : มกราคม-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก ถึงสามแยกบ้านแยง แยกขวาผ่านบ้านห้วยตีนตั่ง- บ้านห้วยน้ำไซ-ฐานพัชรินทร์ สู่ที่ทำการอุทยานฯ รวมระยะทางประมาณ 31 กม.
ห้ามพลาด
โทร. 0-5531-6715, 08-1287-4994
เปิดให้เข้าชม: วันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-16.30 น.
ฤดูท่องเที่ยว : มกราคม-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : จากตัวเมือง ใช้เส้นทางหมายเลข 11 ก่อนกลับรถมาใช้เส้นทางหมายเลข 1296 หน่วยบริการประชาชน บ้านท่างาม อ.วัดโบสถ์ ตรงไป แล้วเลี้ยวขวาที่ทางแยกหน่วยบริการประชาชนบ้านโป่งแค ใช้เส้นทางหมายเลข 1143 ถึง อ.ชาติตระการ แล้วใช้เส้นทางหมายเลข 1237 ผ่านต.บ่อภาคไปประมาณ 80 กม. ถึงสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า
ห้ามพลาด
โทร. 0-5361-1244
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.30-16.30 น.
ฤดูท่องเที่ยว : มกราคม-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : ใช้ทางหลวง 1095 แม่ฮ่องสอน–ปายเมื่อถึงกม.ที่ 10 เลี้ยวซ้ายไปบ้านหมอกจำแป๋ ประมาณ 70 กม.
ห้ามพลาด
โทร. 0-5368-4377
เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน มุ่งหน้าผ่านศูนย์ศิลปาชีพแม่ฮ่องสอน เลี้ยวขวามุ่งหน้าไปสู่แม่น้ำปาย ผ่าน วัดท่าโป่งแดง ศูนย์วิจัยฯ จะตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำปาย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 70waysofking.tourismthailand.org
17 ที่เที่ยวภาคเหนือ
ตามรอยพ่อหลวง รัชกาลที่ 9
.
จังหวัดเชียงราย
1. โครงการพัฒนาดอยตุง
” โครงการในพระราชดำริ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
อนุรักษ์สืบสานศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีของ
ชาวไทยภูเขาและชาวไทย ภาคเหนือให้คงอยู่ ตลอดไป “
อนุรักษ์สืบสานศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีของ
ชาวไทยภูเขาและชาวไทย ภาคเหนือให้คงอยู่ ตลอดไป “
กลายมาเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่เผยความงดงามทั้งทัศนียภาพ และวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบสาน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนแวะเวียนมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ชมนานาพรรณไม้ที่งอกงาม และสัมผัสทัศนียภาพอันร่มรื่นสบายตาอย่างไม่ขาดสาย
ห้ามพลาด
- พระตำหนักดอยตุง ที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จย่า
- ร้านดอยตุงไลฟ์สไตล์ จำหน่ายผลิตภัณฑ์งานฝีมือของดอยตุง อาทิ ผ้าทอมือ เสื้อผ้า พรมทอมือ ของตกแต่งบ้าน
- เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของ โครงการที่หอพระราชประวัติ
- ร้านมุมกาแฟ โครงการพัฒนา ดอยตุง จิบกาแฟสดรสเยี่ยมของ โครงการ เวลา 08.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ราคา 150 บาท / เด็ก่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. เข้าชมฟรี
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
เว็บไซต์ : www.doitung.com
เบอร์โทรศัพท์ : 0-5376-7015-12
การเดินทาง จากตัวเมืองเชียงราย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ราว 45 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1149 ไปอีกประมาณ 15 กม.
2. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง
” ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้แก่เกษตรกร
โดยเน้นการปลูกผักภายใต้โรงเรือนและลดการใช้สารเคมี “
โดยเน้นการปลูกผักภายใต้โรงเรือนและลดการใช้สารเคมี “
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง ไม่เพียงเป็น
แหล่งผลิตผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ตลอดจนมีระบบ
อนุรักษ์ดินและน้ำที่ดีเพียงเท่านั้น บ้านผาตั้งยังกลาย
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในบทบาทชุมชนอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติแหล่งสำคัญของจังหวัดเชียงราย
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงผาตั้ง
มีการปรับพื้นที่ ภายในศูนย์ฯ สำหรับวางแผนทดสอบและสาธิตวิธีการ
ปลูกผักและไม้เมืองหนาว รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ได้แก่ กระต่าย แพะ
ไก่กระดูกดำ และหมู เพื่อหล่อเลี้ยงชุมชน
- แปลงทดสอบการปลูกผักและ ไม้เมืองหนาว ชมพืชผักเมืองเหนือ บนแปลงดินกว่า 16 ชนิด
- ศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูง ดอยผาหม่น ชมดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ทิวลิป และลิลลี่
- ดอยผาตั้ง จุดชมวิวไทย-ลาว และจุดชมทะเลหมอก สูงจากระดับน้ำ ทะเล 1,800 เมตร
- ชมวิถีชีวิตชุมชนในละแวก ใกล้เคียงของชาวเขาเผ่าม้ง ชาวจีนยูนนาน และเย้า
- อุดหนุนผลิตผลจากโครงการและ งานหัตถกรรมชาวเขา
โทร. : 0-5316-3308
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08:00 – 16:00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงราย ใช้เส้นทาง เชียงราย-เวียงชัย-พญาเม็งราย- บ้านเต่า (ทางหลวงหมายเลข 1233, 1733 และ 1152) ประมาณ 50 กม. ต่อมาถึงบ้านเต่า บ้านท่าเจริญ เวียงแก่น-ปางหัด (ทางหลวงหมายเลข 1155) ระยะทางประมาณ 17 กม. และต่อไปยังบ้านปางหัด-ดอยผาตั้ง อีก 15 กม.
3. ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมัน และพืชน้ำมัน
” จากเมล็ดชาหน้าตาคล้ายเกาลัดที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
ได้พระราชทาน ให้กับมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อศึกษาหาวิธีนำมาปลูกในไทยวันนี้
จึงเกิดศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันขึ้น เพื่อสานต่อพระราชดำริ “
ได้พระราชทาน ให้กับมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อศึกษาหาวิธีนำมาปลูกในไทยวันนี้
จึงเกิดศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันขึ้น เพื่อสานต่อพระราชดำริ “
ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมันที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554
ปัจจุบันได้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายของนักท่องเที่ยว ที่สนใจในสุขภาพ
เพราะที่นี่เป็นโรงงานผลิตน้ำมันจากเมล็ดชาและพืชน้ำมันอื่นๆ
ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติกว่า 150 ไร่
จุดเด่นของศูนย์ฯ ที่ไม่ควรพลาด คือ ร้านอาหาร “เมล็ดชา”
ชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
ที่นำเสนออาหารเหนือสไตล์โมเดิร์น และใช้น้ำมันชามาเป็นวัตถุดิบหลัก มี 2
เมนูพระราชทาน คือ โครเก็ตเบคอน แป้งขนมปังทอดไส้มันฝรั่งผสมหมูเบคอนบด
และซุปมะเขือเทศ เปรี้ยวหวานกลมกล่อม สำหรับของหวานก็สร้างสรรค์ที่สุด
ด้วยไอศกรีมอัญชันโยเกิร์ต ทุกจานขอการันตีว่ากินแล้ว
รู้สึกดีกับมื้ออร่อยนี้อย่างแน่นอน
- นิทรรศการจัดแสดงความแตกต่างของชาน้ำมันและชาทั่วไป พร้อมบอกเล่าความเป็นมาของไร่ชาน้ำมัน
- ร้านขายผลิตภัณฑ์ นอกจากน้ำมันต่างๆ ทั้งน้ำมันชา น้ำมันเมล็ดไนเจอร์ น้ำมันเมล็ดงาม้อน และน้ำมันมะรุมแล้ว ยังมีจำหน่ายเครื่องสำอางหลายชนิดที่ผลิตจากน้ำมันชาอีกด้วย
- ชิมอาหารอร่อยสุขภาพดีที่เมล็ดชา ร้านอาหารริมน้ำสุดชิลล์ การันตีว่าทุกจานล้วนใช้น้ำมันชาในการประกอบอาหาร
- จัดสาธิตกรรมวิธีการสกัดน้ำมันจากเมล็ดชา
โทร. : 0-5373-4140-2, 0-5373-4440
Website : www.teaoilcenter.org
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 08:00 – 20:00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน มุ่งหน้าแม่สาย เมื่อถึงฌาปนสถาน สาธารณะแม่สายจะเจอสี่แยกตัด ถนนสาย 1149 ให้เลี้ยวซ้าย ศูนย์วิจัยฯ จะตั้งอยู่ทางขวามือ
เชียงใหม่
1. พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
” ที่ประทับในโอกาส เสด็จพระราชดำเนิน แปรพระราชฐาน
และเพื่อรับรอง พระราชอาคันตุกะ “
และเพื่อรับรอง พระราชอาคันตุกะ “
หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่
ที่มีทัศนียภาพสวยงามเสมือนจินตนาการที่เกิดขึ้นจริง
สถาปัตยกรรมไทยประยุกต์
อันวิจิตรตั้งตระหง่านเหนือมวลดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์
และมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ขึ้นบนดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ
เพื่อใช้เป็นที่ประทับในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน
มาประทับแรมที่จังหวัดเชียงใหม่ และเพื่อรับรองพระราชอาคันตุกะ
- พระตำหนักพฤกษาวิสุทธิคุณ ที่ประทับของสมเด็จย่า และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
- พระตำหนักสิริส่องภูพิงค์ หรือพระตำหนักยูคาลิปตัส ที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
- อ่างเก็บน้ำ/น้ำพุทิพย์ธาราของปวงชน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้กักเก็บน้ำไว้ใช้ภายในพระตำหนัก
โทร.: 0-5322-3065
Website : www.bhubingpalace.org
เปิดให้เข้าชม : วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-15.30 น *นั่งรถไฟฟ้านำเที่ยว ค่าบริการ 300 บาท/คัน (นั่งได้ไม่เกิน 3 คน)
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : ใช้เส้นทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ จากหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ ถึงพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เป็นระยะทาง 17 กม.
2. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก
” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทาน ทรัพย์ส่วนพระองค์
เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ในการสร้างศูนย์ฯ เพื่อเสริมความรู้ ทางเกษตรให้กับ ชาวบ้าน “
เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ในการสร้างศูนย์ฯ เพื่อเสริมความรู้ ทางเกษตรให้กับ ชาวบ้าน “
จากที่เคยทำหน้าที่ศูนย์พัฒนาวิจัยพันธ์ุพืชแต่เพียงอย่างเดียว
ณ ปัจจุบัน ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก
ได้กลายเป็นอีกหนึ่งปลายทางยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว
ที่แสวงหาความบริสุทธิ์ของธรรมชาติและความอบอุ่น
ในการดูแลต้อนรับขับสู้ของชาวบ้านในท้องถิ่น
นอกจากป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้
ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน ลักษณะทางภูมิศาสตร์ ที่มีความลาดชันค่อนข้างสูง
ทำให้เกิดวิวทิวทัศน์ที่ต้องตา ตรึงใจ เหมาะกับการพักผ่อนในช่วงวันหยุด
ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน
- วัดคันธาพฤกษา สถาปัตยกรรมแบบล้านนาโบราณ และโบสถ์ กลางน้ำแสนสวย
- บ้านแม่กำปอง หมู่บ้านที่โด่งดังด้านโฮมสเตย์ ไปสัมผัสวิถีชีวิตและประเพณีพื้นบ้านได้อย่างใกล้ชิด
- Flight of the Gibbon สนุกสุดเหวี่ยงไปกับซิปไลน์ 5 กม. ที่ขึ้นชื่อว่ายาวที่สุดในเอเซีย
- จิบกาแฟเอสเพรสโซ่รสชาติดีเยี่ยมที่ร้านกาแฟของโครงการ
- เดินป่าขึ้นลงน้ำตก 7 ชั้น ที่น้ำตกแม่กำปอง
โทร. : 09-3416-7726
Website : www.royalprojectthailand.com/teentok
เปิดให้เข้าชม : ลูกค้าในโครงการ 07.00-20.00 น./ลูกค้าทั่วไป 10.00-16.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : จากเชียงใหม่ ประมาณ 55 กม. ใช้เส้นทางเชียงใหม่-สันกำแพง-แม่ออน ผ่าน้ำพุร้อนสันกำแพงไปทางบ้านแม่กำปอง ศูนย์ตีนตกจะอยู่ซ้ายมือ ก่อนถึงบ้านแม่กำปอง
3. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ
” เมื่อเผชิญปัญหา พื้นที่ราบมีน้อย ทั่วบริเวณล้วนเป็น เทือกเขา
ยากต่อการ เพาะปลูก นักวิชาการเกษตรของโครงการหลวงจึงต้องทำงานหนัก
เพื่อค้นหาทางแก้ไขปัญหาด้านพื้นที่ทำกินของม่อนเงาะ “
ยากต่อการ เพาะปลูก นักวิชาการเกษตรของโครงการหลวงจึงต้องทำงานหนัก
เพื่อค้นหาทางแก้ไขปัญหาด้านพื้นที่ทำกินของม่อนเงาะ “
เดิมเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเขา เผ่าม้ง
ในพื้นที่เคยปลูกฝิ่นและชาวเขามีฐานะยากจน
โครงการหลวงจึงเริ่มพัฒนาและส่งเสริมการปลูกผัก
เนรมิตพื้นที่เทือกเขาแห้งแล้งให้กลับกลายเป็นอีกหนึ่งวิวงดงามให้ได้เยี่ยมชม
หลังจากได้รับการฟื้นฟูผืนป่าทำให้ดอยม่อนเงาะกลับมา
เขียวชอุ่มและงดงามขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นจุดท่องเที่ยวในฝันของนักท่องไพร
ทางโครงการจัดเตรียมบ้านพักแสนสบายให้บริการ
พร้อมร้านอาหารที่จัดเสิร์ฟอาหารพื้นเมืองคุณภาพดี
แขกที่มาเยือนจะได้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรไปด้วยจากแปลงไม้ดอก
และพืชผักต่างๆ รวมไปถึงไร่ชา ไร่กาแฟ ที่เรียงรายอย่างงดงาม
- หมู่บ้านเหล่าพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมือง
- ไร่ชาสวนลุงเดช จิบชาพร้อมชมวิวสวย ที่เน้นปลูกชา และยังมีสวนเงาะ ส้ม มะขามให้เข้าชมด้วย
- แปลงส่งเสริมไม้ดอก สารพันดอกไม้แปลกตาอย่าง ไม้ใบวานิลลา ซิมบิเดียม และกล้วยไม้นานาพรรณ
- กางเต็นท์ค้างคืน และตื่นขึ้นมา ชมความงดงามยามพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวดอยม่อนเงาะ
โทร. : 08-1025-1002
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดปี
การเดินทาง : วิ่งเส้นทางหลวงสาย 107 มุ่งหน้า ไปทางแม่ริม ตรงไปราว 30 กม. เมื่อถึงอำเภอแม่แตงให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงสาย 1095 วิ่งตรงไปประมาณ 13 กม. ให้เลี้ยวขวา ตามป้ายของโครงการ วิ่งตามทาง มาอีกประมาณ 7 กม. ให้เลี้ยวซ้าย ไปก็จะถึงที่หมายคือบ้านม่อนเงาะ ถนนปลายทางค่อนข้างแคบควร ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
4. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก
” เริ่มจากฎีกา ของชาวเขา ที่ขอพระราชทานผืนดิน
ทำกินกับพ่อหลวง กลายเป็นโครงการหลวง
ที่สร้างรายได้และ อาชีพเกษตรกรรม ที่ยั่งยืนให้กับชาวเขา ทุกคน “
ทำกินกับพ่อหลวง กลายเป็นโครงการหลวง
ที่สร้างรายได้และ อาชีพเกษตรกรรม ที่ยั่งยืนให้กับชาวเขา ทุกคน “
โครงการหลวงห้วยลึก ครอบคลุมพื้นที่รับผิดชอบ 2 หมู่บ้าน ประกอบด้วย เผ่าม้ง กะเหรี่ยง และคนเมือง ภูมิประเทศส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นที่ราบ สลับกับหมู่ภูเขาที่ ทับซ้อนอย่างงดงาม และมีอากาศที่เย็น ทำให้เหมาะแก่การท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ และยังถูกจัดสรรเป็นพื้นที่สำหรับทำการเกษตรแบบยั่งยืน ที่ส่งเสริม วิจัยและ เพาะพันธุ์ให้กับเกษตรกรชาวไทยภูเขา มีทั้งสารพัน แปลงพืชเมืองหนาว
ห้ามพลาด
- พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชานุสรณ์ เจดีย์ฐาน 8 เหลี่ยมแต่ละด้านมีแผ่นศิลาสลักลวดลายเรื่องราวพระประวัติ
- ถ้ำเชียงดาว หินงอกหินย้อยตามธรรมชาติและมีธารน้ำสวยงามอยู่ทางหน้าถ้ำ
- วัดถ้ำผาปล่อง สถานปฏิบัติธรรมเงียบสงบเข้าถึงธรรมชาติโดยรอบ
- เข้าชมแปลงไม้ดอกของเกษตรกรอย่างใกล้ชิด
- เลือกซื้อผลผลิตทางการเกษตร ที่สดใหม่และหาได้ยากในราคาย่อมเยา
โทร. : 08-1961-3174
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : พฤศจิกายน-มีนาคม
การเดินทาง : เดินทางมุ่งสู่ทางหลวงสาย 107 สายเชียงใหม่-ฝาง และวิ่งตรงไปประมาณ 92 กม. จนถึงวัดห้วยลึก จึงเบี่ยงขวาไปประมาณ 500 เมตร เพื่อเข้าสู่โครงการ
5. ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)
” ศูนย์ศึกษา วิจัยพันธุ์พืชและ ไม้ผลเมืองหนาว
เพื่อถ่ายทอด องค์ความรู้และเทคโนโลยีให้กับเกษตรกร “
เพื่อถ่ายทอด องค์ความรู้และเทคโนโลยีให้กับเกษตรกร “
ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง)
เป็นอีกหนึ่งจุดชมต้นนางพญาเสือโคร่ง
หรือซากุระเมืองไทยแห่งสำคัญของเชียงใหม่ เพราะพื้นที่
ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 1,100 เมตร
ทำให้นอกจากจะได้ชื่นชมกับดอกนางพญาเสือโคร่งที่ผลิดอกสวยงามเต็มที่แล้วยังได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบายในช่วงฤดูหนาวอีกด้วย
ตั้งอยู่
ระหว่างหมู่บ้านปกาเกอะญอและหมู่บ้านม้ง ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง
อยู่ในวงล้อมของแนวเทือกเขาอินทนนท์
ตั้งขึ้นภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เสด็จพระราชดำเนินมาที่บ้านขุนวางในปี พ.ศ.
2523 พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นการปลูกฝิ่นจำนวนมากของชาวบ้าน
ทรงมีพระราชดำรัสให้ปรับปรุงพื้นที่แห่งนี้ ให้เป็นสถานที่ทดลอง ขยายพันธุ์
ส่งเสริม และถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกพืชเมืองหนาวบนที่ราบสูงให้กับเกษตรกร
ทดแทนการปลูกฝิ่น
ปัจจุบันภายในพื้นที่ของโครงการ
คือแหล่งเพาะปลูกและวิจัยพืชพรรณและไม้ผลเมืองหนาว เช่น สาลี่ พลัม
แมคคาเดเมีย เกาลัดจีน สตรอว์เบอร์รี เป็นต้น
ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ยอดนิยม
เพราะมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
- จุดชมต้นนางพญาเสือโคร่ง ถนนสายซากุระเมืองไทยภายในพื้นที่ของศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่
- ไร่กาแฟ ชมเมล็ดกาแฟอาราบิก้า สายพันธุ์คาติมอร์ สดๆ จากต้น
- เดินชมแปลงทดลองการเกษตรภายในศูนย์
- เก็บภาพสวยๆ กับดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่หนึ่งปีจะบานให้เห็น แค่ครั้งเดียว
โทร. : 0-5331-8333
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 08.00–16.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตุลาคม-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1009 เลี้ยวขวาที่สามแยกบริเวณหมู่บ้านขุนกลาง (ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 31) ขับตรงไปประมาณ 18 กม. จนถึงขุนวาง
6. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
” จากพระราชดำริ ที่ต้องการให้ศูนย์ฯ เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิต
ที่ให้ประชาชนเข้ามาเรียนรู้ และนำไปปฏิบัติได้จริง “
ที่ให้ประชาชนเข้ามาเรียนรู้ และนำไปปฏิบัติได้จริง “
จากเดิมที่เคยเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม
กินพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 8,500 ไร่ จากวันนั้นมาถึงวันนี้ กว่า 34 ปีแล้ว
ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจาก พระราชดำริ
ได้มุมานะทำการศึกษาวิจัย พัฒนารูปแบบระบบชลประทาน พัฒนาแหล่งน้ำ
ควบคู่ไปกับการพัฒนาป่าไม้และฟื้นฟูผืนดิน
ในวันนี้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
ได้รับการขนานนามว่าเป็น พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต
หรือสวนเพื่อการศึกษา ทุกคน จะได้รับความรู้
เกี่ยวกับการพัฒนาผืนป่าที่เข้าใจง่าย แถมยังสัมผัสได้
ถึงจิตวิญญาณของป่าใหญ่ ด้วยการก้าวย่างเข้าสู่การเดินป่า
ท่ามกลางลุ่มน้ำห้วยฮ่องไคร้ ทั้งหมู่ป่าเต็งรังเคียงข้าง
กับป่าเบญจพรรณแสนงดงาม ตามเส้นทางที่จัดทำไว้
ปิดท้ายด้วยการเข้าชมวิถีฟาร์มสไตล์ภาคเหนือ
- สวนหกศูนย์ ใจกลางของศูนย์พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต
- วัดป่าศาลาปางสัก (วัดหลวงตา) ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
- โครงการพระราชดำริน้ำพุร้อนสันกำแพง ธารน้ำร้อน กว้าง ราว 2 เมตร ให้ได้แช่เท้าผ่อนคลายความเมื่อยล้า
- ชมสาธิตการสร้างฝายไม้ไผ่ แบบง่ายๆ เพื่อเป็นองค์ความรู้ ในการใช้ชีวิตตามวิถีธรรมชาติ
- แคมป์ปิ้งริมอ่างเก็บน้ำในอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้
โทร. 0-5338-9228-9 ต่อ 102
Website : www.hongkhrai.com
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง : วิ่งมาทางหลวง 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย และตรงขึ้นทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 24 กม. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยฮ่องไคร้ จะตั้งอยู่ ทางขวามือห่างจากถนนประมาณ 2 กม.
7. สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
” ทรงพลิกฟื้น จากภูเขาฝิ่น จนกลายเป็นพืชผักเมืองหนาวที่สวยงาม
และ น่าเที่ยวที่สุด ของเมืองไทย “
และ น่าเที่ยวที่สุด ของเมืองไทย “
เมื่อลมหนาวมาเยือน ภาพของดอกไม้
เมืองหนาวสีสวย รวมทั้งดอกซากุระเมืองไทยที่บานสะพรั่ง
ที่ช่วยแต่งแต้มภูเขาสีเขียวให้สวยงาม รวมทั้งพืชผักผลไม้นานาชนิด
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดใจ
นักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาเยือนดอยอ่างขางในแต่ละปี
จนหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่า ที่นี่เคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น
ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
สถานีเกษตรหลวงอ่างขางจึงเกิดขึ้น
เพื่อใช้เป็นแปลงทดลอง ปลูกพืชผักเมืองหนาวคุณภาพดีแทนป่าฝิ่นดั้งเดิม
สตรอว์เบอร์รี เป็นพืชพันธุ์ชนิดแรกๆ ที่นำมาทดลองปลูกที่นี่
จนได้พันธ์ุที่เหมาะสมกับเมืองไทย โดยใช้ชื่อว่า พันธุ์พระราชทาน
- สวนคำดอย
- แหล่งรวบรวมดอกกุหลาบพันปีนำเข้า รวมทั้งดอกไม้เมืองหนาว
- สวนหอม
- แหล่งรวมพันธุ์ไม้หอม ทั้งในและต่างประเทศ
- สวนสมเด็จ
- แหล่งรวมซากุระ พันธุ์แท้จากญี่ปุ่น
- ขี่จักรยาน / ดูนก
- ขี่ล่อ ชมธรรมชาติ
- เดินศึกษาธรรมชาติที่แปลงปลูกป่า
โทร. 0-5396-9476
Website : www.angkhangstation.com
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง : จากเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึงตำบลเมืองงาย เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวง 1178 ผ่านบ้านอรุโณทัย ไปยังดอยอ่างขาง
น่าน
1. ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
” ศูนย์ศึกษาวิจัย และถ่ายทอดความรู้ พัฒนาและจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
ที่ยั่งยืนสู่จุดมุ่งหมาย คนอยู่ร่วมกับป่า “
ที่ยั่งยืนสู่จุดมุ่งหมาย คนอยู่ร่วมกับป่า “
ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการศูนย์ภูฟ้าพัฒนาจังหวัดน่าน เป็นหนึ่งสถานที่น่าแวะเวียนมาเที่ยวชมและเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านพื้นถิ่นอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดน่าน
ที่นี่ใช้เป็นต้นแบบการพัฒนาและถ่ายทอดความรู้การพัฒนาไปสู่ราษฎรในพื้นที่เป้าหมายท้องที่อำเภอบ่อเกลือ
และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
พร้อมประกอบอาชีพ อย่างเหมาะสมกับศักยภาพ
ตลอดจนพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ศึกษาธรรมชาติ
และวัฒนธรรมท้องถิ่นแห่งสำคัญของจังหวัดน่าน
- พระตำหนักภูฟ้า ยลโฉมที่ประทับของสมเด็จพระเทพฯ ในโอกาสเสด็จมาทรงงานที่ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา
- เรือนเพาะชำกล้าไม้ ชมโรงเพาะกล้าไม้หายากและกล้าไม้พื้นถิ่นอาทิ ต๋าว มะแขว่น พญาไม้ชาอูหลง
- อาคารแปรรูปชาอูหลง ชมและชิมชาอูหลงแบบสดๆ
- ลัดเลาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ร้านค้าสวัสดิการของโครงการ
- ชมการผลิตเกลือสินเธาว์บนแหล่งผลินบนที่ราบสูง (แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง)
โทร. : 0-5471-0610
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.30-16.30 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง : จากตัวเมืองน่าน วิ่งไปประมาณ 100 กม. ถึง อ.บ่อเกลือ ข้ามสะพานข้ามคลอง เลี้ยวไปทางศูนย์ภูฟ้า ตรงไปอีก 8 กม. จะจากสามแยกบ่อเกลือ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1336 ขับไปอีก13 กม. จะถึงปากทางเข้าศูนย์ฯ ขับต่อไปอีก 2.5 กม. ก็จะถึงตัวศูนย์ฯ
2. สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง
ตามพระราชดำริ บ้านสะจุก-สะเกี้ยง
ตามพระราชดำริ บ้านสะจุก-สะเกี้ยง
” มีจุดมุ่งหมาย เพื่อเร่งฟื้นฟู สภาพป่าต้นน้ำบริเวณยอดดอยขุนน่าน
ให้มีความสมบูรณ์ ดังเดิม “
ให้มีความสมบูรณ์ ดังเดิม “
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ทรงมีพระราชดำริให้สร้างโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงขึ้นในหมู่บ้าน
เพื่อให้ความรู้เรื่องการทำนาแบบขั้นบันได เพื่อให้เหมาะกับภูมิประเทศ
ทำให้เพิ่มผลผลิตและยังรายได้ที่มากขึ้นแก่ชาวบ้านและชาวเขาทุกคน
บรรยากาศอบอุ่นของการมาเยือนสถานีพัฒนาเกษตรที่สูงบ้านสะจุก-สะเกี้ยง
ก็คือภาพชาวบ้านยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างมีความสุข
เพราะสามารถทำผลผลิตได้มากขึ้น ทางโครงการฯ
ยังส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกพืชผักเมืองหนาว ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ
ไม่ว่าจะเป็น สตรอว์เบอร์รี, ต้นหม่อนและผักปลอดสารพิษ
และยังแนะนำการทำปศุสัตว์ใน ครัวเรือน อย่าง การเลี้ยงหมู ไก่ เป็ด แกะ
และแพะ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว อาจจะเดินทางลำบากสักนิด
แต่ก็เป็นจุดหมายที่ทำให้
ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวเหนืออย่างแท้จริง
- ทะเลหมอก งดงามกลางหุบเขา มักจะเกิดขึ้นยามเช้ามืด เห็นได้เกือบทุกวัน
- ชมนาขั้นบันได ไหล่เขาระหว่างการเดินทาง มีนาขั้นบันไดอวดโฉมอยู่เป็นระยะ
- จุดชมวิวช่องเขาขาด ชมวิวหุบเขาที่กว้างใหญ่ไพศาล(ระหว่างทางก่อนถึงโครงการ)
- เล่นกับแกะขนฟูแบบใกล้ชิดปราศจากรั้วกั้น
- ชิมสตรอว์เบอร์รี ที่ปลูกโดยชาวบ้านในพื้นที่ เป็นผลผลิต ของโครงการ
โทร. : 08-4818-1008
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.30-17.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : สิงหาคม-กันยายน (เที่ยวฤดูฝนดูนาข้าว) / พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ (เที่ยวหน้าหนาว)
การเดินทาง : จากตัวเมืองวิ่งออกมาทางทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1169 วิ่งตามทางไปประมาณ 37 กม. จะสุดทางให้เลี้ยวขวาเข้าถนนลอยฟ้า 1081 อำเภอสันติสุข-อำเภอบ่อเกลือ ตรงไปจนผ่านอุทยานแห่งชาติขุนน่านแล้วมุ่งตรงไปอีกประมาณ 44 กม. เพื่อเข้าสู่หมู่บ้านสะจุก
พะเยา
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า
” ศูนย์พัฒนา โครงการหลวงปังค่า จัดตั้งขึ้น เพื่อสืบต่อ
การดูแลชาวเขาให้มี ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน “
การดูแลชาวเขาให้มี ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน “
เป็นโครงการหลวงหนึ่งเดียวในจังหวัดพะเยา เป็นโครงการพระราช
ดำริ ที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่กว่า 2
หมื่นไร่ ภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาและภูเขาสูง รูปแบบการเกษตร
จึงเป็นแบบเมืองหนาว มีแหล่งน้ำสำคัญคือ ลำน้ำแม่คะ และลำน้ำเงิน
ด้วยทัศนียภาพที่งดงามของบ้านปังค่า
ซึ่งตั้งอยู่ภายในวนอุทยานแห่งชาติภูลังกา
ทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย
และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมา เฝ้าชมพระอาทิตย์ตกที่ลานหินล้านปี
อีกหนึ่งความโดดเด่นของโครงการหลวงปังค่า
ก็คือ วิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าม้งและเผ่าเมี่ยน ทางศูนย์ฯ
มีการจัดแสดงวัฒนธรรม
ศิลปะและงานหัตถกรรมชาวเขา สร้างสีสันที่น่าประทับใจให้กับทริปท่องเที่ยวอีกด้วย
- ภูเทวดาที่ยอดดอยภูลังกา นอกจากวิวภูเขา วิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกท่ามกลางดอกไม้ป่าแสนงดงาม ยังสามารถมองเห็นลาวและสามเหลี่ยมทองคำได้อย่างชัดเจน
- หมู่บ้านสิบสองพัฒนาและบ้านปางค่าเหนือ เยี่ยมชมและสัมผัสวิถีชีวิตของชนเผ่าม้ง
- แปลงสาธิตการปลูกผักในโรงเรือน ชมแปลงผักเมืองเหนือ อาทิ มะเขือเทศโทมัส, เสาวรสหวาน, อะโวคาโด, แมคคาเดเมีย, มะม่วงนวลคำ และเคพกูสเบอร์รี
- ชมทะเลหมอกมีหลากหลายจุด อาทิ บ้านปางมะโอ ดอยภูนม และดอยหัวลิง
- ถ่ายภาพคู่กับทุ่งดอกเยอบีร่าและกุหลาบหลายสายพันธุ์
- กางเต็นท์พักท่ามกลางธรรมชาติ ใจกลางวนอุทยานภูลังกา
โทร. : 08-8410-9089
facebook : www.facebook.com/ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.00-17.00น.
ฤดูท่องเที่ยว : กันยายน-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : จากใจกลางเมือง ผ่าน อ.ดอกคำใต้-จุนมุ่งหน้าไป อ.เชียงคำ ตามทางหลวงหมายเลข 1179 เลี้ยวขวาที่ กม.8เข้าทางหลวงสาย 1148 สายเชียงคำ -น่าน จากนั้นเลี้ยวซ้ายที่ กม.90 ประมาณ 5 กม. จนถึงวนอุทยานภูลังกา
พิษณุโลก
1. โครงการพัฒนาป่าไม้ตามพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า
” แหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้เพาะชำกล้าไม้หายากที่ควรอนุรักษ์
พันธุกรรมไว้เพื่อปลูกตามแนวพระราชดำริ “
พันธุกรรมไว้เพื่อปลูกตามแนวพระราชดำริ “
ใครแวะเวียนมาสูดอากาศสดชื่นท่ามกลางภูเขาเขียวขจีสัมผัสอากาศเย็นสบายกันที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ที่นี่ยังมีแหล่งเรียนรู้การพัฒนาป่าไม้และเพาะชำกล้าไม้หายาก อันเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
จัดตั้งขึ้นเพื่อการฟื้นฟูสภาพป่า
เพาะชำกล้าไม้ และ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับราษฎร
ที่โครงการฯยังมีแปลงปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า แปลงสาธิต
การปลูกสตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน ปลอดสารพิษ
ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อย่างใกล้ชิด
พื้นที่ในโครงการฯ มีแนวหินผาเป็นจุดชมวิวถึง
6 จุดสำคัญ ได้แก่ ผาไททานิค ผาพบรัก ผาบอกรัก ผาคู่รัก ผารักยืนยง
และผาสลัดรัก สามารถยืนชมทิวทัศน์ผืนป่าเขียวชอุ่ม
ไม่เพียงแค่ทุ่งดอกกระดาษและหน้าผาแห่งรักเท่านั้น ในช่วงฤดูหนาว
ที่นี่ยังเป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่ง
หรือซากุระเมืองไทยผลิบานอีกหนึ่งจุดด้วย
- ทุ่งดอกกระดาษหรือดอกบานไม่รู้โรย อันเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญ ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องเกล้า
- ลานหินปุ่ม ชมสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า ที่ลานหินริหน้าผา
- ผาชูธง จุดชมอาทิตย์ยามอัสดงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
- เดินชมทุ่งดอกกระดาษที่ผาพบรักและต้นเมเปิลเปลี่ยนสี ที่โรงเรียนการเมือง ในช่วงฤดูหนาว
- ลัดเลาะเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก ระยะทางประมาณ 2,460 เมตร
โทร. : 08-1596-5977
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน
ฤดูท่องเที่ยว : มกราคม-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก ถึงสามแยกบ้านแยง แยกขวาผ่านบ้านห้วยตีนตั่ง- บ้านห้วยน้ำไซ-ฐานพัชรินทร์ สู่ที่ทำการอุทยานฯ รวมระยะทางประมาณ 31 กม.
2. สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก ในพระราชดำริ
” จากสมรภูมิรบ ในอดีต กลายเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญ
และแหล่งเรียนรู้พันธุ์ไม้ ท้องถิ่นที่ใกล้สูญพันธุ์และหาชมได้ยาก ของเมืองไทย “
และแหล่งเรียนรู้พันธุ์ไม้ ท้องถิ่นที่ใกล้สูญพันธุ์และหาชมได้ยาก ของเมืองไทย “
สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า พิษณุโลก
ในพระราชดำริ
เราสามารถมองเห็นดาวเต็มฟ้ายามค่ำคืน ตื่นเช้ามาพบสายหมอกลอยละล่องท่ามกลางขุนเขาเขียวขจี
และพบกับจุดชมทิวทัศน์มุมกว้างที่งดงามแห่งหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลก
ถูกจัดตั้งเป็นโครงการในพระราชดำริเพื่อพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดพิษณุโลก
ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ และเป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่ใกล้จะสูญพันธุ์และหาชมได้ยากเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
ต้นกุหลาบพันปีที่หาชมได้ยาก และต้นค้ออายุร้อยปี
ที่มองเห็นได้จากจุดชมวิวค้อเดียวดาย
มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติใกล้เคียงได้อย่าง น้ำตกชาติตระการ น้ำตกภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว และอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย
- จุดชมวิวค้อเดียวดาย จุดหมายที่ไม่ควรพลาด สำหรับการชมทะเลหมอกในฤดูฝน
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติ จุดชมพันธ์ุไม้สวยงามและหิ่งห้อยยามค่ำคืน
- ชมทิวทัศน์มุมกว้างของยอดดอยภูสอยดาวจากระยะไกล และทัศนียภาพครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ และเลย รวมถึงประเทศลาว ที่จุดชมวิวค้อเดียวดาย
- ชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ
- ชมสวนกุหลาบหลากสายพันธุ์และกุหลาบพันปี ที่ขึ้นชื่อว่าหาชมยาก ตลอดจนพันธุ์ไม้นานาพรรณ
โทร. 0-5531-6715, 08-1287-4994
เปิดให้เข้าชม: วันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-16.30 น.
ฤดูท่องเที่ยว : มกราคม-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : จากตัวเมือง ใช้เส้นทางหมายเลข 11 ก่อนกลับรถมาใช้เส้นทางหมายเลข 1296 หน่วยบริการประชาชน บ้านท่างาม อ.วัดโบสถ์ ตรงไป แล้วเลี้ยวขวาที่ทางแยกหน่วยบริการประชาชนบ้านโป่งแค ใช้เส้นทางหมายเลข 1143 ถึง อ.ชาติตระการ แล้วใช้เส้นทางหมายเลข 1237 ผ่านต.บ่อภาคไปประมาณ 80 กม. ถึงสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า
แม่ฮ่องสอน
1. ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดำริ
” แหล่งท่องเที่ยว ตามรอยพระบาท
ยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและ ส่งเสริมอาชีพ “
ยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและ ส่งเสริมอาชีพ “
ชื่นชมสายหมอกยามเช้า ที่ป่าสนริม อ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง
คือกิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของคนที่ได้มาเยือนแม่ฮ่อนสอน
ซึ่งปางอุ๋งนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง
ตามพระราชดําริ
แต่ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ปางอุ๋งเท่านั้น ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่โดยแบ่งเป็น
โครงการพระราชดำริปางตอง 1 2 3 และ 4
เป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้บนพื้นที่สูง
และเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามรอยพระบาทแห่งสำคัญ
- พระตำหนักปางตอง ชมเรือนประทับแรมไม้ 6 หลัง ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้บนไหล่เขา
- สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าปางตอง ชมสัตว์ป่าหาดูยากกว่า 30 ชนิด เช่น เสือลายเมฆ หมีควาย ไก่ฟ้า นกยูง เป็นต้น
- สถานีแปลงพันธุ์ไม้ดอก ชมเรือนเพาะชำต้นกล้าไม้เมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์
- ลัดเลาะเนินเขา ข้ามลำธารขึ้นไปชมพระตำหนักปางตอง ที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม
- ชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ
- ชมฝูงแกะและฝูงม้าที่ลานทุ่งหญ้ากว้าง แปลงผักปลอดสารพิษและผักพื้นเมือง
โทร. 0-5361-1244
เปิดให้เข้าชม : ทุกวัน 08.30-16.30 น.
ฤดูท่องเที่ยว : มกราคม-กุมภาพันธ์
การเดินทาง : ใช้ทางหลวง 1095 แม่ฮ่องสอน–ปายเมื่อถึงกม.ที่ 10 เลี้ยวซ้ายไปบ้านหมอกจำแป๋ ประมาณ 70 กม.
2. ศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปาย
ตามพระราชดดำริ (ท่าโป่งแดง)
ตามพระราชดดำริ (ท่าโป่งแดง)
” ลุ่มน้ำปาย คือจุดแรกที่กรมชลประทาน ใช้พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมของแม่ฮ่องสอน ตามโครงการ ในพระราชดำริ
เป็น ศูนย์เรียนรู้สู่การขยายผล เพื่อชุมชน คนและป่า “
และสิ่งแวดล้อมของแม่ฮ่องสอน ตามโครงการ ในพระราชดำริ
เป็น ศูนย์เรียนรู้สู่การขยายผล เพื่อชุมชน คนและป่า “
โครงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ณ
ศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปายแห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่
ซึ่งทำหน้าที่ เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ เดินทางง่ายเพียงแค่ 10
นาทีจากตัวเมือง ก็จะได้สัมผัสธรรมชาติอากาศบริสุทธิ์ และ
ยังเก็บเกี่ยวสารพันความรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
เน้นการเรียนรู้ด้วยฐานต่างๆ 9 ฐาน ได้แก่
ด้านป่าไม้ การจัดการไฟป่า การจัดการน้ำดิน และปุ๋ย ข้าว พืช ประมง
ปศุสัตว์ และการจัดการฟาร์ม
นับเป็นอีกศูนย์การเรียนรู้ที่ให้ความรู้รอบด้านและ พร้อมสรรพอย่างแท้จริง
- เรือนประทับแรมโป่งแดง จุดพักผ่อนที่ตั้งอยู่ถัดจากเรือนเพาะปลูก มีวิวแม่น้ำปายไหลผ่าน และหมู่มวลดอกไม้ที่อย่างสวยงาม
- ฐานเรียนรู้ข้าว พบกับแปลงนาขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวให้ได้คุณภาพ
- พลับพลาทรงงาน เยี่ยมชมสถานที่ทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อยามเสด็จพระราชดำเนินมาที่นี่
- ขี่ช้าง และล่องแพ สัมผัสธรรมชาติในป่าใหญ่
- ปั่นจักรยานชมวิวรอบบริเวณโครงการเพื่อชมทัศนียภาพงดงามของป่าไม้และอ่างเก็บน้ำ
- ชมกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ที่ได้รับการวิจัยตามพระราชเสาวนีย์
โทร. 0-5368-4377
เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น.
ฤดูท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน มุ่งหน้าผ่านศูนย์ศิลปาชีพแม่ฮ่องสอน เลี้ยวขวามุ่งหน้าไปสู่แม่น้ำปาย ผ่าน วัดท่าโป่งแดง ศูนย์วิจัยฯ จะตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำปาย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 70waysofking.tourismthailand.org