จากเหตุการณ์อาคารไทยยานยนตร์ มิตซู จำกัด สาขาสุขุมวิท 87 เลขที่ 2225
ซอยสุขุมวิท 87 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม.
เกิดถล่มลงมาในระหว่างการรื้อถอนเวลา 09.30 น.วันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และสูญหายอีก 2 ราย คือ นายบุญแจ้ง เลศละออง
อายุ 46 ปี และนายไพร คะนุนรัมย์ อายุ 38 ปี
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 17 ธ.ค นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่า กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำงานค้นหาผู้สูญหายอีก 2 รายที่ติดอยู่ภายในอาคาร ว่า ในขณะนี่เจ้าหน้าที่ได้เจาะพื้นคอนกรีตให้มีขนาดกว้าง 1 คูณ 1 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่รถแบ็คโฮจอดพลิกตะแคงอยู่ด้านล่าง และกำลังขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้น เพื่อจะจัดกำลังคนลงไปตรวจสอบด้านล่าง และเตรียมนำอุปกรณ์การแพทย์ลวไปช่วยเหลือผู้สูญหาย
โดยจุดที่เจาะลงไปนั้นพบว่ามีกลิ่นของน้ำมันลอยออกมา ซึ่งคาดว่าจะเป็นน้ำมันของรถแบ็คโฮที่อาจจะรั่วไหลออกมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหยุดการใช้อุปกรณ์ในการตัดและเจียรตัดคอนกรีต เพื่อปัองกันการเกิดประกายไฟ ซึ่งต้องมีการวางแผนปรับวิธีการใหม่และตัองใช้ความระมัดระวังอย่างสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สัณญานชีพที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ที่มีอัตราลมหายใจ 31 ครั้งต่อนาที ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้สูญหายอาจยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารนานกว่า 34 ช.ม.แล้ว และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนยังคงเร่งมือในการช่วยเหลือ
ต่อมาเวลา 20.40 น. นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่า กทม.ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม. ได้ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่เฝ้าติดตามสถานะการณ์การช่วยชีวิตผู้สูญหายทั้ง 2 ราย
โดยกล่าวว่า เราได้พยายามให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ในการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ด้านล่าง แต่ขอแสดงความเสียใจที่เราไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตไว้ได้ โดยพบว่าได้เสียชีวิตมาแล้วสักระยะ อย่างไรก็ตามจะยังคงค้นหาผู้ที่สูญหายอีกรายต่อไป ซึ่งจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัคิงานด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่มืดและคับแคบ โดยจะพยายามขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้น เพื่อจะนำเอาร่างของผู้เสียชีวิตออกมา ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใช่จุดเดียวกับที่ทางทหารใช้เครื่องมือตรวจพบสิ่งมีชีวิตหรือไม่ นายวัลลภกล่าวว่า คลื่นดังกล่าวก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ตรวจพบนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใด เป็นคนหรืออาจเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น ซึ่งกทม.ยืนยันว่าจะดำเนินการค้นหาคนที่เหลือต่อไป
Cr::khaosod.co.th
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 17 ธ.ค นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่า กทม.กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำงานค้นหาผู้สูญหายอีก 2 รายที่ติดอยู่ภายในอาคาร ว่า ในขณะนี่เจ้าหน้าที่ได้เจาะพื้นคอนกรีตให้มีขนาดกว้าง 1 คูณ 1 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่รถแบ็คโฮจอดพลิกตะแคงอยู่ด้านล่าง และกำลังขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้น เพื่อจะจัดกำลังคนลงไปตรวจสอบด้านล่าง และเตรียมนำอุปกรณ์การแพทย์ลวไปช่วยเหลือผู้สูญหาย
โดยจุดที่เจาะลงไปนั้นพบว่ามีกลิ่นของน้ำมันลอยออกมา ซึ่งคาดว่าจะเป็นน้ำมันของรถแบ็คโฮที่อาจจะรั่วไหลออกมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหยุดการใช้อุปกรณ์ในการตัดและเจียรตัดคอนกรีต เพื่อปัองกันการเกิดประกายไฟ ซึ่งต้องมีการวางแผนปรับวิธีการใหม่และตัองใช้ความระมัดระวังอย่างสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สัณญานชีพที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ที่มีอัตราลมหายใจ 31 ครั้งต่อนาที ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้สูญหายอาจยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารนานกว่า 34 ช.ม.แล้ว และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนยังคงเร่งมือในการช่วยเหลือ
ต่อมาเวลา 20.40 น. นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่า กทม.ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม. ได้ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่เฝ้าติดตามสถานะการณ์การช่วยชีวิตผู้สูญหายทั้ง 2 ราย
โดยกล่าวว่า เราได้พยายามให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ในการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ด้านล่าง แต่ขอแสดงความเสียใจที่เราไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตไว้ได้ โดยพบว่าได้เสียชีวิตมาแล้วสักระยะ อย่างไรก็ตามจะยังคงค้นหาผู้ที่สูญหายอีกรายต่อไป ซึ่งจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัคิงานด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่มืดและคับแคบ โดยจะพยายามขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้น เพื่อจะนำเอาร่างของผู้เสียชีวิตออกมา ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใช่จุดเดียวกับที่ทางทหารใช้เครื่องมือตรวจพบสิ่งมีชีวิตหรือไม่ นายวัลลภกล่าวว่า คลื่นดังกล่าวก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ตรวจพบนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใด เป็นคนหรืออาจเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น ซึ่งกทม.ยืนยันว่าจะดำเนินการค้นหาคนที่เหลือต่อไป
Cr::khaosod.co.th