ถ้าไม่อยากอ้วน พุงปลิ้น ลดน้ำหนักให้ตายก็ไม่ลง แนะนำให้เลิกนิสัยเหล่านี้เลย!

บางทีความอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ก็เกิดมาจากลักษณะในการกินที่ทำซ้ำๆ จนติดเป็นนิสัย แต่หลายคนไม่รู้ตัว ซึ่งถ้าแก้นิสัยเหล่านั้นได้ โอกาสที่ความอ้วนจะลดลงก็มีสูง และต่อไปนี้คือนิสัยการกินที่ควรปรับเปลี่ยน ถ้าอยากมีรูปร่างและสุขภาพที่ดีขึ้น

1. กินข้าวเร็ว จนแทบไม่เสียเวลาเคี้ยวหรือเคี้ยวไม่ละเอียด ทำให้ไม่รู้สึกอิ่ม เสี่ยงที่จะทานมากกว่าปริมาณที่ต้องการ เพราะกระเพาะยังไม่ทันรับรู้ถึงความอิ่ม จึงคิดว่ายังรับอาหารได้อีก ดังนั้นการทานแบบค่อยๆกินจะทำให้อิ่มเร็วขึ้น และได้ปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับความหิว แถมยังรับรู้รสชาติอาหารได้ดีกว่าด้วย

2. เสียดายของ นิสัยนี้เกิดจากคำสั่งสอนว่าจะต้องกินข้าวให้หมดจาน อย่าเหลือทิ้งไว้ สงสารชาวนาที่ปลูกข้าว กว่าจะได้ข้าวเม็ดหนึ่งมาให้เรากิน แม้จะอิ่มแล้วหลายคนก็ต้องกัดฟันกินให้หมด คำสอนนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ควรทำควบคู่กันไป คือการกะปริมาณอาหารให้เหมาะสม เมื่อเป็นคนขี้เสียดาย ก็ต้องรู้จักประเมินความอยากของตัวเอง

3. กินแก้เครียด นิสัยนี้เป็นกันมาก บางคนทำไปโดยไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่าการระบายความเครียดด้วยการกินนั้นอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเป็นโรคจิต เสพติดการแก้เครียดด้วยการกิน ดังนั้นเมื่อเกิดความเครียดให้ลองหากิจกรรมอื่นๆ ทำ เช่น ออกไปเดินในสวน ออกกำลังกาย พูดคุยกับคนรอบข้าง หรือถ้าหากอยากทานมากจริงๆ ให้เลือกทานผัก ผลไม้ แทนอาหารที่มีพลังงานสูง

4. ให้รางวัลด้วยการกิน ถือเป็นพฤติกรรมปกติในสังคมปัจจุบัน ที่เวลาดีใจหรือทำอะไรประสบความสำเร็จต้องมีการนัดฉลองกัน เช่น กินฉลองสอบได้ กินฉลองได้ลูกค้าใหม่ กินฉลองวันเกิด หรือแม้แต่กินฉลองความโสด ฯลฯ ลองเปลี่ยนวิธีการให้รางวัลเป็นของขวัญ ไปเที่ยว หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ต้องมาโยงกับการกิน เพราะการฉลองแต่ละครั้งจะเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มมากมาย และทุกคนมักจะคิดว่านานๆ ที ไม่เป็นไร ทั้งที่เดือนทั้งเดือนอาจมีงานฉลองแบบเดียวกันที่คุณปฏิเสธไม่ได้อีกหลายงาน

5. กินอาหารคาวเสร็จต้องตามด้วยของหวาน นิสัยที่กำลังกระจายในคนส่วนใหญ่เพื่อให้ครบสูตร หรือการไปทานเค้กและขนมหวานอินเทรนด์ทั้งหลาย นานๆ ไปทีไม่มีปัญหา หรือถ้าดูแลสุขภาพร่างกายดีก็ไม่ว่ากัน เเต่ถ้ากินของหวานอย่างต่อเนื่องหรือติดเป็นนิสัยไปแล้วล่ะก็ อยากให้ลองเปลี่ยนของหวานเป็นผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง แตงโม หรือผลไม้ที่หวานน้อยๆ จะดีกว่า

6. ต้องกินให้คุ้ม ในกระแสบุฟเฟ่ต์สุดคุ้ม ที่เข้าไปอยู่ในสายเลือดของคนไทยจนติดนิสัย ต้องไปทานกันบ่อยๆ ซึ่งการทานบุฟเฟ่ต์แต่ละครั้งอาจได้รับพลังงานหลายพันแคลอรี โดยเฉพาะถ้าตั้งใจไปทานแบบเอาให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไป บางคนอิ่มพุงกางและท้องอืดไปหลายชั่วโมง จงจำไว้ว่าสิ่งที่เหลือคือไขมัน และการทานอาหารมากเกินไป จะทำให้กระเพาะอาหารและระบบย่อยทำงานหนักเกินไป ทางที่ดีกินบุฟเฟ่ต์ครั้งต่อไปขอให้ทานเเค่พออิ่ม และเลือกอาหารที่จะทาน อย่าไปเสียดายเงิน เพราะถ้าเกิดป่วยขึ้นมา เงินที่เอามารักษาอาจมากกว่าราคาบุฟเฟ่ต์ไม่รู้กี่เท่า

7. ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ข้อนี้สำหรับคนที่เผลอกินจนอ้วนแล้ว แต่พอไปเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก เจอว่ามันลดช้าก็ท้อใจ หันกลับไปอยู่กับนิสัยการกินแบบเดิมอีก บางคนถึงขั้นยอมรับว่า ความอ้วนยังไงก็ต้องอยู่ติดตัวไปทั้งชีวิต อยากจะบอกว่า ยอมแพ้วันนี้ก็ต้องแพ้ไปตลอดชีวิต แต่ถ้าตั้งใจสู้เราก็มีหวังเอาชนะได้

8. ออกกำลังกายแล้วกินเยอะขึ้น นิสัยแบบนี้ทำให้การลดน้ำหนักพังไปหลายรายแล้ว การออกกำลังกายหนักแล้วชะล่าใจกลับมาทานหนัก เพราะคิดว่าไม่เป็นไรเอาออกได้ เป็นความคิดที่ผิดมาก ถ้าหากต้องการลดน้ำหนัก คุณต้องดูแลเรื่องอาหารการกินให้เหมาะสม เพื่อให้ได้พลังงานที่เหมาะสม และทำให้การลดน้ำหนักประสบความสำเร็จเร็วขึ้น ถ้าออกกำลังกายแล้วทานเยอะ พลังงานที่ได้รับอาจมากเกินไป หรือเท่ากับปริมาณการออกกำลังกาย ทำให้ดูเหมือนไม่มีความก้าวหน้า ทำให้ท้อใจและเลิกไปในที่สุด

ลองดูว่ามีข้อไหนที่เป็นจุดอ่อนของตัวเองบ้าง แล้วมาปรับปรุงแก้ไขจุดนั้นก่อน เพราะไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำ ถ้าหากมีความตั้งใจและมีความคิดว่า ความอ้วนคือบ่อเกิดของโรคร้าย และเป็นสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ