แชร์เก็บไว้เลย! 9 เหตุผลที่คุณควรรับประทานขิงทุกวัน
ขิง ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวเอเชียซึ่งความพิเศษของมันอยู่ที่ความจัดจ้าน ทั้งกลิ่นหอมที่โดดเด่นและความเผ็ดร้อนของขิงจะช่วยปลุกรสชาติของอาหารให้มีชีวิตชีวา นอกจากนี้ขิงยังขึ้นชื่อในเรื่องสรรพคุณด้านสมุนไพร หลายทศวรรษมาแล้วที่ขิงถูกใช้ในทางการแพทย์จีนเพื่อรักษาโรคหวัด อาการปวดท้อง คลื่นไส้ แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย และท้องเสีย
ขิงหั่นหรือขิงขูดต้มในน้ำร้อนจะช่วยป้องกันอาการเริ่มแรกของโรคหวัดรวมถึงอาการคลื่นไส้เมื่อการใช้ยาไม่ได้ผลด้วย (เราสามารถวางขิงที่ฝานสดใหม่ไว้ได้ทั้งในปากหรือบนสะดือพร้อมกับผ้าพันแผล) ปัจจุบันขิงก็ยังเป็นยาสมุนไพรสำหรับคนที่เชื่อในการรักษาแผนโบราณ และนี่คือคุณประโยชน์ของเครื่องเทศชนิดนี้
1. ต้านการอักเสบ
ขิงอุดมไปด้วยสารที่มีประโยชน์นานาชนิดเพื่อช่วยต้านการอักเสบ เช่น สารจินเจอรอล เนื่องจากการอักเสบเป็นต้นตอของโรคเรื้อรังต่างๆรวมทั้งโรคอ้วน เบาหวาน อาการปวด และโรคหัวใจ
2. ลดริ้วรอย
ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับกลูต้าไธโอนในร่างกายและต่อสู้กับสภาวะความเครียดออกซิเดชั่น นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อีกด้วย
3. ช่วยลดอาการปวดจากการออกกำลังกาย
การรับประทานขิงก่อนขี่จักรยานจะช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
4. ช่วยลดน้ำหนัก
ชาขิงจะช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบการเผาผลาญและบรรเทาอาการหิวซึ่งหมายถึงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก
5. รักษาโรคโลหิตจาง
ขิงและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของมันซึ่งได้แก่จินเจอรอลและโชกาออลจะช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดในร่างกายและทำให้อาการของโรคโลหิตจางดีขึ้น
6. รักษาโรคเบาหวาน
ขิงสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบอีกว่าการดื่มขิงผสมน้ำผึ้งจะช่วยลดสภาวะความเครียดออกซิเดชั่นและภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ด้วย
7. ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
ตั้งแต่ยุคโบราณมักจะมีการนำขิงมาใช้ในการป้องกันโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอายุรวมถึง อาการสมองตื้อและระบบประสาทเสื่อม ขณะที่การศึกษาล่าสุดได้เน้นประโยชน์ในการใช้ขิงเพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์
8. บรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม
ในการแพทย์ของอินโดนีเซียขิงแดงถูกจัดให้เป็นยาเพื่อบรรเทาอาการปวดข้ออักเสบ ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าการรักษาโดยใช้ลูกประคบแบบดั้งเดิมหรือแผ่นแปะที่มีส่วนประกอบของขิงสามารถบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อมเรื้อรังได้
9. ป้องกันโรคตับ
โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา (NAFLD) คือโรคตับทั่วไปที่กลายเป็นโรคระบาดอย่างรวดเร็วและภาวะต้านทานอินซูลินก็เป็นอาการหลักของผู้ป่วย NAFLD แต่สารจินเจอรอลในขิงจะช่วยบรรเทาภาวะต้านทานต่ออินซูลินซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติในการป้องกัน NAFLD
วิธีเติมรสชาติในชีวิตด้วยขิง
หาซื้อรากขิงที่สมบูรณ์ในแผนกผัก เมื่อสัมผัสแล้วต้องไม่นิ่ม ไม่เหี่ยว แห้ง หรือขึ้นรา สำหรับขิงสดอย่างแรกให้ปอกเปลือกและตัดรากสีเหลืองออก นำมาสับละเอียดและใช้ได้ทันที นอกจากนี้คุณยังสามารถทำเป็นชาขิงสดโดยเพิ่มขิงสับละเอียดลงไปในน้ำเดือด ทิ้งไว้ 2-3 นาทีจากนั้นก็กรองเอาขิงออก
เครดิต: http://issue247.com
ขิง ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวเอเชียซึ่งความพิเศษของมันอยู่ที่ความจัดจ้าน ทั้งกลิ่นหอมที่โดดเด่นและความเผ็ดร้อนของขิงจะช่วยปลุกรสชาติของอาหารให้มีชีวิตชีวา นอกจากนี้ขิงยังขึ้นชื่อในเรื่องสรรพคุณด้านสมุนไพร หลายทศวรรษมาแล้วที่ขิงถูกใช้ในทางการแพทย์จีนเพื่อรักษาโรคหวัด อาการปวดท้อง คลื่นไส้ แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย และท้องเสีย
ขิงหั่นหรือขิงขูดต้มในน้ำร้อนจะช่วยป้องกันอาการเริ่มแรกของโรคหวัดรวมถึงอาการคลื่นไส้เมื่อการใช้ยาไม่ได้ผลด้วย (เราสามารถวางขิงที่ฝานสดใหม่ไว้ได้ทั้งในปากหรือบนสะดือพร้อมกับผ้าพันแผล) ปัจจุบันขิงก็ยังเป็นยาสมุนไพรสำหรับคนที่เชื่อในการรักษาแผนโบราณ และนี่คือคุณประโยชน์ของเครื่องเทศชนิดนี้
1. ต้านการอักเสบ
ขิงอุดมไปด้วยสารที่มีประโยชน์นานาชนิดเพื่อช่วยต้านการอักเสบ เช่น สารจินเจอรอล เนื่องจากการอักเสบเป็นต้นตอของโรคเรื้อรังต่างๆรวมทั้งโรคอ้วน เบาหวาน อาการปวด และโรคหัวใจ
2. ลดริ้วรอย
ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยเพิ่มระดับกลูต้าไธโอนในร่างกายและต่อสู้กับสภาวะความเครียดออกซิเดชั่น นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อีกด้วย
3. ช่วยลดอาการปวดจากการออกกำลังกาย
การรับประทานขิงก่อนขี่จักรยานจะช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
4. ช่วยลดน้ำหนัก
ชาขิงจะช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบการเผาผลาญและบรรเทาอาการหิวซึ่งหมายถึงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก
5. รักษาโรคโลหิตจาง
ขิงและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของมันซึ่งได้แก่จินเจอรอลและโชกาออลจะช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดในร่างกายและทำให้อาการของโรคโลหิตจางดีขึ้น
6. รักษาโรคเบาหวาน
ขิงสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบอีกว่าการดื่มขิงผสมน้ำผึ้งจะช่วยลดสภาวะความเครียดออกซิเดชั่นและภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ด้วย
7. ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
ตั้งแต่ยุคโบราณมักจะมีการนำขิงมาใช้ในการป้องกันโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอายุรวมถึง อาการสมองตื้อและระบบประสาทเสื่อม ขณะที่การศึกษาล่าสุดได้เน้นประโยชน์ในการใช้ขิงเพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์
8. บรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม
ในการแพทย์ของอินโดนีเซียขิงแดงถูกจัดให้เป็นยาเพื่อบรรเทาอาการปวดข้ออักเสบ ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าการรักษาโดยใช้ลูกประคบแบบดั้งเดิมหรือแผ่นแปะที่มีส่วนประกอบของขิงสามารถบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อมเรื้อรังได้
9. ป้องกันโรคตับ
โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา (NAFLD) คือโรคตับทั่วไปที่กลายเป็นโรคระบาดอย่างรวดเร็วและภาวะต้านทานอินซูลินก็เป็นอาการหลักของผู้ป่วย NAFLD แต่สารจินเจอรอลในขิงจะช่วยบรรเทาภาวะต้านทานต่ออินซูลินซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติในการป้องกัน NAFLD
วิธีเติมรสชาติในชีวิตด้วยขิง
หาซื้อรากขิงที่สมบูรณ์ในแผนกผัก เมื่อสัมผัสแล้วต้องไม่นิ่ม ไม่เหี่ยว แห้ง หรือขึ้นรา สำหรับขิงสดอย่างแรกให้ปอกเปลือกและตัดรากสีเหลืองออก นำมาสับละเอียดและใช้ได้ทันที นอกจากนี้คุณยังสามารถทำเป็นชาขิงสดโดยเพิ่มขิงสับละเอียดลงไปในน้ำเดือด ทิ้งไว้ 2-3 นาทีจากนั้นก็กรองเอาขิงออก
เครดิต: http://issue247.com