วิธีปลูกแก้วมังกรในกระถางสร้างรายได้ 5 หมื่น ต่อเดือน! ทำกำไรในระยะเวลาอันสั้น
สำหรับผู้ที่อยากปลูกแก้วมังกรไว้รับประทาน แต่มีพื้นที่จำกัดเชิญทางนี้เลยค่ะ เด็ดมาก การปลูกแก้วมังกรในกระถาง เหมาะสำหรับผู้มีพื้นที่น้อยหรือถ้ามีพื้นที่เยอะก็สามารถสร้างเป็นรายได้ครอบครัวได้เลย
1.ท่อน้ำทิ้งข้างในกลวงหน้ากว้าง4นิ้วยาว1.3เมตร(หรือเสาไม้ก็ได้)
2.กระถางหน้ากว้าง 50 ซ.ม.
3.ค้างด้านบนอาจทำจากไม้หรือปูนเป็นรูป4เหลี่ยมจัตุรัสกว้าง x ยาว 30 ซ.ม
4.ขุยมะพร้าว
5.ดิน
6.เชือกฟาง
1.ใช้เสาตั้งเป็นหลักในกระถาง
2. ใส่ขุยมะพร้าวรองก้นกระถางเพื่อให้น้ำถ่ายเทได้ดีในอัตราส่วน1 ใน 3 ของปริมาตรกระถางจากนั้นนำดินสำเร็จรูปผสมกับขุยมะพร้าวหรือแกลบดำใส่ลงไปในกระถางจนถึงขอบกระถาง
3.นำต้นแก้วมังกรมาปลูกให้ชิดกับเสา แล้วใช้เชือกฟางมัดต้นแก้วมังกรให้ติดกับเสา ไม่ต้องมัดให้แน่นมาก ควรผูกไว้จนกว่าต้นแก้วมังกรจะเจริญเติบโตจนพ้นหัวเสา
4.จากนั้นนำดินมากลบด้านบนของกระถางเป็นอันเสร็จ ต้นแก้วมังกรเป็นสามเหลี่ยมแต่จะมีอยู่ด้านหนึ่งที่เป็นด้านแบนดังนั้นเวลาผูกต้นแก้วมังกรให้จับด้านแบนของต้นเข้ากับหลักเพราะว่าด้านแบนเป็นด้านที่จะออกราก
1.การรดน้ำให้รดน้ำเพียง1ครั้งภายใน 2-3 วันและไม่ควรรดมากเกินไปเพราะอาจทำให้เป็นโรคโคนเน่าได้
2.การให้ปุ๋ยใส่ปุ๋ยทุก 15 วันใส่ครั้งละ 2-4 ช้อนโต๊ะสูตรที่ใช้ 15-15-15 หรือ 16-16-16 หลังจากใส่ปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำติดต่อกันเป็นเวลา3วัน(วันละครั้งเช้าหรือเย็นก็ได้)ถ้ามีปุ๋ยคอกเช่นมูลไก่หรือมูลวัวก็ใช้ได้และให้ใส่เดือนละ 1 ครั้ง เมื่อปลูกได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 ผสมกับ 15-15-15 ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง
ผลผลิต เมื่อแก้วมังกรอายุได้8เดือน-1ปี ก็จะเริ่มให้ผลผลิตประมาณ 30 ผลต่อหนึ่งค้าง ปีที่ 2 ประมาณ 50 ผลต่อหนึ่งค้างปีที่ 3 ประมาณ 100-200 ผล ต่อหนึ่งค้าง ปีที่ 4-15 ประมาณ 300 ผลต่อหนึ่งค้างขึ้นไป ขนาดของผลโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 ผลต่อหนึ่งกิโลกรัม
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีทั้งสรรพคุณทางยา คุณค่าทางโภชนาการ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพกับความงามอีกด้วย มักใช้บริโภคเพื่อจุดประสงค์ในการลดน้ำหนัก เพราะเนื่องจากเมื่อกินแก้วมังกรแล้วจะรู้สึกอิ่ม และแก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูงประกอบกับให้แคลอรี่ต่ำ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ให้ข้อมูลว่า แก้วมังกรสารที่มีประโยชน์คือ มิวซิเลจ (Mucilage) ซึ่งมีในเฉพาะในตระกูลกระบองเพชร มีลักษณะคล้ายวุ้นเจลช่วยดูดซับน้ำในร่างกาย และควบคุมระดับกลูโคสในคนที่เป็นโรคเบาหวานในชนิดที่ไม่ต้องใช้อินซูลินได้ สามารถช่วยในการบรรเทาโรคโลหิตจางช่วยเพิ่มธาตุเหล็กให้แก่ร่างกาย ช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของกระดูกและฟัน
ขณะที่ กรมวิชาการเกษตร ก็ให้ข้อมูลว่า ในแก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดงนั้น ยังมีสารไลโคปีนซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย
1.ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชุ่มชื้น และมีส่วนช่วยในชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยต่าง ๆ
2.ช่วยดับร้อนและดับกระหาย
3.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง เพราะมีวิตามินซีสูง
4.ช่วยบรรเทาอาการโรคความดันโลหิตได้
5.ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง
6.ช่วยกระตุ้นการขับน้ำนมในสตรี
7.ช่วยดูดซับสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย เช่น สารตกค้างอย่างตะกั่ว ที่มาจากควันท่อไอเสีย หรือสารตกค้างที่มาจากยาฆ่าแมลง
8.มีกากใยสูงช่วยในการขับถ่ายให้สะดวก แก้อาการท้องผูก
9.ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ แก้ปัญหาการขับถ่ายต่าง ๆ ให้ดีขึ้น
ที่มา : saraupdate.com
link : http://www.saraupdate.com/20986/
สำหรับผู้ที่อยากปลูกแก้วมังกรไว้รับประทาน แต่มีพื้นที่จำกัดเชิญทางนี้เลยค่ะ เด็ดมาก การปลูกแก้วมังกรในกระถาง เหมาะสำหรับผู้มีพื้นที่น้อยหรือถ้ามีพื้นที่เยอะก็สามารถสร้างเป็นรายได้ครอบครัวได้เลย
วัสดุ ? อุปกรณ์
1.ท่อน้ำทิ้งข้างในกลวงหน้ากว้าง4นิ้วยาว1.3เมตร(หรือเสาไม้ก็ได้)
2.กระถางหน้ากว้าง 50 ซ.ม.
3.ค้างด้านบนอาจทำจากไม้หรือปูนเป็นรูป4เหลี่ยมจัตุรัสกว้าง x ยาว 30 ซ.ม
4.ขุยมะพร้าว
5.ดิน
6.เชือกฟาง
วิธีการปลูก
1.ใช้เสาตั้งเป็นหลักในกระถาง
2. ใส่ขุยมะพร้าวรองก้นกระถางเพื่อให้น้ำถ่ายเทได้ดีในอัตราส่วน1 ใน 3 ของปริมาตรกระถางจากนั้นนำดินสำเร็จรูปผสมกับขุยมะพร้าวหรือแกลบดำใส่ลงไปในกระถางจนถึงขอบกระถาง
3.นำต้นแก้วมังกรมาปลูกให้ชิดกับเสา แล้วใช้เชือกฟางมัดต้นแก้วมังกรให้ติดกับเสา ไม่ต้องมัดให้แน่นมาก ควรผูกไว้จนกว่าต้นแก้วมังกรจะเจริญเติบโตจนพ้นหัวเสา
4.จากนั้นนำดินมากลบด้านบนของกระถางเป็นอันเสร็จ ต้นแก้วมังกรเป็นสามเหลี่ยมแต่จะมีอยู่ด้านหนึ่งที่เป็นด้านแบนดังนั้นเวลาผูกต้นแก้วมังกรให้จับด้านแบนของต้นเข้ากับหลักเพราะว่าด้านแบนเป็นด้านที่จะออกราก
การดูแลแก้วมังกรในกระถาง
1.การรดน้ำให้รดน้ำเพียง1ครั้งภายใน 2-3 วันและไม่ควรรดมากเกินไปเพราะอาจทำให้เป็นโรคโคนเน่าได้
2.การให้ปุ๋ยใส่ปุ๋ยทุก 15 วันใส่ครั้งละ 2-4 ช้อนโต๊ะสูตรที่ใช้ 15-15-15 หรือ 16-16-16 หลังจากใส่ปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำติดต่อกันเป็นเวลา3วัน(วันละครั้งเช้าหรือเย็นก็ได้)ถ้ามีปุ๋ยคอกเช่นมูลไก่หรือมูลวัวก็ใช้ได้และให้ใส่เดือนละ 1 ครั้ง เมื่อปลูกได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 ผสมกับ 15-15-15 ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง
ผลผลิต เมื่อแก้วมังกรอายุได้8เดือน-1ปี ก็จะเริ่มให้ผลผลิตประมาณ 30 ผลต่อหนึ่งค้าง ปีที่ 2 ประมาณ 50 ผลต่อหนึ่งค้างปีที่ 3 ประมาณ 100-200 ผล ต่อหนึ่งค้าง ปีที่ 4-15 ประมาณ 300 ผลต่อหนึ่งค้างขึ้นไป ขนาดของผลโดยเฉลี่ยประมาณ 3-4 ผลต่อหนึ่งกิโลกรัม
ประโยชน์ของแก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีทั้งสรรพคุณทางยา คุณค่าทางโภชนาการ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพกับความงามอีกด้วย มักใช้บริโภคเพื่อจุดประสงค์ในการลดน้ำหนัก เพราะเนื่องจากเมื่อกินแก้วมังกรแล้วจะรู้สึกอิ่ม และแก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีกากใยสูงประกอบกับให้แคลอรี่ต่ำ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ให้ข้อมูลว่า แก้วมังกรสารที่มีประโยชน์คือ มิวซิเลจ (Mucilage) ซึ่งมีในเฉพาะในตระกูลกระบองเพชร มีลักษณะคล้ายวุ้นเจลช่วยดูดซับน้ำในร่างกาย และควบคุมระดับกลูโคสในคนที่เป็นโรคเบาหวานในชนิดที่ไม่ต้องใช้อินซูลินได้ สามารถช่วยในการบรรเทาโรคโลหิตจางช่วยเพิ่มธาตุเหล็กให้แก่ร่างกาย ช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของกระดูกและฟัน
ขณะที่ กรมวิชาการเกษตร ก็ให้ข้อมูลว่า ในแก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดงนั้น ยังมีสารไลโคปีนซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย
นอกจากนี้แก้วมังกรยังมีประโยชน์อีกอีกมากมาย ดังนี้
1.ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชุ่มชื้น และมีส่วนช่วยในชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยต่าง ๆ
2.ช่วยดับร้อนและดับกระหาย
3.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง เพราะมีวิตามินซีสูง
4.ช่วยบรรเทาอาการโรคความดันโลหิตได้
5.ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง
6.ช่วยกระตุ้นการขับน้ำนมในสตรี
7.ช่วยดูดซับสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย เช่น สารตกค้างอย่างตะกั่ว ที่มาจากควันท่อไอเสีย หรือสารตกค้างที่มาจากยาฆ่าแมลง
8.มีกากใยสูงช่วยในการขับถ่ายให้สะดวก แก้อาการท้องผูก
9.ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ แก้ปัญหาการขับถ่ายต่าง ๆ ให้ดีขึ้น
ที่มา : saraupdate.com
link : http://www.saraupdate.com/20986/