สาเหตุที่คนเราเกิดมาสวยทุกชาติ

สาเหตุที่คนเราเกิดมาสวยทุกชาติ
พระธรรมเทศนาโดยหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง
สำหรับเรื่องนี้ เป็นพระโอวาทของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำนะครับ พอผมได้ลองทำความเข้าใจดูแล้วก็พบว่า ความเป็นไปได้มันค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว โดยหลักใหญ่ใจความของเรื่องนี้ท่านกล่าวถึงอุปนิสัยต่างๆ ของบุคคลในสมัยพุทธกาล และได้ให้สัจธรรมในเรื่องของความสุขที่แท้จริงในตอนท้ายเรื่องด้วยนะครับนั่นก็หมายความว่าคนเราทำอะไรไว้ในอดีตก็ยังสามารถส่งผลถึงปัจจุบันได้ โดยท่านได้ยกตัวอย่างและเล่าถึงพระนางรูปนันทา ไว้ดังนี้ครับ
… ทำไมพระนางรูปนันทาจึงสวยงามมาก ซึ่งนี่ถือเป็นตอนหนึ่งที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ ซึ่งบางตอน ท่านกล่าวว่า พระนางรูปนันทาเป็นคนในตระกูลศากยราช เกิดในตระกูลของเจ้าก็จริง แต่ทว่าเป็นเจ้าที่มีความสวยและ งดงามเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งไม่มีหญิงใดในกรุงกบิลพัสดุ์มหานครจะสวยเท่าพระนางรูปนันทาไปได้
คำว่า รูปนันทา นั้นแปลว่า มีรูปเป็นเครื่องบันเทิง คือมีรูปเป็นเครื่องดีใจ โดยสมเด็จพระจอมไตรท่านได้ตรัสเอาไว้ว่า ในอดีตชาติก่อนหน้านั้น หรือเอาเป็นว่าทุกชาติที่ผ่านมานั้นเหมือนเป็นนิสัยนะ พระพุทธเจ้าบอกว่านิสัยนี้เองที่ละไม่ได้ คนจะละนิสัยได้มีคนเดียวก็คือพระพุทธเจ้า ถ้ายังไม่เป็นพระพุทธเจ้าเพียงใด ก็จะทรงนิสัยตามนั้น เมื่อได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้วก็จะสามารถละนิสัยนั้นได้ มีองค์เดียว คนอื่นนอกจากพระพุทธเจ้าแม้แต่พระอรหันต์ทั้งหลายก็ละนิสัยเดิมไม่ได้ อย่างเช่น พระสารีบุตร ในอดีตเห็นเคยเกิดมาเป็นลิงหลายชาติมาก พอได้มาเป็นพระอัครสาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วก็ดี แต่เมื่อเวลาท่านได้พบลำคลองต่างๆ พระองค์อื่นๆ จะ ค่อย ๆ ข้ามไป หรือค่อยๆ ถกผ้าลุยน้ำผ่านไป แต่สำหรับพระสารีบุตรนั้น ท่านขัดเขมรแล้วก็โดดไป เป็นอันว่านิสัยนี้ทิ้งไม่ได้แม้ว่าจะเป็นพระอัครสาวก
สำหรับพระนางรูปนันทาเองก็เช่นกัน ที่สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาตรัสไว้ว่า ชาติในอดีตของรูปนันทาทุกชาติที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ เวลาที่เธอจะทำบุญทำทาน ภาชนะทุกอย่างต้องสะอาดหมดจด ถึงแม้สมัยที่เป็นคนยากคนจนก็ตามที ถึงแม้ภาชนะนั้นอาจจะไม่ดีเท่าคนอื่นเขา แต่ว่าการทำความสะอาดภาชนะที่จะไปทำบุญต้องสะอาด ถ้าไม่สะอาดเธอจะไม่ทำ ครั้นต่อมาจนกระทั่งเป็นลูกเศรษฐีหรือบุตรแห่งกษัตริย์มาก็หลายวาระ เวลาที่จัดภัตตาหารไปถวายพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ภาชนะทุกอย่างเธอจะทำการล้างเอง และเช็ดเอง โดยทำเองทุกอย่างจนกระทั่งเป็นที่พอใจ
ทั้งนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
อาศัยที่รูปนันทาเป็นคนชอบความสะอาด รักความสะอาด
ทุกครั้งเวลาให้ทานหรือบำเพ็ญกองการกุศล
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นปัจจัยให้รูปนันทานั้นเกิดมาเป็นคนสวยทุกชาติ 
จนกระทั่งมาชาติสุดท้าย ถือว่ามีความสวยที่สุด
แต่ทว่าความสวยนั้นก็อยู่ไม่ได้นานและ ไม่ยั่งยืน
แล้วองค์สมเด็จพระพิชิตมารจึงได้กล่าวต่อ แก่บุคคลทั้งหลายว่า ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความจริงแล้ว ท่านเทศน์ร่วมกันระหว่างพระกับปุถุชนธรรมดา แต่ด้วยความที่พระท่านนั่งอยู่ใกล้จึงได้ปรารภกับพระว่า
ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงดูสภาวะของหญิงที่มีรูปงาม
ที่ถวายงานพัดแด่ตถาคตอยู่ แต่ในไม่ช้าไม่นานเท่าไร
องค์สมเด็จพระบรมครูคือตถาคต เทศน์ไม่ทันจะจบเธอก็สิ้นลมเสีย
โดยเวลานี้กระดูกเรี่ยรายลงบนพื้นปฐพี
จะหาสิ่งที่ปรากฏเป็นร่างกายนี้ฉันใด ก็ไม่สามารถปรากฏฉันนั้น
 
พวกท่านทั้งหลายที่สดับรับรสพุทธพจน์เทศนาอยู่เวลานี้ ภายหลังไม่ช้าจากวันนี้ไป วันคืนล่วงไปๆ ชีวิตก็เสื่อมไปทีละน้อย เข้าไปหาความตาย ถ้าอายุยืนสักหน่อยก็มีอายุถึงแก่ เจ็บแล้วก็ตาย ถ้าบาปกรรมที่เป็นอกุศลทำไว้มากไซร้ เช่น ปาณาติบาต ก็สามารถจะตัดชีวิตไปในระหว่างกลางให้ถึงแก่ความตายได้ ฉะนั้น พวกเธอทั้งหลายจงอย่าประมาทในชีวิต อย่าคิดว่าชีวิตจะยืนยาวต่อไป
แล้ว องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงนำมาซึ่งอริยสัจโดยย่อ นั่นก็หมายความว่า เธอทั้งหลายจงรู้สภาพว่าการเกิดนั้นมีสภาพเป็นทุกข์ การทรงชีวิตอยู่นั้นมีสภาพเป็นทุกข์หมดทุกอย่าง ความหิวก็เป็นทุกข์ ความกระหายก็เป็นทุกข์ การป่วยไข้ไม่สบายก็เป็นทุกข์ การประกอบการงานก็เป็นทุกข์ การปวดอุจจาระและปัสสาวะก็เป็นทุกข์ มีความปรารถนาแต่ไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ มีทุกข์ได้ทั้งหมด นั่นเป็นเพราะว่าความจริงแล้ว คนเรานั้นเกิดมา แต่ไม่สามารถหาความสุขแท้จริงได้

ขอบคุณที่มาจาก กฎแห่งกรรม – ภพภูมิ