ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
(18 พ.ย.) เมื่อเวลา 22.30 น. ที่ สภ.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี
นางน้อย นามสมมุติ อายุ 47 ปี อาชีพ นางพยาบาล ได้นำตัว ด.ญ.เอ นามสมมุติ
บุตรสาว อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
โรงเรียนดังย่านเมืองนนทบุรี ซึ่งเป็นเด็กมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือ
โรค LD เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุพัฒน์ สระปะโคน ร้อยเวร สภ.บางศรีเมือง
เพื่อทำเอกสารส่งตัว ด.ญ.เอ ตรวจร่างกาย
หลังนางน้อยได้เดินทางเข้าแจ้งความว่าลูกสาวถูก นายสุรีย์ หรือ บอล ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา พระลูกวัดแห่งหนึ่ง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้ทำการพรากผู้เยาว์และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 พ.ย.59 เวลาประมาณ 11.00 น.
จากการสอบถาม ด.ญ.เอ นามสมมุติ ทราบว่ารู้จักกับพระบอลตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 59 เนื่องจากวัดอยู่ใกล้กับบ้านพักและ ด.ญ.เอ ได้ตามคุณตาไปทำบุญที่วัดดังกล่าว หลังจากนั้นพระได้เขียน จม.มาหาและนัดพบกันที่ภายในวัด จากนั้นพระบอลได้ซื้อโทรศัพท์มือถือและสิ่งของอื่นๆ ให้ จึงได้มีการติดต่อพูดคุยกันทางโปรแกรมแชท
โดยพระบอลส่งข้อความมีการนัดให้มาหาที่วัดบ่อยครั้ง แต่ละครั้งให้เข้าไปในที่ลับตาเช่นข้างหลังวัด ห้องน้ำวัด มีการจับมือ หอมแก้ม จับอวัยวะเพศจนถึงขั้นมีความสัมพันธ์กัน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมีความสัมพันธ์ทางเพศหลายครั้ง จนกระทั่งแม่และน้าสาวทราบเรื่องจึงได้มาแชทคุยกับพระบอลเอง จนพระบอลสงสัยและต่อว่าด.ญ.เอว่านิสัยเปลี่ยนไป เพราะคิดว่าเป็นด.ญ.เอเป็นคนแชทคุย
นางน้อย มารดา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า มาแจ้งความคดีกระทำชำเราเด็ก คู่กรณีเป็นพระภิกษุเพราะวัดกับบ้านอยู่ไม่ไกลกัน ลูกสาวตามคุณตาไปสวดมนต์และทำบุญที่วัด จะไปบ่อยครั้งหลังจากที่คุณยายเสียตั้งแต่เดือนมิถุนายน ตาไม่รู้ว่าหลานไปเจอกับพระและมีการพูดคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้อีกทีเพราะโทรศัพท์มีข้อความแชทและการโทรที่เกินกำหนดที่ตั้งไว้ จึงสงสัยและได้ถามลูกบอกว่าคนที่คุยด้วยเป็นเพื่อน
จนในที่สุดเดือนตุลาคม วันที่ 23 พบข้อความที่หยาบคายในแชทและมีหน้าคนที่เหมือนใส่วิก จึงได้ไปให้อาจารย์ที่โรงเรียนช่วยดูเพราะครูแจ้งว่าเด็กเริ่มมีแฟนแล้ว จากนั้นได้ช่วยกันสืบและติดตามข้อมูล จนพบเด็กที่อาศัยอยู่ที่วัดบอกว่าคนในรูปเป็นพระที่วัด ชื่อบอล จากนั้นได้เอารูปพระจากงานศพยายให้ลูกดู ลูกก็ยอมรับว่าเป็นภาพนายบอลจริง
ตนจึงได้ตักเตือนลูกสาวแต่ลูกสาวมีอาการต่อต้านไม่ฟัง ตนเครียดมาก ไม่ได้ปล่อยลูกดูแลตลอดไม่คิดว่าระยะเวลาสั้นๆกับความไว้ใจจะเกิดสิ่งไม่ดีต่อลูก ไม่คิดว่าการกระทำขอพระในวัดจะทำสิ่งชั่วร้ายออกมา ตนไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บรวบรวมหลักฐานพร้อมทั้งสอบปากคำนางน้อย พร้อมทั้งส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย โดยหลังจากนี้จะทำการสอบสวนผู้เสียหายพร้อมสหวิชาชีพต่อหน้าอัยการอีกครั้งเนื่องจากเป็นเยาวชน หลังจากนี้จะทำการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา http://news.sanook.com/2104002/
หลังนางน้อยได้เดินทางเข้าแจ้งความว่าลูกสาวถูก นายสุรีย์ หรือ บอล ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 35 ปี สัญชาติกัมพูชา พระลูกวัดแห่งหนึ่ง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้ทำการพรากผู้เยาว์และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 พ.ย.59 เวลาประมาณ 11.00 น.
จากการสอบถาม ด.ญ.เอ นามสมมุติ ทราบว่ารู้จักกับพระบอลตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 59 เนื่องจากวัดอยู่ใกล้กับบ้านพักและ ด.ญ.เอ ได้ตามคุณตาไปทำบุญที่วัดดังกล่าว หลังจากนั้นพระได้เขียน จม.มาหาและนัดพบกันที่ภายในวัด จากนั้นพระบอลได้ซื้อโทรศัพท์มือถือและสิ่งของอื่นๆ ให้ จึงได้มีการติดต่อพูดคุยกันทางโปรแกรมแชท
โดยพระบอลส่งข้อความมีการนัดให้มาหาที่วัดบ่อยครั้ง แต่ละครั้งให้เข้าไปในที่ลับตาเช่นข้างหลังวัด ห้องน้ำวัด มีการจับมือ หอมแก้ม จับอวัยวะเพศจนถึงขั้นมีความสัมพันธ์กัน ตลอดเวลาที่รู้จักกันมีความสัมพันธ์ทางเพศหลายครั้ง จนกระทั่งแม่และน้าสาวทราบเรื่องจึงได้มาแชทคุยกับพระบอลเอง จนพระบอลสงสัยและต่อว่าด.ญ.เอว่านิสัยเปลี่ยนไป เพราะคิดว่าเป็นด.ญ.เอเป็นคนแชทคุย
นางน้อย มารดา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า มาแจ้งความคดีกระทำชำเราเด็ก คู่กรณีเป็นพระภิกษุเพราะวัดกับบ้านอยู่ไม่ไกลกัน ลูกสาวตามคุณตาไปสวดมนต์และทำบุญที่วัด จะไปบ่อยครั้งหลังจากที่คุณยายเสียตั้งแต่เดือนมิถุนายน ตาไม่รู้ว่าหลานไปเจอกับพระและมีการพูดคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้อีกทีเพราะโทรศัพท์มีข้อความแชทและการโทรที่เกินกำหนดที่ตั้งไว้ จึงสงสัยและได้ถามลูกบอกว่าคนที่คุยด้วยเป็นเพื่อน
จนในที่สุดเดือนตุลาคม วันที่ 23 พบข้อความที่หยาบคายในแชทและมีหน้าคนที่เหมือนใส่วิก จึงได้ไปให้อาจารย์ที่โรงเรียนช่วยดูเพราะครูแจ้งว่าเด็กเริ่มมีแฟนแล้ว จากนั้นได้ช่วยกันสืบและติดตามข้อมูล จนพบเด็กที่อาศัยอยู่ที่วัดบอกว่าคนในรูปเป็นพระที่วัด ชื่อบอล จากนั้นได้เอารูปพระจากงานศพยายให้ลูกดู ลูกก็ยอมรับว่าเป็นภาพนายบอลจริง
ตนจึงได้ตักเตือนลูกสาวแต่ลูกสาวมีอาการต่อต้านไม่ฟัง ตนเครียดมาก ไม่ได้ปล่อยลูกดูแลตลอดไม่คิดว่าระยะเวลาสั้นๆกับความไว้ใจจะเกิดสิ่งไม่ดีต่อลูก ไม่คิดว่าการกระทำขอพระในวัดจะทำสิ่งชั่วร้ายออกมา ตนไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บรวบรวมหลักฐานพร้อมทั้งสอบปากคำนางน้อย พร้อมทั้งส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย โดยหลังจากนี้จะทำการสอบสวนผู้เสียหายพร้อมสหวิชาชีพต่อหน้าอัยการอีกครั้งเนื่องจากเป็นเยาวชน หลังจากนี้จะทำการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำอย่างละเอียดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา http://news.sanook.com/2104002/