รู้ไว้ก่อนไป ทำไมไปสักการะรอยพระบาท ณ เขาคิชฌกูฏ ถึงอธิษฐานได้แค่ 1 ข้อ

รู้ไว้ก่อนไป ทำไมไปสักการะรอยพระบาท ณ เขาคิชฌกูฏ ถึงอธิษฐานได้แค่ 1 ข้อ

ตามความเชื่อแล้วนั้น เขาคิชฌกูฏ สำหรับการอธิษฐานให้เพียง 1 ข้อ และมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญนั่นก็คือความตั้งใจ ความจริงใจในการทำให้พร 1 ข้อนั้นประสบความสำเร็จ ซึ่งการที่จะเดินทางไปยังเขาคิชฌกูฏนั้นไม่ได้ง่ายเลย แต่ใครหลายคุณก็มีความพากเพียรพยายามไปถึงได้ ขึ้นไปเพื่อไหว้พระขอพร ขออธิษฐาน ซึ่งหลายคนขึ้นไปขอก็เป็นจริง ก็เลยเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องของความเชื่อและความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจ เหมือนมีแรงฮึดสู้ในการใช้ชีวิต ทำให้ประสบความสำเร็จ จนพรข้อสำคัญนั้นกลายเป็นจริงก็ว่าได้

ตำนานศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องลือ

อย่างที่บอกว่าที่เขาคิชฌกูฏ มีสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขานั่นคือ รอยพระพุทธบาท ที่ประดิษฐานอยู่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือว่าสูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ว่ากันว่าใครได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏก็เปรียบเหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจะได้รับกุศลอันยิ่งใหญ่ ประสบแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง และเชื่อกันว่าหากได้มาอธิษฐานขอพรแล้วจะสมหวังดั่งใจปรารถนา

โดยมีตำนานเล่าถึงรอยพระพุทธบาทว่า ชายหนุ่มชื่อนายติ่งกับพวกมีอาชีพหาของป่า วันหนึ่งก็ได้ออกไปหาของป่ากันอย่างเคย จนไปหยุดพักเหนื่อยอยู่ที่ลานหินบนยอดเขาแห่งหนึ่ง พอหายเหนื่อยแล้วก็พากันเดินกลับที่พัก แต่เดินกันไปมาก็ปรากฏว่าได้วกกลับมาที่ลานหินเดิมนั้นอีก เป็นที่น่าอัศจรรย์

ชายคนหนึ่งในกลุ่มได้ถอนหญ้าที่ลานหินนั้น เพื่อจะนอนก็ปรากฏว่าพบแหวนนาคขนาดใหญ่วงหนึ่ง ทำให้ทุกคนก็เข้าใจว่า ที่ตรงนี้คงจะมีทรัพย์สมบัติมากจึงได้ช่วยกันถอนหญ้าบนลานหินนั้นจนหมดแต่ก็ ไม่พบอะไรอีก นอกจากลานหินซึ่งมีรอยเท้าขนาดใหญ่ของมนุษย์

ต่อมาที่วัดพลับ ตำบลบางกะจะ ซึ่งเป็นเมืองเก่าของจังหวัดจันทบุรีได้มีงานเทศกาลปิดทองรอยพระพุทธบาท นายติ่งได้ไปปิดทองรอยพระบาท และรู้สึกแปลกใจมากที่รอยพระพุทธบาทนี้ช่างเหมือนกับที่แกเห็นอยู่บนลานหินยอดเขาคิชฌกูฏ ต่อมาทางเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรีทราบเรื่องเข้า ท่านเจ้าคณะจังหวัดจึงเรียกไปสอบถาม และให้พระภิกษุ 2 รูปตามนายติ่งไปดู เมื่อพิจารณาแล้วได้ลงความเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทอันแท้จริง อีกทั้งบนลานหินนั้นมีหินก้อนใหญ่โตมาก ลักษณะคล้ายบาตรพระตะแคง ตั้งลอยอยู่เรียกว่า “ลูกบาตร” ต่อมาเมื่อเรื่องกระจายออกไปจึงมีผู้คนมาไหว้สักการะไม่ขาดสาย

ควรเริ่มต้นขึ้นเขากี่โมงดี

คำตอบจริงๆ คือ เอาความสะดวกของผู้เดินทางเป็นหลัก จะตอนเช้า ตอนบ่าย หรือตอนค่ำ หรือดึก ไปเลยก็ได้ทั้งนั้น เพราะสามารถขึ้นเขาคิชฌกุฎได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีรถให้บริการขึ้นไปถึงต่อที่ 3 ตลอดเวลา ถ้าเดินทางตอนเช้า ตอนบ่าย อาจจะร้อนหน่อยแต่ได้เห็นวิว บรรยากาศรอบข้าง เดินทางตอนค่ำหรือดึก อากาศก็เย็นสบาย บางวันอาจถึงหนาวจัดเลยก็มี แต่ก็จะมองไม่เห็นอะไร ที่ไกลกว่าความสว่างของหลอดไฟไปถึง

ความเห็น จขกท. : เวลาที่เหมาะสมน่าจะประมาณ ตี 3 ตี 4 เนื่องด้วยว่า อากาศไม่ร้อนเย็นสบายๆ และการเดินทางน่าจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ในการนั้งรถขึ้นถึงตรงพระศรีวลี และเดินอีกประมาณ 1.2 กม. อีกประมาณ 30 นาที เพื่อขึ้นไปให้ถึงตรงหินลูกบาตร รวมแล้วก็ 1 ชั่วโมง

นั้นหมายความว่าประมาณ ตี 5 ก็จะถึงยอดเขาคิชฌกุฎ ซึ่งเป็นเวลาสวดมนต์ ทำวัตรเช้าตรงหินลูกบาตรพอดี เสร็จจากทำวัตรเช้า เราก็เดินไปให้สุดทางที่ผ้าแดง ซึ่งทางเดินค่อนข้างลำบากไม่เหมือนทางเดินขึ้นมาหินลูกบาตร ที่มีการปรับปรุงให้เดินทางได้สะดวกกว่าทางไปผ้าแดง ไม่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาเรื่องหัวเขา ข้อเท้าครับ แล้วค่อยลงเขา (เวลาที่ผมคำนวนไม่รวมเวลาที่ต้องรอเรียกคิวขึ้นรถ และเวลาที่นั้งพักตามทางบ่อยๆ นะครับ)

ที่มา : หนุ่มเวียงพิงค์ เขยจันทบูร, เพจเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี