สม!!! ออกหมายเรียกคนจุดพลุไฟแล้ว ก่อความเดือดร้อนรำคาญ เอาผิดแกนนำด้วย

กรณีกองเชียร์บางกลุ่มจุดพลุไฟ หลังจากทีมชาติไทยได้ประตูขึ้นนำทีมชาติอินโดนีเซีย ในศึกฟุตบอล ชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 นัดชิงชนะเลิศ เกมที่ 2 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งในทางกฎจากการแข่งขันไม่อนุญาตให้จุดพลุถายในสนามเด็ดขาด ซึ่งชาวเน็ตต่างโจมตีพฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าว เพราะสร้างความเสื่อมเสียให้แฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวว่า ภายหลังจากที่เห็นภาพของกองเชียร์ดังกล่าวในการถ่ายทอดและการส่งต่อในโลกออนไลน์ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก ไปสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับผู้ที่จุดพลุบนอัฒจรรย์แล้ว
จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มกองเชียร์ดังกล่าวแอบซ่อนอุปกรณ์เชียร์เข้าไปในสนามและเมื่อถึงช่วง การแข่งขันก็นำขึ้นมาจุด โดยวัตถุประสงค์ของกลุ่มยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า เป็นการจงใจดิสเครดิตทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสมาคมฟุตบอลไทยหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าว มีปัญหาในระหว่างการเชียร์กับทีมต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศบ่อยครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการข่าวอยู่ก่อนแล้วว่าจะมีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นจึงมีการส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบและสายสืบ เข้าไปในกลุ่มกองเชียร์ดังกล่าว แต่ทางกลุ่มไม่ยอมให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มของตัวเองเข้าไปร่วมเชียร์ จึงให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในและนอกสนามเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งภาพถ่ายคลิปวีดีโอ รวมถึงข้อมูลต่างๆในโลกโซเชียล ที่มีการโพสต์ก่อนการแข่งขันไว้เป็นพยานหลักฐานแล้ว ซึ่งผู้ก่อเหตุบางคนมีการใช้ผ้าปกปิดหน้าตา เพื่อหลบเลี่ยง การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ หากระบุได้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใครก็จะออกหมายเรียกมาให้การกับทางเจ้าหน้าที่ต่อไป
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิด ในข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งรัฐเป็นผู้เสียหายแต่หากประชาชนคนใดที่ได้รับความเดือดร้อน จากการกระทำของกลุ่มกองเชียร์ดังกล่าวก็สามารถเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเอาผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุได้
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าจะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.พลุดอกไม้ไฟและประกาศของคสช. ข้อใดหรือไม่ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินการกับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่อยู่ในกลุ่มกองเชียร์ดังกล่าวอย่างแน่นอน และอาจเอาผิดถึงแกนนำของกลุ่มดังกล่าวด้วย เพราะทำให้เสียภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลและประเทศชาติ

Cr::khaosod.co.th