"มูลนิธิกระจกเงา" ชี้แจงขั้นตอนการหาเด็กหาย แนะปชช.ช่วยเหลืออย่างถูกต้อง
นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีที่มีการส่งต่อภาพ ข่าว เด็กหญิงอายุ 14 ปีที่หายตัวไป กระทั่งพบตัวอยู่ที่เชียงใหม่ แต่สื่อและสังคมออนไลน์ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวว่า โดยปกติหากมีเหตุคนหายที่เป็นวัยรุ่น หรือ เด็ก ในทางปฏิบัติของมูลนิธิกระจกเงา การประชาสัมพันธ์ไม่ใช่วิธีการหลักที่ใช้ในการตามหา แต่จะเน้นการสืบสวนสอบสวนเป็นหลักก่อน
เพราะส่วนใหญ่เด็กมักจะเข้าข่ายไปโดยสมัครใจไปกับคนสนิท แฟน หรือ คนคุยด้วย ซึ่งจะติดตามจากเบาะแสต่าง ๆ รอบตัวเด็ก ทั้งการใช้โทรศัพท์มือถือ การเงิน และอื่น ๆ จากนั้นหากติดตามตัวพบแล้ว ตามขั้นตอนจะมีการประชาสัมพันธ์ว่าพบตัวเด็กแล้วและจะลบข้อมูลการประชาสัมพันธ์ออกจากระบบทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิของเด็ก
ส่วนสังคมทั่วไปเชื่อว่าส่วนใหญ่ อยากช่วยเหลือในการตามหา จึงมีการแชร์ภาพ และข้อมูลเพื่อส่งต่อการประชาสัมพันธ์ออกไป แต่หลังจากที่พบตัวเด็กแล้ว อยากจะให้ทุกคนหยุดการส่งต่อ เพราะจุดประสงค์เดิมคือต้องการช่วยเหลือและตามหาเด็ก ไม่ว่าเด็กจะหายไปด้วยเหตุผลใด แต่การเจอเด็กถือว่าเด็กปลอดภัยแล้ว ซึ่งการนำไปวิพากษ์วิจารณ์ต่อการเป็นการสร้างผลกระทบต่อทั้งตัวเด็ก ครอบครัว และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในกรณีของเด็กวัย 14 ครั้งนี้ ทางครอบครัว ตัวเด็ก และตัวผู้ต้องหา ได้รับบทเรียนราคาแพงแล้ว
ทั้งนี้ ได้ฝากถึงประชาชนทั่วไปว่าหากพบเหตุหรือการประชาสัมพันธ์ตามหาคนหาย สามารถสงต่อหรือแชร์ได้ แต่อยากให้ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดก่อน หรือติดต่อเข้ามายังศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงาได้ทันที
นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีที่มีการส่งต่อภาพ ข่าว เด็กหญิงอายุ 14 ปีที่หายตัวไป กระทั่งพบตัวอยู่ที่เชียงใหม่ แต่สื่อและสังคมออนไลน์ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวว่า โดยปกติหากมีเหตุคนหายที่เป็นวัยรุ่น หรือ เด็ก ในทางปฏิบัติของมูลนิธิกระจกเงา การประชาสัมพันธ์ไม่ใช่วิธีการหลักที่ใช้ในการตามหา แต่จะเน้นการสืบสวนสอบสวนเป็นหลักก่อน
เพราะส่วนใหญ่เด็กมักจะเข้าข่ายไปโดยสมัครใจไปกับคนสนิท แฟน หรือ คนคุยด้วย ซึ่งจะติดตามจากเบาะแสต่าง ๆ รอบตัวเด็ก ทั้งการใช้โทรศัพท์มือถือ การเงิน และอื่น ๆ จากนั้นหากติดตามตัวพบแล้ว ตามขั้นตอนจะมีการประชาสัมพันธ์ว่าพบตัวเด็กแล้วและจะลบข้อมูลการประชาสัมพันธ์ออกจากระบบทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิของเด็ก
ส่วนสังคมทั่วไปเชื่อว่าส่วนใหญ่ อยากช่วยเหลือในการตามหา จึงมีการแชร์ภาพ และข้อมูลเพื่อส่งต่อการประชาสัมพันธ์ออกไป แต่หลังจากที่พบตัวเด็กแล้ว อยากจะให้ทุกคนหยุดการส่งต่อ เพราะจุดประสงค์เดิมคือต้องการช่วยเหลือและตามหาเด็ก ไม่ว่าเด็กจะหายไปด้วยเหตุผลใด แต่การเจอเด็กถือว่าเด็กปลอดภัยแล้ว ซึ่งการนำไปวิพากษ์วิจารณ์ต่อการเป็นการสร้างผลกระทบต่อทั้งตัวเด็ก ครอบครัว และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในกรณีของเด็กวัย 14 ครั้งนี้ ทางครอบครัว ตัวเด็ก และตัวผู้ต้องหา ได้รับบทเรียนราคาแพงแล้ว
ทั้งนี้ ได้ฝากถึงประชาชนทั่วไปว่าหากพบเหตุหรือการประชาสัมพันธ์ตามหาคนหาย สามารถสงต่อหรือแชร์ได้ แต่อยากให้ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดก่อน หรือติดต่อเข้ามายังศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงาได้ทันที