ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวถึงกรณีที่ศาลจังหวีดมีนบุรี มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตพญ.นิธิวดี หรือ หมอนิ่ม ภู่เจริญยศ
ในคดีจ้างวานฆ่านายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม หรือเอ็กซ์
อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ก่อนที่ต่อมาศาลอุทธรณ์จะให้ประกันตัว
โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
และกรณีการจับกุม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์
โรงพยาบาลตำรวจ ที่ศาลพิพากษาประหารชีวิต
ข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวพม่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง
ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการกระทำใดๆ
แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี ว่า คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สิ้นสุดของคดี
แพทยสภาจึงยังไม่ดำเนินการถอนการเป็นสมาชิกแพทยสภาหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
หรือดำเนินการใดๆกับพญ.นิธิวดี
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ยังถือว่าสามารถประกอบวิชาชีพแพทย์ได้ จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุดและศาลมีคำพิพากษาเป็นอย่างไร แพทยสภาจึงจะดำเนินการพิจารณาในเรื่องการเป็นสมาชิกแพทยสภา
ส่วนกรณีพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ขณะนี้แพทยสภาอยู่ระหว่างการดำเนินการขอคำพิพากษาของศาล ตามปกติผู้ที่สำเร็จปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิตจะประกอบอาชีพแพทยได้ จะต้องเป็นสมาชิกแพทยสภาและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งในมาตรา 11 พรบ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 กำหนดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกไว้เป็นข้อหนึ่งคือ ไม่เคยต้องโทษจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกในคดีที่คณะกรรมการเห็นว่า จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
ดังนั้น หากแพทย์ที่เป็นสมาชิกแพทยสภาและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำผิดกฎหมายบ้านเมือง โดยศาลตัดสินถึงที่สุดแล้วให้ต้องโทษให้จำคุก แพทยสภาก็จะดำเนินการขอคำพิพากษาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาว่าการกระทำความผิดที่ทำให้ต้องได้รับโทษจำคุกนั้น ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพหรือไม่ หากคณะกรรมการฯเห็นว่าไม่ทำให้เสื่อมเสีย บุคคลผู้นั้นก็ยังเป็นสมาชิกแพทยสภาต่อไปได้ แต่ในกรณีที่มีการพิจารณาว่าทำให้เสื่อมเสีย ก็จะถอนการเป็นสมาชิกแพทยสภา เมื่อไม่เป็นสมาชิกแพทยสภาก็จะส่งผลให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมถูกเพิกถอน บุคคลผู้นั้นก็จะมีอาชีพเป็นแพทย์อีกไม่ได้ และไม่สามารถมาขอเป็นสมาชิกใหม่ได้เนื่องจากขาดคุณสมบัติ
"กรณีการฆ่าคน แน่นอนย่อมทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ แต่ในการพิจารณาก็อยู่ที่การวินิจฉัยของคณะกรรมการแพทยสภา ซึ่งที่ผ่านมาแพทย์ที่ต้องคดีเกี่ยวกับการฆ่าผู้อื่น และศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว แพทยสภาก็ดำเนินการถอนการเป็นสมาชิก และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทำให้ไม่สามารถเป็นแพทย์ได้อีกไปแล้วทั้งสิ้น" นายกแพทยสภา กล่าว
Cr:: khaosod.co.th
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ยังถือว่าสามารถประกอบวิชาชีพแพทย์ได้ จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุดและศาลมีคำพิพากษาเป็นอย่างไร แพทยสภาจึงจะดำเนินการพิจารณาในเรื่องการเป็นสมาชิกแพทยสภา
ส่วนกรณีพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ขณะนี้แพทยสภาอยู่ระหว่างการดำเนินการขอคำพิพากษาของศาล ตามปกติผู้ที่สำเร็จปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิตจะประกอบอาชีพแพทยได้ จะต้องเป็นสมาชิกแพทยสภาและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งในมาตรา 11 พรบ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 กำหนดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกไว้เป็นข้อหนึ่งคือ ไม่เคยต้องโทษจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้จำคุกในคดีที่คณะกรรมการเห็นว่า จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ
ดังนั้น หากแพทย์ที่เป็นสมาชิกแพทยสภาและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำผิดกฎหมายบ้านเมือง โดยศาลตัดสินถึงที่สุดแล้วให้ต้องโทษให้จำคุก แพทยสภาก็จะดำเนินการขอคำพิพากษาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาว่าการกระทำความผิดที่ทำให้ต้องได้รับโทษจำคุกนั้น ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพหรือไม่ หากคณะกรรมการฯเห็นว่าไม่ทำให้เสื่อมเสีย บุคคลผู้นั้นก็ยังเป็นสมาชิกแพทยสภาต่อไปได้ แต่ในกรณีที่มีการพิจารณาว่าทำให้เสื่อมเสีย ก็จะถอนการเป็นสมาชิกแพทยสภา เมื่อไม่เป็นสมาชิกแพทยสภาก็จะส่งผลให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมถูกเพิกถอน บุคคลผู้นั้นก็จะมีอาชีพเป็นแพทย์อีกไม่ได้ และไม่สามารถมาขอเป็นสมาชิกใหม่ได้เนื่องจากขาดคุณสมบัติ
"กรณีการฆ่าคน แน่นอนย่อมทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ แต่ในการพิจารณาก็อยู่ที่การวินิจฉัยของคณะกรรมการแพทยสภา ซึ่งที่ผ่านมาแพทย์ที่ต้องคดีเกี่ยวกับการฆ่าผู้อื่น และศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว แพทยสภาก็ดำเนินการถอนการเป็นสมาชิก และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทำให้ไม่สามารถเป็นแพทย์ได้อีกไปแล้วทั้งสิ้น" นายกแพทยสภา กล่าว
Cr:: khaosod.co.th