สำคัญมากใครมีรถต้องอ่าน รถหาย จำเป็นต้องส่งค่างวดรถต่อหรือไม่ มาดูคำตอบกัน

รถหาย จำเป็นต้องส่งค่างวดรถต่อหรือไม่ มาดูคำตอบกัน สำคัญมากใครมีรถต้องอ่าน

สาระดีๆ วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง คุณรู้มั้ย! ว่ารถหาย จำเป็นต้องส่งค่างวดรถต่อหรือไม่? ถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นมากๆที่เพื่อนๆทุกคนควรทราบ ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์รถหายในขณะที่เรานั้นผ่อนรถอยู่ เราจำเป็นต้องจ่ายค่างวดต่อหรือไม่เนื่องจากหลายๆ ท่านยังเข้าใจว่า ยังจะต้องทำการผ่อนชำระค่างวดรถต่อไปเรื่อยๆ จนหมด ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปไขข้อข้องใจกันในวันนี้ตามมาเลย

รถติดไฟแนนซ์หายต้องผ่อนต่อหรือไม่?

ช่วงนี้เราต้องยอมรับว่าเศรษฐ์กิจมันตกสะเก็ด ที่ศาลทุกวันนี้มีคดีล้นศาลแล้ว

ทั้งคดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น เต็มศาลไปหมด เช้านี้ผมเปิดทีวีเห็นข่าวขโมย

รถป้ายแดงข้ามแดน น่าเป็นห่วง แทนเจ้าของรถยนต์ ที่ถูกขโมยไปในระหว่างที่กำลังผ่อนกับไฟแนนซ์

ว่าจะต้องผ่อนกุญแจรถต่อ หรือไม่? ขอแนะนำว่าให้แจ้งความเป็นหลักฐานกับตำรวจ

แล้วนำสำเนาการแจ้งความไปมอบให้ บ.ประกันภัย และไฟแนนซ์


ที่สำคัญผมขอย้ำเลยนะว่า ไม่ต้องผ่อนต่อ เพราะ กฎหมายเช่าซื้อ

คือ การให้เช่า + คำมั่นว่าจะขาย ดังนั้นเมื่อทรัพย์ ที่เช่าซื้อสูญหาย

สัญญาย่อมระงับ ผู้เช่าซื้อไม่ต้องส่ง ค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ


มีหลายคนโดนไฟแนนซ์ หลอกให้ผ่อนกุญแจ ทั้งๆที่สัญญาระงับไปแล้ว...

ในทางกฎหมาย ควรต้องหยุดจ่าย ค่างวดทันทีเพราะรถที่เช่าซื้อสูญหายไปแล้ว

สัญญาเช่าซื้อก็ต้องระงับ เงินประกันรถหายก็ได้ไปแล้ว ปกติวงเงินประกัน 80%

ของราคาเต็ม ดังนั้น จึงเหลือประเด็นเดียวว่า ค่าเสียหายมีเท่าไหร่ ?

เรื่องนี้ศาลฎีกาเคยวางบรรทัดฐานว่า ถ้ารถที่เช่าซื้อสูญหาย ก็ต้องมาคำนวณว่า

รถราคาเท่าใด ผู้เช่าซื้อจ่ายเงินค่างวดมาแล้ว เป็นเงินเท่าใด


บริษัทประกันได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทลิสซิ่งเนื่องจากรถหาย เป็นเงินเท่าใด

ถ้า 2 จำนวนนี้รวมกันแล้วเกินกว่าราคารถที่บริษัทลิสซิ่ง ซื้อมาอย่างนี้ผู้เช่าซื้อ

ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย ถ้าสัญญาเช่าซื้อ มีข้อตกลงให้บริษัทเรียกค่าเช่าซื้อที่ยังขาดอยู่ได้

แม้ว่าทรัพย์ที่เช่าซื้อ จะสูญหายก็ตาม เรื่องนี้ ศาลมีอำนาจ ที่จะกำหนดให้


ผู้เช่าซื้อชำระหรือไม่ก็ได้ ศาลก็จะกำหนดความเสียหาย ให้ตามสมควร

แต่มิใช่ให้ชำระค่าเช่าซื้อ จนครบเต็มตามสัญญา หากบริษัทไฟแนนซ์

ซึ่งทราบดีว่า รถยนต์เช่าซื้อหาย แล้วยังยังนำฟ้องคดีอีก ถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค โดยไม่เป็นธรรม สู้ในศาลได้เลยครับ


เครดิต เฟสบุ๊ค  ทนายวันชัย รังสรรค์ https://www.facebook.com/nongcm.law