กินข้าวโพดต้มทุกวันช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้ แต่ต้องกินให้ถูกวิธีตามนี้
ทางออกหนึ่งที่ผู้คนนิยมใช้กัน ก็คือ การทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีสรรพคุณในการต้านมะเร็ง มีสารออกฤทธิ์ล้างพิษของพวกอนุมูลอิสระตัวอันตรายต่อเซลล์อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย แต่ก็เจอมากมายในผลไม้ ส่วนในข้าวโพดก็มีเช่นกัน แต่ต้องทานให้ถูกวิธี ดังนี้
ผักผลไม้เมื่อทานสดๆจะได้รับประโยชน์จากสารอาหารได้ดีกว่าการผ่านความร้อน แต่ทฤษฎีนี้จะใช้กับข้าวโพดไม่ได้ เพราะเจ้าข้าวโพดหวานนี้จะมีสรรพคุณสามารถต้านโรคมะเร็งมากขึ้นเมื่อนำไปผ่านความร้อนก่อนอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีสารล้างพิษมากกว่าผักผลไม้อื่นๆ ซะด้วย
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐอเมริกา รายงานผลการวิจัยลงในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่า….
“ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้ว จะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน”
ข้าวโพดหวานเป็นพืชที่แม้ปรุงสุกแล้ว ก็ยังคงมีคุณค่าเป็นตัวล้างพิษได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าการให้ความร้อนจะทำให้เสียวิตามินซีไปบ้าง ก็ตามที แต่เราก็ไม่ได้หวังวิตามินซีจากข้าวโพดเป็นหลักอยู่แล้ว เพราะประโยชน์ที่มีมากกว่านั้น ก็คือ “การกินข้าวโพดเพื่อต้านมะเร็ง”
มาลองดูการทดลองที่ว่านี้กันเลย…
นักวิจัยทำการทดลองด้วยการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25, และ 50 นาที ผลปรากฎว่า….ยิ่งต้มนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้มีสารซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
โดยเวลาการต้มที่มาขึ้น ทำให้มีสารซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นมากขึ้น 22, 44 และ 53 เปอร์เซนต์ตามลำดับ
จากการทดลองนี้ นักวิจัยเชื่อว่า สารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษนี้จะช่วยทำลายล้างพิษของพวกอนุมูลอิสระตัวอันตรายต่อเซลล์อวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังเป็นตัวก่อการร้ายที่จะทำให้เกิดโรคที่มีเหตุมาจากความชรา เช่น ต้อกระจก, โรคสมองเสื่อม รวมทั้งโรคร้ายอย่างหัวใจ และมะเร็งด้วย
ซึ่งสารสำคัญที่รับบทเป็นตัวล้างพิษนี้ คือ “กรดเฟรุลิก (Ferulic acid)” หรือกรดอินทรีย์ที่เป็นสารสำคัญช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ
กรดเฟรุลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ ดังนี้
1. ต่อต้านความชรา
2. ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง
3. ป้องกันโรคหัวใจ
4. รักษาไข้หวัด
5. รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ
6. ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลตซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง
7. สำหรับคนที่เป็นมะเร็งที่รับการทำคีโม กินข้าวโพดต้มจะสามารถสารล้างพิษเคมีที่เกิดจากการทำคีโมได้
มากไปกว่านั้น นักวิจัยกลุ่มนี้กล่าวว่า ข้าวโพดหวานต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก ออกมา ยิ่งผ่านความร้อนสูงก็ยิ่งออกมามาก ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นการทำสุกจึงช่วยให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น
กรดเฟรุลิกจัดอยู่ในพวกพฤษเคมี ซึ่งพบในผักและผลไม้ไม่มากนัก แต่อุดมอยู่ในฝักข้าวโพดเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้น หากคุณอยากมีร่างกายที่แข็งแรงตลอดไป แนะนำให้หาข้าวโพดต้มหรือปิ้งมาทานบ่อยๆ แล้วสุขภาพของคุณจะแข็งแรงกว่าเดิม
ขอบคุณภาพและข้อมูล : siamnews.com
ที่มา : https://www.isanbanthung.com/4936
ทางออกหนึ่งที่ผู้คนนิยมใช้กัน ก็คือ การทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีสรรพคุณในการต้านมะเร็ง มีสารออกฤทธิ์ล้างพิษของพวกอนุมูลอิสระตัวอันตรายต่อเซลล์อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย แต่ก็เจอมากมายในผลไม้ ส่วนในข้าวโพดก็มีเช่นกัน แต่ต้องทานให้ถูกวิธี ดังนี้
ผักผลไม้เมื่อทานสดๆจะได้รับประโยชน์จากสารอาหารได้ดีกว่าการผ่านความร้อน แต่ทฤษฎีนี้จะใช้กับข้าวโพดไม่ได้ เพราะเจ้าข้าวโพดหวานนี้จะมีสรรพคุณสามารถต้านโรคมะเร็งมากขึ้นเมื่อนำไปผ่านความร้อนก่อนอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีสารล้างพิษมากกว่าผักผลไม้อื่นๆ ซะด้วย
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐอเมริกา รายงานผลการวิจัยลงในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่า….
“ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้ว จะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน”
ข้าวโพดหวานเป็นพืชที่แม้ปรุงสุกแล้ว ก็ยังคงมีคุณค่าเป็นตัวล้างพิษได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าการให้ความร้อนจะทำให้เสียวิตามินซีไปบ้าง ก็ตามที แต่เราก็ไม่ได้หวังวิตามินซีจากข้าวโพดเป็นหลักอยู่แล้ว เพราะประโยชน์ที่มีมากกว่านั้น ก็คือ “การกินข้าวโพดเพื่อต้านมะเร็ง”
มาลองดูการทดลองที่ว่านี้กันเลย…
นักวิจัยทำการทดลองด้วยการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25, และ 50 นาที ผลปรากฎว่า….ยิ่งต้มนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้มีสารซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
โดยเวลาการต้มที่มาขึ้น ทำให้มีสารซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นมากขึ้น 22, 44 และ 53 เปอร์เซนต์ตามลำดับ
จากการทดลองนี้ นักวิจัยเชื่อว่า สารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษนี้จะช่วยทำลายล้างพิษของพวกอนุมูลอิสระตัวอันตรายต่อเซลล์อวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังเป็นตัวก่อการร้ายที่จะทำให้เกิดโรคที่มีเหตุมาจากความชรา เช่น ต้อกระจก, โรคสมองเสื่อม รวมทั้งโรคร้ายอย่างหัวใจ และมะเร็งด้วย
ซึ่งสารสำคัญที่รับบทเป็นตัวล้างพิษนี้ คือ “กรดเฟรุลิก (Ferulic acid)” หรือกรดอินทรีย์ที่เป็นสารสำคัญช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ
กรดเฟรุลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ ดังนี้
1. ต่อต้านความชรา
2. ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง
3. ป้องกันโรคหัวใจ
4. รักษาไข้หวัด
5. รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ
6. ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลตซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง
7. สำหรับคนที่เป็นมะเร็งที่รับการทำคีโม กินข้าวโพดต้มจะสามารถสารล้างพิษเคมีที่เกิดจากการทำคีโมได้
มากไปกว่านั้น นักวิจัยกลุ่มนี้กล่าวว่า ข้าวโพดหวานต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก ออกมา ยิ่งผ่านความร้อนสูงก็ยิ่งออกมามาก ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นการทำสุกจึงช่วยให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น
กรดเฟรุลิกจัดอยู่ในพวกพฤษเคมี ซึ่งพบในผักและผลไม้ไม่มากนัก แต่อุดมอยู่ในฝักข้าวโพดเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้น หากคุณอยากมีร่างกายที่แข็งแรงตลอดไป แนะนำให้หาข้าวโพดต้มหรือปิ้งมาทานบ่อยๆ แล้วสุขภาพของคุณจะแข็งแรงกว่าเดิม
ขอบคุณภาพและข้อมูล : siamnews.com
ที่มา : https://www.isanbanthung.com/4936