Home »
ข่าว
»
ข่าวดีต้อนรับศักราชใหม่ กรมบัญชีกลางเผย “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ล็อต 2 กดเงินได้แล้ว ตั้งแต่ 1 ม.ค. 62
ข่าวดีต้อนรับศักราชใหม่ กรมบัญชีกลางเผย “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ล็อต 2 กดเงินได้แล้ว ตั้งแต่ 1 ม.ค. 62
สำหรับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ล็อต 2 วันนี้เรามีข่าวดีต้อนรับศักราชใหม่มาฝาก!!
กรมบัญชีกลางเผย
บัตรคนจนบัตรรอบใหม่ที่แจกไปตั้งแต่วันที่ 21 – 28 ธันวาคม 2561 กว่า 2.5
ล้านใบ จะใช้บัตรได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 นี้
นางสาวสุทธิรัตน์
รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า
การแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ จำนวน 3,042,735 ราย ผ่านทางทีมไทยนิยม
ยั่งยืน ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2561 จนถึงวันที่ 28 ธันวาคม
2561 โดยผู้มีสิทธิทั้ง 77 จังหวัด ได้มารับบัตรฯ แล้วจำนวน 2,538,076 ราย
จะสามารถใช้บัตรฯ ได้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
ซึ่งจากข้อมูลของคลังจังหวัดทั่วประเทศและกรุงเทพมหานคร
พบว่า จังหวัดที่มีการแจกบัตรฯ สูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ จังหวัดชัยนาท
จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดพะเยา จังหวัดอุตรดิตถ์
จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดลำปาง จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอำนาจเจริญ
และจังหวัดสุโขทัย
ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับบัตรและจะไปรับบัตรในเดือนกุมภาพันธ์
ตั้งแต่วันที่ 1 – 28 กุมภาพันธ์ 2562 ต้องไปรับที่ว่าการอำเภอ
หรือผู้ส่วนในกรุงเทพมหานครให้ไปรับที่สำนักงานเขต และตั้งแต่วันที่ 1
มีนาคม 2562 เป็นต้นไป ผู้มีสิทธิจะต้องเดินทางไปรับบัตรฯ ณ
สำนักงานคลังจังหวัด หรือ กรุงเทพมหานคร ตามที่แจ้งที่อยู่ปัจจุบันไว้
โดยผู้มีสิทธิสามารถมารับได้จนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2562
หากไม่มารับภายในวันดังกล่าวจะถือว่าสละสิทธิ์
“สำหรับผู้มีสิทธิที่มารับบัตรฯ
หลังจากวันที่ 28 ธันวาคม 2561 จะสามารถใช้สิทธิได้หลังจากรับบัตรไปแล้ว 2
วัน เนื่องจากต้องดำเนินการเปิดสิทธิของบัตร (Activate)
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิแอบอ้างนำเงินในบัตรไปใช้”
หากย้อนไปดู
สิทธิของผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะสามารถใช้สิทธิได้ 2 ประเภท
ได้แก่ 1. สิทธิในกระเป๋าวงเงิน ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
วงเงินค่าโดยสารรถ ขสมก. รถไฟฟ้า จะได้รับ 500 บาท/คน/เดือน
ใช้ได้สำหรับผู้มีสิทธิที่ได้รับบัตรแบบ Contactless เท่านั้น
เมื่อผู้มีสิทธิต้องการใช้จ่ายเป็นค่าโดยสารรถไฟฟ้า
ให้นำบัตรไปที่ห้องจำหน่ายตั๋วตามสถานีเพื่อแตะและแลกรับเป็นเหรียญแทนเงิน
(Token)
ส่วนของผู้มีสิทธิที่ต้องการใช้จ่ายเป็น ค่าโดยสารรถ
ขสมก. พนักงานเก็บเงินจะมีเครื่องรับชำระค่าโดยสาร (Handheld)
ไว้ที่ตัวเอง โดยจะนำบัตรไปแตะที่เครื่องและเลือกอัตราค่าโดยสารตามระยะทาง
ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีบัตร
นอกจากนี้
ยังมีวงเงิน ค่าโดยสารรถ บขส. จะได้รับ 500 บาท/คน/เดือน
โดยการใช้สิทธิจากจุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถ บขส. วงเงินค่าโดยสารรถไฟ
จะได้รับ 500 บาท/คน/เดือน
โดยการใช้สิทธิจากจุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟทุกสถานี (รฟท.)
สำหรับ ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน มีวงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านธงฟ้าประชารัฐ
สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อปี จะได้รับวงเงิน 300
บาท/คน/เดือน ส่วนผู้มีรายได้เกินกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี จะได้รับวงเงิน 200
บาทต่อคนต่อเดือน
วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด จะได้รับ
45 บาท/คน/3 เดือน
แต่หากมีวงเงินคงเหลือภายในบัตรของแต่ละเดือนจะไม่มีการสะสมเพื่อใช้ในเดือนถัดไป และไม่สามารถถอนวงเงินสวัสดิการออกมาเป็นเงินสดได้
ส่วนที่
2 เป็นสิทธิในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ประกอบด้วย
มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายช่วงปลายปี คนละ 500 บาท (จ่ายเพียงครั้งเดียว)
จะโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 ม.ค. 2562
มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ได้รับช่วยเหลือค่าไฟฟ้า
ไม่เกิน 230 บาท/ครัวเรือน/เดือน ค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100
บาท/ครัวเรือน/เดือน สำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 – ก.ย. 2562
โดยจะโอนเงินเข้าบัตรตามจำนวนที่ได้รับแจ้งจากการไฟฟ้าและการประปา
ทุกวันที่ 18 ของเดือน เริ่มจ่ายเดือนแรกวันที่ 18 ก.พ.2562
มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน
สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่มีอายุครบ 60
ปีขึ้นไป ซึ่งมีภาระค่าเช่าบ้านและไม่มีที่อยู่อาศัย จะได้รับเงินช่วยเหลือ
จำนวน 400 บาท/คน/เดือน หากผู้มีสิทธิรายใดมีอายุครบ 60
ปีบริบูรณ์ในระหว่างเดือน ธ.ค. 2561 จนถึงเดือน ก.ย. 2562
จะได้รับเงินในเดือนเกิดเป็นครั้งแรกจนสิ้นสุดมาตรการ
โดยจะโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นเดือนแรก
จากนั้นจะโอนเงินช่วยเหลือให้ทุกวันที่ 12 ของเดือนเกิด
มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพ
สำหรับผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 65 ปีขึ้นไป ระหว่างเดือนธันวาคม 2561 –
ก.ย. 2562 ได้รับเงินคนละ 1,000 บาท (จ่ายเพียงครั้งเดียว)
โดยจะโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นเดือนแรก
จากนั้นจะโอนเงินให้กับผู้มีสิทธิที่มีอายุครบ 65 ปี ทุกวันที่ 21
ของเดือนเกิด
นอกจากนี้ ผู้มีสิทธิที่มีอายุ
60
ปีขึ้นไปจะได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อยังชีพ จากบัญชีกองทุนผู้สูงอายุสำหรับภาษีสรรพสามิตและสุรายาสูบ
โดย ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อปี ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ
100 บาท/คน/เดือน และ ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี
ได้รับเงินสงเคราะห์ฯ 50 บาท/คน/เดือน
ซึ่งจะเริ่มโอนเงินเข้าบัตรให้ในวันที่
1 ม.ค. 2562 เป็นเดือนแรก จากนั้นจะโอนให้ทุกวันที่ 15 ของเดือน
สำหรับผู้สูงอายุที่อายุยังไม่ครบ 60 ปี จะได้รับเงินในวันที่ 15
ของเดือนเกิด จนถึงเดือนมี.ค. 2562
แหล่งที่มา: pptvhd36