ไปดูพิพิธภัณฑ์กัน

มาวันนี้ ผมจะพาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สวยๆ

ผมเชื่อว่า อย่างเราๆมีโอกาสน้อยมากที่จะตั้งใจไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์แบบนี้กัน ผมก็ยอมรับนะถ้าผมไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้อาจจะไม่เคยเข้าเลยด้วยซ้ำ

สมัยเรียนนี่ คือแทบจะตระเวนไปมาเยอะแยะเลย ส่วนใหญ่จะในกรุงเทพ อันนี้แนะนำนะ ลองเปลี่ยนบรรยกาส พาแฟนไปเดินดูบ้างก็ได้นะครับ 5555

แต่วันนี้ที่เอามาให้ชม เราจะ Go Inter ไปดูพิพิธภัณฑ์ระดับโลกกันครับ

1. พิพิธภัณฑ์ออร์แซ (Musée d'Orsay), ฝรั่งเศส

ประเทศฝรั่งเศสเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์อันลือชื่อในเรื่องของความงาม “พิพิธภัณฑ์ออร์แซ” ในกรุงปารีส เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในเรื่องของความโอ่อ่า หรูหรา อลังการงานสร้างแบบสุดๆ แต่เดิมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เคยเป็นสถานีรถไฟออร์แซ ที่สร้างในแบบสถาปัตยกรรมแบบโบซาร์ โดยสถานีรถไฟแห่งนี้ถูกสร้างระหว่างปี ค.ศ. 1898 ถึง ค.ศ. 1900 และได้ตกแต่งเพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ในปี ค.ศ.1986 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน







2. พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (The Louvre museum), ฝรั่งเศส

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) หรือมีชื่อเป็นทางการว่า “The Grand Louvre” ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ทางด้านศิลปะที่มีชื่อเสียง และเก่าแก่มากที่สุดในโลก และด้วยความที่เคยเป็นพระราชวังเก่ามาก่อนที่จะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ จึงทำให้พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่กว้างใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องความงดงาม หรูหรา ในแบบของพระราชวังเก่า ให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจ



ภายในพิพิธภัณฑ์จะเต็มไปด้วยคอลเลคชั่นงานศิลปะที่เก่าแก่และทรงคุณค่ามากมาย อย่างภาพวาด “โมนาลิซ่า” ของศิลปินระดับโลกอย่าง เลโอนาร์โด ดาวินชี หรือผลงาน “Venus de Milo” ของอเล็กซานดรอสแห่งแอนทีออก ก็จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สถาปัตยกรรมรอบๆ ก็สวยงามตระการตา โดยเฉพาะพีระมิดแก้วของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ที่ออกแบบโดย ไอ. เอ็ม. เป สถาปนิกชื่อดังชาวจีน-อเมริกัน


3. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ (Kunsthistorisches Museum), ออสเตรีย


กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะ "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลป์ (Kunsthistorisches Museum)" และ "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา (Naturhistorisches Museum)" ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงาม ตัวอาคารขนาดใหญ่สไตล์ Neo-classic ที่สร้างแบบเดียวกันทั้งสองอาคาร แต่อยู่ตรงข้ามกัน ตรงกลางลานจัตุรัสระหว่างอาคารอาคารทั้งสองเรียกชื่อว่า The MariaTheresien-Platz ก่อตั้งขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1872- ค.ศ.1891 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของโลกในการสะสมงานวิจิตรศิลป์และมัณฑนศิลป์ ภายในพิพิธภัณฑ์โอ่อ่าสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นห้องโถงใหญ่ บันได เพดาน เสาหินอ่อน ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมาด้วยความปราณีตงดงาม




4. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (Moscow State Historical Museum), รัสเซีย



พระราชวังเครมลิน และจัตุรัสแดง (Red Square) เป็นศูนย์กลางของกรุงมอสโก เสมือนสัญลักษณ์ของประเทศรัสเซีย และยังเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของโลก นั่นก็คือ “พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์” ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ตกแต่งอย่างสวยงามอลังการ ภายนอกถูกทาด้วยสีแดง ซึ่งเป็นสีแห่งความสวยงาม และการรื่นเริง อาคารหลังนี้สร้างโดยสถาปนิก Vladimir Sherwood ให้บรรยากาศแบบกอธิก ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาติรัสเซียทั้งหมด ตั้งแต่ยุคหินเรื่อยมา รวมแล้วมีงานจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทั้งสิ้นกว่า 4 ล้านชิ้น ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์จะมีอนุสาวรีย์วีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 2 ของนายพล เกออร์กี จูคอฟ (Georgy Zhukov) ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน


5. พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช (Hermitage Museum), รัสเซีย



พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ และใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในประเทศรัสเซีย ก่อตั้งขึ้นโดยแคทเธอรีมหาราช ในปี ค.ศ.1794 และได้รับการบันทึกสถิติโลกกินเนสส์บุ๊คว่าเป็นหอศิลป์ที่มีงานสะสมมากที่สุดในโลกอีกด้วย อาคารเอกคือพระราชวังฤดูหนาวที่เคยเป็นที่ประทับของซาร์ แอร์มิทาชมีสาขาที่อัมสเตอร์ดัม, ลอนดอน, ลาสเวกัส และแฟร์ราราในอิตาลี พระราชวังถูกออกแบบโดยสถาปนิกหลายคน ซึ่งคนที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ บาร์โธโลมีโอ รัสเทรลลี ภายนอกของพระราชวังใช้โทนสีเขียว-ขาวด้วยสถาปัตยกรรมบาโรก ตัวอาคารมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปัจจุบันบางส่วนของพระราชวังฤดูหนาวได้ถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช และเปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1852 เป็นต้นมา




6. พระราชวังโปตาลา (Potala Palace), ทิเบต


พระราชวังโปตาลา นครลาซา พระราชวังศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนหลังคาโลก สร้างขึ้นมาในคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ ซงจ้าน กัมโป กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของทิเบต ตั้งอยู่ที่กรุงลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ประเทศจีน พระราชวังโปตาลาแห่งนี้มีประวัติอันยาวนานมากว่า 1,300 ปี มีความสวยงามและอลังการมาก มีห้องมากกว่า 1,000 ห้อง ซึ่งนับว่าเป็นงานศิลปะที่สวยงามที่สุดของทิเบต ภายในพระราชวังโปตาลานี้จะมีอาคาร 13 ชั้น สูงประมาณ 400 เมตร หลังจากที่ได้มีการบูรณะซ่อมแซมมาหลายต่อหลายครั้ง พระราชวังโปตาลาก็ได้รับการจดทะเบียนจากยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลก ในปี 1997 ปัจจุบันพระราชวังโปตาลากลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานสักการะ ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแวะเวียนกันมาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสาย







7. พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums), อิตาลี



กรุงโรมได้ชื่อว่าเป็นนครแห่งศูนย์กลางของสถาปัตยกรรมระดับโลก เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มงดงามมากมาย เช่นเดียกับ “พิพิธภัณฑ์วาติกัน” ที่ตั้งอยู่ภายในนครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี งานสถาปัตยกรรมที่งดงามลวดลายวิจิตรด้วยฝีมือศิลปินชาวอิตาลีหลายคน หลายยุคหลายสมัย ตัวอาคารกว้าง 289 ฟุต ยาว 486 ฟุต สูง 354 ฟุต มียอดปราสาทมากถึง 135 ยอด เเละห้องต่างๆ มากถึงสี่พันห้อง นับเป็นงานก่อสร้างที่งดงามเเละมหัศจรรย์อีกเเห่งหนึ่งของโลก โดยพิพิธภัณฑ์วาติกันจะจัดแสดงงานศิลปะที่สะสมโดยวัดโรมันคาทอริกมาเป็นเวลาหลายร้อยปี และเป็นแหล่งรวมของงานศิลปะอันงดงามล้ำค่าจากสุดยอดศิลปินชื่อดังของโลก ยกตัวอย่างเช่น รูปภาพ ปิเอต้า (Pieta) โดย ไมเคิลแองเจโล่ เป็นศิลปะ สมัยยุดเรนาชองต์ หรือ ภาพของพระแม่มารีย์ ทรงโอบอุ้มพระเยซูก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ รวมถึงผลงานศิลปะหลายแขนง ให้เลือกชมมากมาย





8. พิพิธภัณฑ์คาริเย (Kariye Muzesi), ตุรกี



พิพิธภัณฑ์คาริเย (Kariye Muzesi หรือ Chora Museum) อาคารที่ถูกเรียกว่า “Chora” มีความหมายว่า “ในประเทศ” หรือ “นอกเมือง” ในภาษากรีก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่กรุงอิสตันบลู ประเทศตุรกี สร้างหลังวิหารเซนต์โซเฟียในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ซึ่งตรงกับยุคไบแซนไทน์ เดิมเป็นโบสถ์โครา เพดานและผนังเป็นภาพวาดแบบเฟรสโก และภาพประดับโมเสกสีทองแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ภาพคริสต์ประวัติซึ่งแสดงถึงฝีมืออันอัศจรรย์ทางด้านโมเซคและภาพเขียนเมื่อ 600 กว่าปีมาแล้ว ภายในสวยงามแบบคลาสสิค รวมถึงงานศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่สวยงามและทรงคุณค่ามากมาย






9. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (The Natural History Museum), อังกฤษ



กรุงลอนดอนได้ชื่อว่ามีพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ หรือ The Natural History Museum ที่เรียกได้ว่ามีสถาปัตยกรรมที่น่าตื่นตะลึงมากที่สุดในย่านลอนดอน เริ่มจากความใหญ่โตมโหฬารของตัวอาคาร ที่มองจากภายนอกจะเหมือนปราสาทราชวังมากกว่าที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่บนถนน Cromwell Road ย่าน South Kensington ตัวอาคารที่เก่าแก่แต่ยังคงความสง่างามและมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก แม้เวลาจะผ่านไปกว่าร้อยปี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มุ่งเน้นในเรื่องของโลก และธรรมชาติ รวมถึงเป็นศูนย์วิจัยในเรื่องต่างๆ ราว 70 ล้านสาขา ซึ่งรวมถึงด้านพันธุ์พืช Entomology, Mineralogy, Palaeontology และสัตว์วิทยา นอกจากความสวยงามอลังการของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังเปิดให้เข้าชมฟรีอีกด้วย ถ้าใครได้มีโอกาสไปลอนดอนต้องไม่พลาด










10. พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ บิลบาโอ (The Guggenheim Museum Bilbao), สเปน



พิพิธภัณฑ์สถานกุกเกนไฮม์ เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกระดับมาสเตอร์พีช จากฝีมือการออกแบบของสถาปนิคเจ้าของรางวัลพริตซ์เกอร์ "แฟรงก์ แกห์รี่" ตั้งอยู่ที่เมืองบิลบาว ประเทศสเปน พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์งานศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย ที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนเตาเผากำมะถันที่เคยตั้งเรียงรายพ่นพิษอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนร์บีออน (Nervion) เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ.1997 และได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมากในแวดวงของศิลปะและสถาปนิกระดับโลก ด้วยโครงสร้างที่ทำจากเหล็กผสมผสานกับหินทรายสีอ่อนของบิลบาวเอง แล้วถูกหุ้มด้วยแผ่นโลหะไทเทเนียม



ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์จะอยู่ตรงที่ตัวพิพิธภัณฑ์จะสามารถเปลี่ยนสีไปตามช่วงเวลา จากแสงของดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบกับแผ่นไทเทเนียมที่หุ้มตัวอาคาร ในช่วงเช้าแสงอาทิตย์อ่อนๆ ตกกระทบที่ตัวอาคารจะเห็นเป็นสีชมพูเชมเปญ แล้วจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีทองเรื่อๆ ช่วงบ่ายจะเห็นตัวอาคารเป็นสีเงินวาว และจะเปลี่ยนจากสีทองชมพูมาเป็นสีทองเรืองรอง ในช่วงโพล้เพล้ดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้า งดงามจับตา ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับงานศิลปะแขนงต่างๆ ให้เลือกชมมากมาย





11. พิพิธภัณฑ์รอยัลออนตาริโอ (Royal Ontario Museum), แคนาดา



ไดโนเสาร์ตัวใหญ่ที่สุดในแคนาดา มัมมี่อียิปต์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคน้ำแข็งต่างๆ ทำให้พิพิธภัณฑ์รอยัลออนตารีโอ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโทรอนโต และยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดาอีกด้วย ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากกว่าหนึ่งล้านคนต่อปี เปิดบริการครั้งแรกเมื่อปี 1912 โดยเน้นที่วัฒนธรรมของโลกและประวัติธรรมชาติ ปัจจุบัน คอลเล็กชันถาวรของ ROM ประกอบด้วยสามส่วนภายใต้พื้นที่เดียวกัน Natural History (ประวัติธรรมชาติ), World Cultures (วัฒนธรรมโลก) และ Hands-On area (พื้นที่ลงมือปฏิบัติจริง)



ในส่วนของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์เรียกได้ว่ามีความสวยแปลกตา ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงชาวยิวที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ออกแบบโดย ดาเนียล ลิเบอสกินด์ (Daniel Libeskind) สถาปนิกชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกผู้สรรค์สร้างศิลปะแห่งความตาย แสดงให้เห็นลายเส้นที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด และความเกลียดชัง รูปทรงอาคารที่สื่อได้ถึงความป่าเถื่อนของสงคราม ที่เกิดจากความแตกต่างของเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ และศาสนา



12. พิพิธภัณฑ์ฮานอย (Hanoi Museum), เวียดนาม



พิพิธภัณฑ์ฮานอย ประเทศเวียดนาม เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิก GMP Architekten จากเยอรมนี มีลักษณะเหมือนพีระมิดกลับตัว ชั้นล่างสุดมีขนาดเล็กสุด ตั้งอยู่ท่ามกลางสระน้ำ และสวนสวย ให้ความรู้สึกร่มรื่น เย็นสบาย สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองงานครบรอบพันปี กรุงฮานอย เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 2010 ตัวพิพิธภัณฑ์จะมีทั้งหมด 6 ชั้น โอ่อ่าสวยงามสะอาดตา ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และความเป็นมาของประเทศเวียดนาม รวมถึงของเก่าแก่ที่ถูกรวบรวมจากทั่วประเทศกว่า 50,000 ชิ้น ได้ถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ฮานอยแห่งนี้







13. พิพิธภัณฑ์โซโลมอน อาร์. กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum), สหรัฐอเมริกา



หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก ในนครนิวยอร์ก ได้รับการกล่าวถึงในเรื่องของสถาปัตยกรรมที่งดงาม พิพิธภัณฑ์โซโลมอน อาร์. กุกเกนไฮม์ ก่อตั้งขึ้นโดย มูลนิธิ Solomon R. Guggenheim ในปี ค.ศ.1939 และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ.1959 ออกแบบโดย แฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ (Frank Lloyd Wright ) รูปทรงของพิพิธภัณฑ์ที่หมุนวนเหมือนก้นหอยสูงขึ้น ทำให้พื้นที่แสดงงานภายในแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์อื่นอย่างสิ้นเชิง และด้วยรูปทรงที่แปลกตานี้ทำให้คนในยุคนั้นเกิดการต่อต้าน แต่กาลเวลาก็ได้พิสูจน์ว่าไม่มีที่ใดเหมาะแก่การแสดงศิลปะเท่าที่นี้อีกแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงผลงานศิลปะแบบ ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ ศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง ศิลปะสมัยใหม่ยุคแรก และศิลปะร่วมสมัย แค่ได้เห็นตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ก็เหมือนกับเห็นงานศิลปะอยู่ตรงหน้า





14. พิพิธภัณฑ์ศิลปะมิลวอกี (Milwaukee Art Museum) , สหรัฐอเมริกา



พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดใน เมืองมิลวอกี ประเทศสหรัฐอเมริกา และยังเป็นอาคารที่มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรม ความงดงาม โดยเฉพาะอาคารใหม่ของพิพิธภัณฑ์ที่มีลักษณะคล้ายใบเรือ ชื่อว่า Quadracci Pavilion เป็นอาคารแรกของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ออกแบบ Satiago Calatrava-designed building ไฮไลท์เด็ดของอาคารใหม่นี้คือ ช่วงเวลา 10 โมงเช้า จะมีหลังคากางปีกเพื่อบังแดดได้ที่เรียกว่า “The Burke Brise Soleil” และปิดตอน 5 โมงเย็น ไว้สำหรับบังแดดในหน้าร้อนและหน้าหนาวนั่นเอง นอกจากตัวตึกภายนอกที่สวยงามแล้วภายในก็ถูกตกแต่งอย่างสวยงามสะอาดตาด้วยสีขาว


โครงสร้างที่โดดเด่นทำให้อาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะมิลวอกีกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ที่มีนักท่องเที่ยวมาเฝ้าดูการกางปีกของตัวอาคารอย่างไม่ขาดสาย ส่วนด้านในก็จะมีการจัดแสดงและสะสมงานศิลปะไว้มากมายหลากหลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Ancient Art, Early Euopean Art, American art to 1900, Modern Art, Contemporary Art, และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงนิทรรศการชั่วคราวที่คอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาจัดแสดงในแต่ละเดือนอีกด้วย






15. พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลาม โดฮา (The Museum of Islamic Art, Doha), กาตาร์


พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงแห่งกรุงโดฮา จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก “พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลาม” ที่ถูกออกแบบได้อย่างสวยงาม จากสถาปิกชื่อก้องโลก ไอ. เอ็ม. เป (I.M. Pei) สถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน ผู้ที่ออกแบบพีระมิดลูฟวร์ ในประเทศฝรั่งเศส เขาได้เดินทางไปทั่วโลกมุสลิม เป็นเวลากว่า 6 เดือน เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม ของชาวมุสลิม โดยตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ได้รับแรงบันดาลใจมากจากศิลปะในศาสนาอิสลาม ก่อสร้างเพื่อเชิดชูวัฒนธรรมมุสลิม มีกำแพงแก้ว 5 ชั้นทางทิศเหนือ โถงรูปโดมสูง 164 ฟุต ยอดโดมมีรูตรงกลางรับแสงสะท้อนเข้ามาในหอศิลป์ ตั้งอยู่บนพื้นน้ำที่มีความลึกกว่า 195 ฟุต (59 เมตร) สวยงามจับตา พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลามได้เปิดทำการเมื่อปี ค.ศ.2008 มีผู้ที่สนใจเข้าชมจากทั่วโลกในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก จัดแสดงงานศิลปะของศาสนาอิสลามที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,400 ปี







http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9590000030727