สำคัญมาก!! ทราบหรือไม่ ?? ก่อนตายอย่าลืมยกเลิกบัตรเครดิตด้วย ไม่งั้นจะเจอแบบนี้ !!
เรื่องของการชำระหนี้สิน ของบัตรเครดิต แต่..คนที่เป็นหนี้นั้น ได้เสียชีวิตไปแล้ว และหนี้ที่เกิดขึ้น คือหนี้ค่าธรรมเนียมย้อนประจำปี พร้อมค่าปรับชำระหนี้ล่าช้า ซึ่งบัตรเครดิตเรียกชำระหลังจากที่คนตายได้เสียชีวิตลงแล้ว … แล้วใครจะรู้ละว่าตัวเองจะตายตอนไหน คือเรื่องมีอยู่ว่า !!
……นางแจ่มชัด เสียชีวิตไปเมื่อเดือนมกราคมปีนี้เอง และได้มีธนาคารสี่ตี้แบงค์ได้ส่งใบเรียกเงินมาเก็บค่าธรรมเนียมประจำปีของ บัตรเครดิต ซึ่งมาถึงเธอในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม
พร้อม ทั้งเรียกเก็บค่าปรับ ที่เธอชำระล่าช้า พร้อมดอกเบี้ยของยอดที่เรียกเก็บ ซึ่งในความเป็นจริง เธอไม่ได้ใช้บัตรนั้นมาตั้งแต่วันที่ตาย
แต่บัดนี้ ยอดทั้งหมดที่เรียกเก็บกลายเป็นจำนวน สองพันกว่าบาท เข้าไปแล้ว ญาติของเธอจึงโทรศัพท์ไปยังธนาคาร
ญาติผู้ตาย :
ดิฉันโทรมาแจ้งว่า คุณแจ่มชัด เสียชีวิตแล้วคะ ตั้งแต่เดือนมกราคม
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
ยังไม่มีการแจ้งปิดบัญชีนะคะ ดังนั้น ค่าปรับ การชำระช้า จึงต้องเรียกเก็บคะ
ญาติผู้ตาย :
งั้น… ช่วยยกเลิกบัตรให้ ได้ไหมคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
แต่มันช้ามาสองเดือนแล้วนะคะ ที่เรียกเก็บไม่ได้ และธนาคารได้ออกใบเรียกเก็บไปแล้วคะ
ญาติผู้ตาย :
ตามปกติ ถ้าลูกค้าเกิดตายไป ทางธนาคารจะจัดการอย่างไรต่อคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
เรา อาจต้องแจ้งหน่วยคดีฉ้อโกง หรือไม่ ก็แจ้งไปยังเครดิตบูโร (ส่วนงานที่จะคอยเก็บประวัติการมีเครดิตของคนประเทศไทยก็มีคะ) หรือไม่ ก็แจ้งไปทั้งสองที่คะ
ญาติผู้ตาย :
แล้วยมบาลจะโกรธเธอไหมคะ? (ฉันชอบคำถามนี้ของตัวเองจริงๆ)
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
อะไรนะคะ?
ญาติผู้ตาย :
คุณได้ยินหรือเปล่าคะ ที่ดิฉันบอกว่า เธอตายไปแล้วน่ะคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
รอ สักครู่คะ คุยกับหัวหน้าดีกว่าคะ
สักครู่… หัวหน้ารับโทรศัพท์ไปพูดต่อ…
ญาติผู้ตาย :
ดิฉันโทรมาแจ้งให้ทราบว่าเจ้าของบัตรเสียชีวิตไป ตั้งแต่เดือนมกราแล้วคะ
หัวหน้าธนาคาร :
ยัง ไม่มีการแจ้งปิดบัญชีนะครับ ดังนั้น ค่าปรับการชำระช้าจึงต้องเรียกเก็บครับ (สงสัยเป็นประโยคที่ทางธนาคารมีไว้ให้ใช้ตอบกับลูกค้า)
ญาติผู้ตาย :
หมายความว่า จะต้องเรียกเก็บจากที่ดินของเธอหรือคะ
หัวหน้าธนาคาร :
(ชักเริ่มติดอ่าง) คุณเป็นทนายความของเธอหรือครับ?
ญาติผู้ตาย :
เปล่าคะ ดิฉันเป็นเหลนของเธอน่ะคะ (ทนายสอนให้บอกเช่นนี้)
หัวหน้าธนาคาร :
กรุณาช่วยแฟกซ์ ใบมรณบัตรของเธอ มาได้ไหมครับ
ญาติผู้ตาย :
ยินดีคะ (ทางธนาคารแจ้งเบอร์แฟกซ์)
หลังจากได้รับแฟกซ์เรียบร้อย…
หัวหน้าธนาคาร :
ทางระบบของเรา ไม่ได้บอกว่าจะให้จัดการอย่างไร ในกรณีที่ลูกค้าเสียชีวิต ผมก็ไม่ทราบว่า จะช่วยเหลือคุณ ได้อย่างไร
ญาติผู้ตาย :
อ๋อคะ คิดต่อไปนะคะ ถ้ายังคิดไม่ออก ก็เรียกเก็บเงินเธอไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน เธอคงไม่ว่าอะไรหรอกคะ
หัวหน้าธนาคาร :
ครับ… ค่าปรับ การชำระช้า ก็ต้องเรียกเก็บต่อไปนะครับ
ญาติผู้ตาย :
ไม่ทราบต้องการที่อยู่ใหม่ของคุณยายทวดไหมคะ
หัวหน้าธนาคาร :
ดีเลยครับ
ญาติผู้ตาย :
บริเวณปากน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา สมุทรปราการคะ
หัวหน้าธนาคาร :
ขอประทานโทษครับ… นั่นมันเป็นแม่น้ำนี่ครับ
ญาติผู้ตาย :
อ้าว!!… แล้วเวลาญาติพวกคุณตาย เอาอังคารไปลอยแถวไหนหรือคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก : FB แชร์
เรื่องของการชำระหนี้สิน ของบัตรเครดิต แต่..คนที่เป็นหนี้นั้น ได้เสียชีวิตไปแล้ว และหนี้ที่เกิดขึ้น คือหนี้ค่าธรรมเนียมย้อนประจำปี พร้อมค่าปรับชำระหนี้ล่าช้า ซึ่งบัตรเครดิตเรียกชำระหลังจากที่คนตายได้เสียชีวิตลงแล้ว … แล้วใครจะรู้ละว่าตัวเองจะตายตอนไหน คือเรื่องมีอยู่ว่า !!
……นางแจ่มชัด เสียชีวิตไปเมื่อเดือนมกราคมปีนี้เอง และได้มีธนาคารสี่ตี้แบงค์ได้ส่งใบเรียกเงินมาเก็บค่าธรรมเนียมประจำปีของ บัตรเครดิต ซึ่งมาถึงเธอในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม
พร้อม ทั้งเรียกเก็บค่าปรับ ที่เธอชำระล่าช้า พร้อมดอกเบี้ยของยอดที่เรียกเก็บ ซึ่งในความเป็นจริง เธอไม่ได้ใช้บัตรนั้นมาตั้งแต่วันที่ตาย
แต่บัดนี้ ยอดทั้งหมดที่เรียกเก็บกลายเป็นจำนวน สองพันกว่าบาท เข้าไปแล้ว ญาติของเธอจึงโทรศัพท์ไปยังธนาคาร
ญาติผู้ตาย :
ดิฉันโทรมาแจ้งว่า คุณแจ่มชัด เสียชีวิตแล้วคะ ตั้งแต่เดือนมกราคม
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
ยังไม่มีการแจ้งปิดบัญชีนะคะ ดังนั้น ค่าปรับ การชำระช้า จึงต้องเรียกเก็บคะ
ญาติผู้ตาย :
งั้น… ช่วยยกเลิกบัตรให้ ได้ไหมคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
แต่มันช้ามาสองเดือนแล้วนะคะ ที่เรียกเก็บไม่ได้ และธนาคารได้ออกใบเรียกเก็บไปแล้วคะ
ญาติผู้ตาย :
ตามปกติ ถ้าลูกค้าเกิดตายไป ทางธนาคารจะจัดการอย่างไรต่อคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
เรา อาจต้องแจ้งหน่วยคดีฉ้อโกง หรือไม่ ก็แจ้งไปยังเครดิตบูโร (ส่วนงานที่จะคอยเก็บประวัติการมีเครดิตของคนประเทศไทยก็มีคะ) หรือไม่ ก็แจ้งไปทั้งสองที่คะ
ญาติผู้ตาย :
แล้วยมบาลจะโกรธเธอไหมคะ? (ฉันชอบคำถามนี้ของตัวเองจริงๆ)
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
อะไรนะคะ?
ญาติผู้ตาย :
คุณได้ยินหรือเปล่าคะ ที่ดิฉันบอกว่า เธอตายไปแล้วน่ะคะ
เจ้าหน้าที่ธนาคาร :
รอ สักครู่คะ คุยกับหัวหน้าดีกว่าคะ
สักครู่… หัวหน้ารับโทรศัพท์ไปพูดต่อ…
ญาติผู้ตาย :
ดิฉันโทรมาแจ้งให้ทราบว่าเจ้าของบัตรเสียชีวิตไป ตั้งแต่เดือนมกราแล้วคะ
หัวหน้าธนาคาร :
ยัง ไม่มีการแจ้งปิดบัญชีนะครับ ดังนั้น ค่าปรับการชำระช้าจึงต้องเรียกเก็บครับ (สงสัยเป็นประโยคที่ทางธนาคารมีไว้ให้ใช้ตอบกับลูกค้า)
ญาติผู้ตาย :
หมายความว่า จะต้องเรียกเก็บจากที่ดินของเธอหรือคะ
หัวหน้าธนาคาร :
(ชักเริ่มติดอ่าง) คุณเป็นทนายความของเธอหรือครับ?
ญาติผู้ตาย :
เปล่าคะ ดิฉันเป็นเหลนของเธอน่ะคะ (ทนายสอนให้บอกเช่นนี้)
หัวหน้าธนาคาร :
กรุณาช่วยแฟกซ์ ใบมรณบัตรของเธอ มาได้ไหมครับ
ญาติผู้ตาย :
ยินดีคะ (ทางธนาคารแจ้งเบอร์แฟกซ์)
หลังจากได้รับแฟกซ์เรียบร้อย…
หัวหน้าธนาคาร :
ทางระบบของเรา ไม่ได้บอกว่าจะให้จัดการอย่างไร ในกรณีที่ลูกค้าเสียชีวิต ผมก็ไม่ทราบว่า จะช่วยเหลือคุณ ได้อย่างไร
ญาติผู้ตาย :
อ๋อคะ คิดต่อไปนะคะ ถ้ายังคิดไม่ออก ก็เรียกเก็บเงินเธอไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน เธอคงไม่ว่าอะไรหรอกคะ
หัวหน้าธนาคาร :
ครับ… ค่าปรับ การชำระช้า ก็ต้องเรียกเก็บต่อไปนะครับ
ญาติผู้ตาย :
ไม่ทราบต้องการที่อยู่ใหม่ของคุณยายทวดไหมคะ
หัวหน้าธนาคาร :
ดีเลยครับ
ญาติผู้ตาย :
บริเวณปากน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา สมุทรปราการคะ
หัวหน้าธนาคาร :
ขอประทานโทษครับ… นั่นมันเป็นแม่น้ำนี่ครับ
ญาติผู้ตาย :
อ้าว!!… แล้วเวลาญาติพวกคุณตาย เอาอังคารไปลอยแถวไหนหรือคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก : FB แชร์