พระราชดำริของในหลวง ร. 9 โครงการสะพานน้ำ “ยกน้ำข้ามถนน” แห่งเดียวในประเทศไทย

ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพสะพานน้ำแห่งหนึ่งกันอย่างมากมาย โดยหลายคนเกิดความสงสัยว่ามันมีจริงหรือแล้วมันสร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง?

โดยจากการตรวจสอบแล้วพบว่า แท้ที่จริงแล้วสะพานน้ำดังกล่าวเป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากแนวทางพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ชานเมืองฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ รวมถึงปัญหาการจราจร ซึ่งสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับประเทศ

สะพานน้ำยกระดับ ที่มีความยาวมากที่สุดแห่งแรกของประเทศไทย ได้ถูกสร้างขึ้นจากแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อปี 2546 ที่พระราชทานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง

ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ บางแห่งเป็นพื้นที่แอ่งท้องกระทะ และการขยายตัวของเมือง ทำให้พื้นที่รับน้ำลดลง และการระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยทำได้ยากขึ้น

รัฐบาลจึงได้จัดตั้งโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรรภูมิขึ้น และเริ่มลงมือก่อสร้างสะพานยกน้ำตั้งแต่ปี 2548 แล้วเสร็จเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2553 สะพานน้ำยกระดับ มีความยาวกว่า 10 กิโลเมตร มีลักษณะคล้ายคลองระบายน้ำ ที่ถูกสร้างเป็นสะพานน้ำยกสูงจากถนนสุขุมวิทถึง 6 เมตร เป็นรูปตัวยู ข้ามคลองชายทะเลและถนนสุขุมวิท

โดยวัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือ

1. เพื่อเป็นคลองระบายน้ำสายหลักของพื้นที่บริเวณโดยรอบสนามบิน โดยการเร่งระบายน้ำจากคลองสำโรงไปยังชายทะเลและสูบระบายออกสู่ทะเลโดยตรง ทำให้สามารถลดสภาวะน้ำท่วมและความเสียหายจากอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิผล

2. เพื่อสามารถติดตามสภาพน้ำหลากและการทำงานของเครื่องสูบน้ำในการบริหารจัดการน้ำหลาก ทั้งระบบลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง

3. เพื่อเป็นถนนเชื่อมโยงถนนสุขุมวิท-เทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด ทำให้สามารถช่วยลดปัญหาการจราจรของจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาค่อนข้างมาก และจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดดำเนินการ

4. เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้บางส่วน สำหรับทำการเกษตรหรือกิจกรรมอื่นบริเวณใกล้เคียง

5. เพื่อช่วยเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและระบบนิเวศของจังหวัดสมุทรปราการ

การทำงานของ สะพานน้ำยกระดับจะมีอาคารสะพานน้ำยกระดับและอาคารทิ้งน้ำเป็นอาคารรับน้ำจากสถานีสูบน้ำ โดยยกระดับให้น้ำไหลไปตามสะพานน้ำ อัตราการไหล 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ข้ามคลองชายทะเลและถนนสุขุมวิท ให้ลงสู่ทะเลโดยตรง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กยกระดับ รูปตัวยู ท้องคลองกว้าง 25 เมตร กำแพงสูงข้างละ 3.15 เมตร สูงจากถนนสุขุมวิทประมาณ 6 เมตร

ประสิทธิภาพของการใช้งาน ช่วยระบายน้ำต่อจากคลองสำโรงได้สูงสุด 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีเครื่องสูบระบายน้ำ 4 เครื่อง ผลักดันออกทะเล ซึ่งในช่วงอุทกภัยปี 2554 โครงการนี้ถือว่าเป็นจุดหลักที่ช่วยระบายน้ำได้มากถึง 560 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเทียบเท่ากว่าครึ่งหนึ่งของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ

1. ลดพื้นที่น้ำท่วมลง 140 ตารางกิโลเมตร และช่วยลดความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมขัง ปัญหาน้ำหลากและอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จาก 10 วันเหลือ 2 วัน โดยพิจารณาจากปริมาณน้ำฝนสูงสุดในรอบ 25 ปี ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2533

2. มีการสร้างถนนคันคลอง และสะพานสำหรับรถยนต์เชื่อมจากถนนสุขุมวิท-เทพารักษ์ไปจนถึงบางนาตราดจำนวน 2 ช่องจราจร เพื่อเตรียมไว้รองรับการขยายถนน เป็น 4 ช่องจราจรในอนาคต ซึ่งช่วยลดปัญหาการจราจรบริเวณพื้นที่โครงการและจังหวัดสมุทรปราการ

3. เป็นแหล่งน้ำจืดสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้ง เพื่อการเกษตรกรรมประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร

4. การบริหารจัดการน้ำหลากมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน ไม่เพียงเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยให้เร็วขึ้นเท่านั้น ยังใช้เป็นพื้นที่กักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้งทำการเกษตร และกิจกรรมอื่นๆ รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการด้วย

 

แหล่งที่มา: Richard Barrow