กระทรวงการท่องเที่ยว หารือ เนสท์เล่ ออกไอเดียเด็ด ชวนทำคิทแคทรสผลไม้ไทย อาทิ ทุเรียน มังคุด มะขาม ตามแบบคิทแคทชาเขียวของญี่ปุ่น
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยหลังการประชุมหารือกับฝ่ายการตลาด บริษัทเนสท์เล่ ประเทศไทย ว่า ทางกระทรวงมีแนวคิดนำวัตถุดิบอาหารของไทยที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ มาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อขายให้นักท่องเที่ยว โดยอยากนำร่องด้วยการนำผลไม้ขึ้นชื่อที่มีสัญลักษณ์ความเป็นไทยชัดเจน และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว อาทิ ทุเรียน มังคุด มะขาม มาเป็นวัตถุดิบทำขนมคิทแคท แบบเดียวกับคิทแคทชาเขียวของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ทางกระทรวงมองว่า หากมีสินค้ามาดึงดูดนักท่องเที่ยว ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าควรเพิ่ม 10% ต่อคนต่อทริป โดยการหารือในครั้งนี้ ได้เชิญทางเนสท์เล่มาเพื่อขอคำแนะนำเรื่องแนวทางการตลาดต่าง ๆ ว่าจะสามารถพัฒนาสินค้าด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านอาหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้นได้อย่างไรบ้าง และหากนำขนมคิทแคทมาทำให้มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของไทย นักท่องเที่ยวมาเห็นก็จะรู้ว่าขนมนี้ต้องมาซื้อที่เมืองไทยที่เดียว ซึ่งทางฝ่ายการตลาดของเนสท์เล่ก็จะไปหารือกับฝ่ายต่าง ๆ อีกครั้งว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะต้องมีการประเมินปัจจัยอื่น ๆ ด้วย
อนึ่ง การที่กระทรวงสนใจพัฒนาสินค้าตัวนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่โปรโมทอาหารท้องถิ่นของไทย คือยังโปรโมทเหมือนเดิม โดยมองว่าในปีนี้เรื่องอาหารจะต้องทำการตลาดกันอย่างจริงจัง โปรโมทอาหารทุกระดับ ตั้งแต่อาหารข้างทางจนถึงอาหารแบบหรูหรา เพราะต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่มาไทย จะใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารกันเยอะมาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยหลังการประชุมหารือกับฝ่ายการตลาด บริษัทเนสท์เล่ ประเทศไทย ว่า ทางกระทรวงมีแนวคิดนำวัตถุดิบอาหารของไทยที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ มาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อขายให้นักท่องเที่ยว โดยอยากนำร่องด้วยการนำผลไม้ขึ้นชื่อที่มีสัญลักษณ์ความเป็นไทยชัดเจน และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว อาทิ ทุเรียน มังคุด มะขาม มาเป็นวัตถุดิบทำขนมคิทแคท แบบเดียวกับคิทแคทชาเขียวของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ทางกระทรวงมองว่า หากมีสินค้ามาดึงดูดนักท่องเที่ยว ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าควรเพิ่ม 10% ต่อคนต่อทริป โดยการหารือในครั้งนี้ ได้เชิญทางเนสท์เล่มาเพื่อขอคำแนะนำเรื่องแนวทางการตลาดต่าง ๆ ว่าจะสามารถพัฒนาสินค้าด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านอาหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเพิ่มขึ้นได้อย่างไรบ้าง และหากนำขนมคิทแคทมาทำให้มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของไทย นักท่องเที่ยวมาเห็นก็จะรู้ว่าขนมนี้ต้องมาซื้อที่เมืองไทยที่เดียว ซึ่งทางฝ่ายการตลาดของเนสท์เล่ก็จะไปหารือกับฝ่ายต่าง ๆ อีกครั้งว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะต้องมีการประเมินปัจจัยอื่น ๆ ด้วย
อนึ่ง การที่กระทรวงสนใจพัฒนาสินค้าตัวนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่โปรโมทอาหารท้องถิ่นของไทย คือยังโปรโมทเหมือนเดิม โดยมองว่าในปีนี้เรื่องอาหารจะต้องทำการตลาดกันอย่างจริงจัง โปรโมทอาหารทุกระดับ ตั้งแต่อาหารข้างทางจนถึงอาหารแบบหรูหรา เพราะต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่มาไทย จะใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารกันเยอะมาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก