อ่านไว้ก็ดี!! นี่คือ 12 สัญญาณ..บ่งบอกว่าเป็นโรคไต!! คุณมีใกล้เคียงสักข้อไหม?
ไต ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ช่วยในการขจัดของเสียต่างๆในร่างกาย ในวันนี้เราจึงอยากมานำเสนอ 12 สัญญาณบ่งบอกว่าเป็นโรคไต
• เกิดจากไตทำงานผิดปกติ ไตจะทำงานได้ลดลง
• ก่อให้เกิดการคั่งของสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการ
• ส่งผลกระทบให้การทำงานของเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ จนถึงเกิดเป็นภาวะไตวาย
• การที่ร่างกายกำจัดของเสียไม่ได้ เนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆ ก็จะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากภาวะไตวาย
1. โรคไตเฉียบพลัน
• พบได้น้อย
• สามารถรักษาหายในระยะเวลาสั้นๆ
• อาทิเช่น ไตขาดเลือดจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
2. โรคไตเรื้อรัง
• พบได้สูง
• ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรตไตเรื้อรังคือ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต เป็นกลุ่มที่ควรได้รับการตรวจหาโรคไต ได้แก่
• ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เพราะการทำงานของไตจะลดลงตามอายุที่มากขึ้น
• ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง
• ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคหลอดเลือดอื่นๆ
• ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
• ผู้ที่เป็นโรคไตอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคไตอักเสบ โรคเอสแอลอี (SLE) โรคเกาต์ โรคไตอักเสบชนิดไม่ใช่ติดเชื้อโรค
• ผู้ที่มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคไตชนิดใดชนิดหนึ่ง
• ผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เป็นซ้ำๆ หลายครั้ง
• ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด โดยเฉพาะยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal anti-inflammatory drugs: NSAIDs) หรือสัมผัสสารเคมีบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน
1. ระบบทางเดินปัสสาวะผิดปกติ
• ปัสสาวะเป็นเลือด
• อาจเป็นเลือดสดๆ เลือดเป็นลิ่มๆ ปัสสาวะเป็นสีแดง สีน้ำล้างเนื้อ สีชาแก่ๆ หรือปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม
• ปัสสาวะเป็นฟองมาก
• เนื่องจากมี albumin หรือโปรตีนออกมามาก จะทำให้ปัสสาวะมีฟองขาวๆ เหมือนฟองสบู่
• ปัสสาวะขุ่น
2. การผิดปกติของการถ่ายปัสสาวะ
• การถ่ายปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบ
• ปัสสาวะราด เบ่งปัสสาวะ
• อาการที่กล่าวไปป็นอาการผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะเช่น กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก และท่อทางเดินปัสสาวะ
3. คัน
• อาจเกิดจากการระคายเคืองผิวหนังจากของเสียต่างๆ
4. ซีดหรือโลหิตจาง
• มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
• เบื่ออาหาร รสชาติอาหารแปลกไป
• มาจากผลของมีของเสียสะสมในร่างกาย
5. คลื่นไส้ อาเจียน
• อาจเกิดจากการสะสมของของเสียเช่นกัน
6. มีน้ำในร่างกายมาก
• เนื่องจากไตขับออกไม่ได้
• ทำให้เกิดอาการบวม
• มักเริ่มที่เท้าและรอบดวงตาก่อน
• เมื่อเป็นมากขึ้นจะเกิดอาการของไตวาย เช่น สับสน โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด
7. ปวดท้องอย่างรุนแรง ร่วมกับการมีปัสสาวะเป็นเลือดปัสสาวะขุ่น หรือมีกรวดทราย
• เป็นนิ่วในไตและทางเดินปัสสาวะ
8. มีก้อนบริเวณไต หรือบริเวณบั้นเอวทั้ง 2 ข้าง
• คุณอาจเป็นโรคไตเป็นถุงน้ำ
• การอุดตันของไต หรือเนื้องอกของไต
9. ปวดหลัง
• ในกรณีที่เป็นกรวยไตอักเสบ
• มักมีอาการไข้หนาวสั่นและปวดหลังบริเวณไตคือ บริเวณสันหลังใต้ซี่โครงซีกสุดท้าย
10. ความดันโลหิตสูง
• เนื่องมาจากไตสร้างสารควบคุมความดันโลหิต
• ไตมีหน้าที่รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ฉะนั้นความดันโลหิตสูงอาจเป็นจากโรคไตโดยตรง หรือในระยะไตวายมากๆ ความดันโลหิตก็จะสูงได้
• ควรจำกัดและหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด
• เนื่องจากเมื่อไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
• การได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ร่างกายมีการสะสมของเสียมากเกินไป
1. อาหารที่มีโซเดียมสูง
• เช่น ปลาเค็ม แฮม เบคอน ไส้กรอก อาหารดอง ขนมขบเคี้ยว เนยแข็ง
• อาหารรสจืดแต่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบเช่น ขนมปังเนื่องจากมีการใช้ผงฟู
2. อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
• เช่น ผลไม้แห้งทุกชนิด ทุเรียน มะขาม แคนตาลูป น้ำลูกยอ มะเขือเทศ ผักใบเขียว หัวผักกาด กล้วย ส้ม มะละกอ ขนุน
3. อาหารที่มีฟอสฟอรัส
• เช่น รำข้าว เนยแข็ง นมและผลิตภัณฑ์จากนม นมข้นหวาน ไข่ปลา ไข่แดง กุ้ง ปู
• ผลิตภัณฑ์ที่ใส่ผงฟู ถั่วเมล็ดแห้ง น้ำอัดลมสีดำ เ
4. หมู่โปรตีนบางชนิด
• เช่นเนื้อสัตว์ที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลมาก เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ หนังหมู หนังเป็ดและไก่ เนื้อหมูและเนื้อวัวติดมัน ซี่โครงหมูที่ติดมันมาก หมูหัน เป็ดปักกิ่ง หมูสามชั้น หมูกรอบ เป็ดย่าง ห่านพะโล้ ไข่ปลา ไข่กุ้ง
• เนื้อสัตว์ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบ ทำให้ไตทำงานขับถ่ายของเสียหนักขึ้น เช่น เอ็นหมู เอ็นวัว เอ็นไก่ หูฉลาม ตีนเป็ด ตีนไก่ หนังสัตว์ กระดูกอ่อน รวมทั้งถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ และขนม อาหารที่มีไส้ถั่ว
1. ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายในแต่ละมื้ออาหาร
• ครอบคลุมหมู่อาหารทั้ง 5
• หลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลต่อไต
2. กินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลต่ำ
• ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง ควรควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอล
• ซึ่งในอาหารแต่ละวันไม่ให้เกิน 300 มิลลิกรัม / วัน
3. ผู้มีภาวะไตเรื้อรัง
• ห้ามใช้ซอสปรุงรสเทียม เกลือเทียม ซีอิ๊วเทียม น้ำปลาเทียม
• หากต้องการเพิ่มรสชาติอาหารให้ใช้เครื่องเทศแทน
4. ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่มีน้ำหนักเกิน
• น้ำหนักจริงที่ควรเป็น (Ideal Weight for Height) ในคนปกติ
• ควรจำกัดปริมาณแคลอรี ให้พอเพียงในแต่ละวันเท่านั้นคือ ประมาณ 30-35 กิโลแคลอรี / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม / วัน
หลังจากที่ได้อ่านกันแล้ว ก็ได้ทราบถึง 12 สัญญาณ บ่งบอกว่าเป็นโรคไตกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากใครที่มีข้อสงสัยว่าตนเป็นโรคไตหรือไม่ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คอย่างถูกวิธี ถ้าหากเป็นจะได้หาทางรักษาได้อย่างทันท่วงที
ไต ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ช่วยในการขจัดของเสียต่างๆในร่างกาย ในวันนี้เราจึงอยากมานำเสนอ 12 สัญญาณบ่งบอกว่าเป็นโรคไต
โรคไต (Kidney disease)
• เกิดจากไตทำงานผิดปกติ ไตจะทำงานได้ลดลง
• ก่อให้เกิดการคั่งของสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการ
• ส่งผลกระทบให้การทำงานของเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ จนถึงเกิดเป็นภาวะไตวาย
• การที่ร่างกายกำจัดของเสียไม่ได้ เนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆ ก็จะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากภาวะไตวาย
โรคไต สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
1. โรคไตเฉียบพลัน
• พบได้น้อย
• สามารถรักษาหายในระยะเวลาสั้นๆ
• อาทิเช่น ไตขาดเลือดจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
2. โรคไตเรื้อรัง
• พบได้สูง
• ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรตไตเรื้อรังคือ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต เป็นกลุ่มที่ควรได้รับการตรวจหาโรคไต ได้แก่
• ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เพราะการทำงานของไตจะลดลงตามอายุที่มากขึ้น
• ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง
• ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคหลอดเลือดอื่นๆ
• ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
• ผู้ที่เป็นโรคไตอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคไตอักเสบ โรคเอสแอลอี (SLE) โรคเกาต์ โรคไตอักเสบชนิดไม่ใช่ติดเชื้อโรค
• ผู้ที่มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคไตชนิดใดชนิดหนึ่ง
• ผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เป็นซ้ำๆ หลายครั้ง
• ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด โดยเฉพาะยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal anti-inflammatory drugs: NSAIDs) หรือสัมผัสสารเคมีบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน
สัญญาณเตือนที่บ่งบอกได้ว่าคุณอาจกำลังจะเป็นโรคไต
1. ระบบทางเดินปัสสาวะผิดปกติ
• ปัสสาวะเป็นเลือด
• อาจเป็นเลือดสดๆ เลือดเป็นลิ่มๆ ปัสสาวะเป็นสีแดง สีน้ำล้างเนื้อ สีชาแก่ๆ หรือปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม
• ปัสสาวะเป็นฟองมาก
• เนื่องจากมี albumin หรือโปรตีนออกมามาก จะทำให้ปัสสาวะมีฟองขาวๆ เหมือนฟองสบู่
• ปัสสาวะขุ่น
2. การผิดปกติของการถ่ายปัสสาวะ
• การถ่ายปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบ
• ปัสสาวะราด เบ่งปัสสาวะ
• อาการที่กล่าวไปป็นอาการผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะเช่น กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก และท่อทางเดินปัสสาวะ
3. คัน
• อาจเกิดจากการระคายเคืองผิวหนังจากของเสียต่างๆ
4. ซีดหรือโลหิตจาง
• มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
• เบื่ออาหาร รสชาติอาหารแปลกไป
• มาจากผลของมีของเสียสะสมในร่างกาย
5. คลื่นไส้ อาเจียน
• อาจเกิดจากการสะสมของของเสียเช่นกัน
6. มีน้ำในร่างกายมาก
• เนื่องจากไตขับออกไม่ได้
• ทำให้เกิดอาการบวม
• มักเริ่มที่เท้าและรอบดวงตาก่อน
• เมื่อเป็นมากขึ้นจะเกิดอาการของไตวาย เช่น สับสน โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด
7. ปวดท้องอย่างรุนแรง ร่วมกับการมีปัสสาวะเป็นเลือดปัสสาวะขุ่น หรือมีกรวดทราย
• เป็นนิ่วในไตและทางเดินปัสสาวะ
8. มีก้อนบริเวณไต หรือบริเวณบั้นเอวทั้ง 2 ข้าง
• คุณอาจเป็นโรคไตเป็นถุงน้ำ
• การอุดตันของไต หรือเนื้องอกของไต
9. ปวดหลัง
• ในกรณีที่เป็นกรวยไตอักเสบ
• มักมีอาการไข้หนาวสั่นและปวดหลังบริเวณไตคือ บริเวณสันหลังใต้ซี่โครงซีกสุดท้าย
10. ความดันโลหิตสูง
• เนื่องมาจากไตสร้างสารควบคุมความดันโลหิต
• ไตมีหน้าที่รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ฉะนั้นความดันโลหิตสูงอาจเป็นจากโรคไตโดยตรง หรือในระยะไตวายมากๆ ความดันโลหิตก็จะสูงได้
อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต
• ควรจำกัดและหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด
• เนื่องจากเมื่อไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
• การได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ ร่างกายมีการสะสมของเสียมากเกินไป
***อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง***
1. อาหารที่มีโซเดียมสูง
• เช่น ปลาเค็ม แฮม เบคอน ไส้กรอก อาหารดอง ขนมขบเคี้ยว เนยแข็ง
• อาหารรสจืดแต่มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบเช่น ขนมปังเนื่องจากมีการใช้ผงฟู
2. อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง
• เช่น ผลไม้แห้งทุกชนิด ทุเรียน มะขาม แคนตาลูป น้ำลูกยอ มะเขือเทศ ผักใบเขียว หัวผักกาด กล้วย ส้ม มะละกอ ขนุน
3. อาหารที่มีฟอสฟอรัส
• เช่น รำข้าว เนยแข็ง นมและผลิตภัณฑ์จากนม นมข้นหวาน ไข่ปลา ไข่แดง กุ้ง ปู
• ผลิตภัณฑ์ที่ใส่ผงฟู ถั่วเมล็ดแห้ง น้ำอัดลมสีดำ เ
4. หมู่โปรตีนบางชนิด
• เช่นเนื้อสัตว์ที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลมาก เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ หนังหมู หนังเป็ดและไก่ เนื้อหมูและเนื้อวัวติดมัน ซี่โครงหมูที่ติดมันมาก หมูหัน เป็ดปักกิ่ง หมูสามชั้น หมูกรอบ เป็ดย่าง ห่านพะโล้ ไข่ปลา ไข่กุ้ง
• เนื้อสัตว์ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบ ทำให้ไตทำงานขับถ่ายของเสียหนักขึ้น เช่น เอ็นหมู เอ็นวัว เอ็นไก่ หูฉลาม ตีนเป็ด ตีนไก่ หนังสัตว์ กระดูกอ่อน รวมทั้งถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ และขนม อาหารที่มีไส้ถั่ว
ข้อควรปฏิบัติที่ถูกต้อง
1. ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายในแต่ละมื้ออาหาร
• ครอบคลุมหมู่อาหารทั้ง 5
• หลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลต่อไต
2. กินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลต่ำ
• ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง ควรควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอล
• ซึ่งในอาหารแต่ละวันไม่ให้เกิน 300 มิลลิกรัม / วัน
3. ผู้มีภาวะไตเรื้อรัง
• ห้ามใช้ซอสปรุงรสเทียม เกลือเทียม ซีอิ๊วเทียม น้ำปลาเทียม
• หากต้องการเพิ่มรสชาติอาหารให้ใช้เครื่องเทศแทน
4. ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่มีน้ำหนักเกิน
• น้ำหนักจริงที่ควรเป็น (Ideal Weight for Height) ในคนปกติ
• ควรจำกัดปริมาณแคลอรี ให้พอเพียงในแต่ละวันเท่านั้นคือ ประมาณ 30-35 กิโลแคลอรี / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม / วัน
หลังจากที่ได้อ่านกันแล้ว ก็ได้ทราบถึง 12 สัญญาณ บ่งบอกว่าเป็นโรคไตกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากใครที่มีข้อสงสัยว่าตนเป็นโรคไตหรือไม่ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คอย่างถูกวิธี ถ้าหากเป็นจะได้หาทางรักษาได้อย่างทันท่วงที