Home »
ไอเดีย
»
พัดลมไม่หมุน หมุนช้า อย่าเพิ่งทิ้ง คุณซ่อมเองได้ ใช้งบแค่ 20 บาท
พัดลมไม่หมุน หมุนช้า อย่าเพิ่งทิ้ง คุณซ่อมเองได้ ใช้งบแค่ 20 บาท
พัดลมไม่หมุน หมุนช้า อย่าเพิ่งทิ้ง คุณซ่อมเองได้ ใช้งบแค่ 20 บาท
หน้าร้อนแบบนี้พัดลมขาดไม่ได้เลยโดยเฉพาะบ้านไหนไม่ติดแอร์พัดลมจะเป็นตัวช่วยให้ความเย็นชั้นดีมากทีเดียว
แต่มันก็มีเวลาที่เสีย เสื่อมสภาพได้เหมือนกัน
ไม่ใช่ว่าพัดลมทุกตัวจะหมุนได้ปกติตลอดไป มันก็มีบ้างที่จะต้องหมุนช้าลง
บ้างก็อาจจะไม่หมุนเลย บางคนถึงกับโยนพัดลมลงถังขยะเลย ใจเย็น ๆ ก่อนนะ
มันซ่อมได้โดยไม่ต้องเปลืองเงินซื้อใหม่เลยด้วย
วันนี้เราชวนมาซ่อมพัดลมเองในงบ 20 บาท โดยเรื่องนี้ได้นำมาแบ่งปันโดยคุณ
Control.A ในเว็บบอร์ดพันทิป รายละเอียดเป็นอย่างไรมาอ่านกัน
ซ่อมพัดลมไม่หมุนหรือหมุนช้าได้ด้วยตนเอง กับงบเพียง 20 บาท
เป็นไปได้นะโดยที่เราไม่ต้องเสียเงินซื้อพัดลมใหม่
ซึ่งเงินหลักร้อยหลักพันเลย ถ้าซ่อมได้ก็ซ่อมจะดีกว่า
ต้องขอบคุณคำแนะนำจากคุณ Control.A
ที่ได้ตั้งกระทู้รีวิวแนะนำการซ่อมพัดลมให้ทุกคนได้ทำตามกันแบบง่าย ๆ
เนื้อหาของกระทู้มีดังนี้ พัดลมไม่หมุน หมุนช้า หรือ หมุนๆ ไปแล้วหยุด
เราซ่อมได้ มาดูวิธีการกันครับ
ช่วงนั้อากาศร้อนมากๆ ทำไมพัดลมมันหมุนช้าจังอ่ะ
เพิ่งสังเกตได้ก็ตอนอากาศร้อนจัดๆ นี่แหละครับ เมื่อก่อนหน้าฝน
หน้าหนาวแทบไม่ค่อยสนใจ นั่งถึงก็กดเปิดพัดลมเอาแค่ลมเบาๆ ก็พอ
แต่พออากาศร้อนจัดๆ เพิ่งจะมาสังเกตุว่าพัดลมเราหมุนช้ามากๆ
ที่บ้านพัดลมตั้งโต๊ะที่บ้าน ซื้อมา 4 ปีแล้ว มีอาการหมุนช้ามากๆ กดไปเบอร์
3 แล้วยังหมุนเหมือนเบอร์ 1 อยู่เลย แกะมาทำความสะอาดก็แล้ว
ตรวจเช็คแกนหมุนก็ปกติไม่ได้ฝืดอะไร เป็นเจ้าตัวนี้ครับ ยี่ห้อ MIRA
พัดลมอิเล็กทรอนิกส์
อาการเสียที่ว่าเกิดจากตัว Capacitor ที่ทำงานร่วมกับ Motor
ของพัดลมครับ Capacitor หรือที่เรียกว่า ตัว C หรือบางคนเรียกตัว CAP ครับ
จริงๆ อาการพัดลมหมุนช้า ไม่หมุน โดยมากเกิดได้จาก 2 สาเหตุ ก็คือ Motor
เสีย และตัว Capacitor ค่ามันเสื่อมหรือเสียนั่นแหละครับ
ซึ่งโอกาสที่จะเสียมากที่สุดก็เป็นเจ้าตัว C นี่แหละครับ
ส่วนอาการอื่นๆ ที่อาจจะเกิดตัว C เสียได้อีกก็คือ พัดลมไม่หมุน หรือ ต้อง
Start ด้วยมือก่อนถึงจะทำงาน หรือ ทำงานไปซักพักก็ค่อยๆ หยุด จับตัว C
เปลี่ยนได้เลยเช่นกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะตรวจเช็คดูก่อนนะครับว่าแกนหมุนไม่ได้ฝืดมาก
อันนั้นเกิดจากไม่ค่อยได้ถอดมาล้างทำความสะอาด เป่า ปัด
ฝุ่นบริเวณมอเตอร์เลย ซึ่งควรทำเป็นประจำครับ 2-3
เดือนซักครั้งนึงหากเราใช้งานทุกวัน
เครื่องมือที่ใช้
– ไขควงแฉก
– คีมตัดหรือ Cutter ก็ได้
– หัวแร้ง
– ตะกั่วบัดกลี
– ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัว C หรือตัว CAP นั่นแหละครับ
– ส่วน Meter วัดไฟจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ไม่ค่อยจำเป็นผมเอามาเช็คเพื่อให้เห็นว่าตัวที่เสียเกิดจากตัว C
ตัว C ราคา 20 บาท ซื้อได้ที่ร้านอมร
หากใครมีโอกาสไปเดินบ้านหม้อก็อาจจะหาได้ในราคา 10-15 บาท
หรือร้านที่ขายอะหลั่ยเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วแต่สะดวกครับ
ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ค่าแบบไหนสำหรับตัวที่เราจะซ่อม
ก็ต้องถอดร์อพัดลมมาดูก่อนครับ ซึ่งโดยทั่วๆ ไป (เกือบทุกยี่ห้อทุกรุ่น)
ก็จะใช้ค่า 1.5uF (Micro Farad) 400V
แต่เพื่อชัวร์ก็ควรจะถอดรื้อดูก่อนครับ
หรือเอาตัวอย่างไปถามที่ร้านขายได้เลย บอกคนขายว่า C พัดลม
ขั้นตอนแรกก็ถอด ๆๆ ครับ ก่อนที่จะถอดอย่าลืมดึงปลั๊กก่อนนะครับ อันนี้สำคัญมากๆ
ทุกยี่ห้อของพัดลมเจ้าตัว C จะอยู่ติดกับ Motor ครับ
เพราะหากลากสายยาวไป สายที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะทำให้ค่า C
เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ เพราะฉะนั้นบริษัทผู้ผลิตก็จะเอาไว้ติดกับ Motor ครับ
โดยจะมีน๊อต 2 ตัว ต้องถอดน๊อตตัวบนก่อน จากนั้นก็ถอดตัวที่ท้ายครับ
หลังจากนั้นก็จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ ตัว C ก็คือที่ลูกศรชี้ไว้นั่นแหละครับ
ขันน๊อตตัดสายออกมาได้เลย ไม่มีขั้วครับ ตอนต่อกลับต่อยังไงก็ได้
เอามาตรวจวัดให้ดูครับ ค่าที่ได้ของตัวนี้คือ 0.444 uF
ซึ่งค่าปกติจะเป็น 1.5 uF เสียแน่นอน
ซึ่งถ้าค่าน้อยกว่านี้อาจจะทำให้พัดลมไม่หมุนเลยก็ได้ ค่าที่โชว์ในรูปคือ
444.2 nF (Nano Farad) ซึ่งก็เท่ากับ 0.4442 uF (Micro Farad) ซึ่งก็คล้ายๆ
กับ 1000 มิลลิกรัม เท่ากับ 1 ครับ 1000 เท่ากับ 1 กิโลกรัม นั่นแหละครับ
ซึ่งจริงๆ ค่าพวกนี้มันแบ่งย่อยได้ลงไปอีก มิลลิ —> ไมโคร —> นาโน
—> พิโก้ ใครเรียนมาทางสายวิทย์อาจจะคุ้นเคย
มาดูพระเอกของเราครับ ค่าที่วัดได้คือ 1.543 uF ครับ
จากนั้นก็ปอกสายไฟตรงปลายเพื่อพัดกลีครับ
ต้องระมัดระวังไม่ไปทำให้ส่วนอื่นๆ ของพัดลมเสียหายนะครับ เพราะขดลวด motor
จะเล็กมากๆ ขาดเอาได้ง่าย จริงๆ ขั้นตอนนี้ใครไม่มี หัว แ ร้ ง ตะกั่ว
ก็สามารถใช้วิธีการพันสายไฟได้ครับ เพียงแต่ต้องพันเข้ากันให้แน่นหนาที่สุด
และหลังจากนั้นต้องพันด้วยเทปพันสายไฟอีกครั้ง อันนี้จำเป็นมากๆ
นะครับไม่งั้นไฟช๊ดตเอาได้
เสร็จแล้วก็จัดเก็บตำแหน่งครับ ขัดน๊อตยึดตัว C
หรือหากตัวใหม่ที่ซื้อมาไม่มีขาสำหรับยึดน๊อต
เหมือนที่ผมซื้อมาก็ใช้กาวสองหน้าได้ครับ จากนั้นก็ใส่ฝาครอบคืนตำแหน่ง
ใส่ขาที่สำหรับดึงให้พัดลมส่าย คืนตำแหน่งครับ
จากนั้นเป็นอันเรียบร้อยครับ ซ่อมพัดลมด้วยงบประมาณ 20 บาท
หากยกไปหาช่างก็ประมาณ 100-150 บาท สำหรับใครที่เปลี่ยนตัว C
ไปแล้วพัดลมยังไม่หมุน (ส่วนคนที่หมุนช้านี่กลับมาปกติแน่นอน)
อาการเสียเป็นที่ Motor ค่อนข้างแน่
(ควรแกะฝาล่างดูว่าสายไฟขาดหรือเปล่าก่อนนะ ต้องระมัดระวังหน่อยนะครับ)
อาการ Motor เสียค่าซ่อมประมาณ 200-300 บาท
ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยคุ้มสำหรับคนที่มีพัดลมตัวเล็ก ๆ ราคา 300-500 บาท
ลองซ่อมดูได้ครับ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องพัดลม อากาศร้อนๆ ได้รับลมเย็นๆ
จะได้ใจเย็นๆ อารมณ์ดีๆ กันครับ
จากคำแนะนำอย่างดีของคุณ Control.A
นี้ก็ทำให้หลายบ้านประหยัดงบในการซื้อพัดลมลงไปได้ เราก็ได้ความเย็นแบบเร็ว
ๆ แบบเดิมกลับมาด้วยเงินเพียง 20 บาท เท่านั้นเอง
เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็อย่าเพิ่งใจร้อนทิ้งพัดลมตัวเก่าที่มันหมุนช้าไปนะ
หรืออย่าเพิ่งตัดสินใจเร็วซื้อตัวใหม่มาแทนเอาเงินตรงนั้นไปทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะ
ส่วนพัดลมนั้นลองซ่อมดูสิแล้วคุณจะรู้สึกว่ามันคุ้มกว่าซื้อใหม่เยอะเลย
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สมาชิก Control.A เว็ปไซต์พันทิพ ,SomchaiDIY