Home »
สาระ ความรู้
»
สูตรเด็ดต้องบอกต่อ! วิธีการกำจัด ‘ตาปลา’ ด้วยภูมิปัญญาแบบโบราณได้ผลดีเยี่ยม
สูตรเด็ดต้องบอกต่อ! วิธีการกำจัด ‘ตาปลา’ ด้วยภูมิปัญญาแบบโบราณได้ผลดีเยี่ยม
อีกหนึ่งปัญหากวนใจสำหรับคนทั่วๆ ไปกับเจ้า ‘ตาปลา‘ เชื่อว่าคนที่กำลังอ่านอยู่หลายคนเคยเป็น หรือไม่ก็เคยเห็น สำหรับใครที่เคยเป็น จะรู้ซึ้งถึงความน่ารำคาญของมัน
แน่นอนว่าแบบนี้เป็นใครก็ต้องรีบหาวิธีมารักษา
“ตาปลา” หากปล่อยไว้นานรับรองว่าเจ็บแน่
ส่วนคนที่ไม่เป็นตาปลาก็น่าจะรู้ข้อมูลไว้ด้วยก็ดี
เพื่อที่จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง
“ตาปลา” จริงๆแล้วมันก็คือก้อนหนังขี้ไคลที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีของผิวหนัง
ที่สะสมกันเป็นระยะเวลานานนั่นเอง
เราจึงพบตาปลาเกิดขึ้นได้เมื่อครั้งบริเวณฝ่าเท้าของเรา
เพราะมันเป็นส่วนที่แบกรับน้ำหนักไว้ตลอดทั้งวัน
อาการของตาปลา
ถ้าเป็นตาปลาขึ้นมาล่ะก็สิ่งแรกที่เราจะรู้สึกได้ก็คือความเจ็บปวดนี่แหละ
เห็นตุ่มแข็ง ๆ เม็ดเล็กนิดเดียว ก็ทำให้เจ็บจี๊ดได้เลยนะ
โดยเฉพาะถ้าตาปลามีขนาดใหญ่
แล้วเราต้องไปทำกิจกรรมที่ต้องใช้ฝ่าเท้ารับน้ำหนักมาก เช่น วิ่ง เดินนาน ๆ
ยืนนาน ๆ หรือคนที่เป็นตาปลามีน้ำหนักมาก ก็ยิ่งทำให้เจ็บมากขึ้น
เพราะก้อนแข็ง ๆ นี้จะยิ่งถูกกดให้ลึกเข้าไปในผิวหนัง บางทีไปกดทับกระดูกหรือเส้นประสาทเข้าอีก แบบนี้ต้องรีบหาวิธีรักษาเลย
วิธีรักษาตาปลาที่เท้า การรักษาตาปลาให้ได้ผลนั้นมีอยู่หลายวิธีที่ขอนำเสนอก็คือ
1.
ใช้พลาสเตอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก 40% ปิดส่วนที่เป็นตาปลาทิ้งไว้ 2-3 วัน
จากนั้นค่อยแกะพลาสเตอร์ออก
แล้วแช่เท้าในน้ำอุ่นเพื่อให้ผิวหนังตรงฝ่าเท้านิ่มลง
จะช่วยทำให้ตาปลาหลุดลอกออกไปได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าตาปลาหลุดลอกออกไปยังไม่หมด
ก็ให้แปะพลาสเตอร์ซ้ำ แล้วกลับมาแช่น้ำอุ่นอีกครั้ง
2.
ใช้ยาแอสไพริน (แต่ไม่ได้ให้ทานนะ) โดยในแอสไพรินก็มีกรดซาลิไซลิกเช่นกัน
ก็ช่วยกัดตาปลาได้ (แต่คุณต้องมั่นใจด้วยว่าตัวเองไม่แพ้ยาแอสไพริน)
วิธีใช้ก็คือ นำแอสไพริน 5 เม็ดมาบดเป็นผง แล้วผสมกับน้ำมะนาว 12 ช้อนชา
และน้ำเปล่าอีก 12 ช้อนชา จากนั้นนำมาป้ายตรงตาปลา แล้วใช้พลาสติกมาห่อไว้
ตบ
3. ทายากัดตาปลาหรือหูด วันละ 1-2 ครั้ง
หรือจนกว่าตาปลาจะหลุดออกไปหมด โดยมีคำแนะนำคือ
ก่อนทายาให้แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนสัก 15-20 นาที เพื่อให้
ผิวหนังนิ่มขึ้น
แล้วใช้ผ้าขนหนูมาถูตรงตาปลาเพื่อลอกขุยออก
จากนั้นอาจใช้วาสลินหรือน้ำมันมะกอกมาทาผิวรอบ ๆ ตาปลา
เพื่อที่ผิวบริเวณนั้นจะได้ไม่ถูกตัวยาไปกัดผิวหนัง
แล้วค่อยแต้มยาลงบนตาปลา ปิดท้ายด้วยการพันผ้าขนหนูอุ่น ๆ ทับอีกชั้นหนึ่ง
ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วถอดออก แล้วใช้หินมาขัดเบา ๆ จะช่วยให้ตาปลาลอกออกมา
4.
เปลือกสับปะรด ให้นำเปลือกที่ไม่ใช้แล้วมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีกับตาปลา
แล้วแปะลงตรงตาปลาและปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งไว้ 1 คืน
จากนั้นแกะออกล้างให้สะอาด และทาบริเวณตาปลาด้วยน้ำมันมะพร้าว
โดยให้ทำแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำจนกว่าจะหาย
5. กระเทียม ให้ฝานกระเทียมสดเป็นชิ้นหนา ๆ
แล้วนำมาถูบริเวณที่เป็นตาปลา
แล้วใช้กระเทียมส่วนที่เหลือนำมาสับใช้พอกตรงตาปลา
พันทับด้วยผ้าพันแผลหรือปลาสเตอร์ ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วจึงค่อยแกะออก
โดยให้ทำซ้ำกันทุกคืนติดต่อกันเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
6. น้ำมันละหุ่ง
น้ำมันชนิดนี้เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์แรง ในการใช้จึงต้องระมัดระวังให้มาก
โดยให้หาเทปพันแผลหรือปลาสเตอร์แบบที่เป็นรูตรงกลางมาปิดไว้รอบ ๆ
ให้เหลือแต่บริเวณที่เป็นตาปลา แล้วใช้น้ำมันละหุ่งหยอดและกดทับด้วยสำลี
แล้วปิดทับด้วยเทปพันแผลเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันซึมออกมา
จากนั้นให้ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างออกในตอนเช้า
7.
น้ำส้มสายชูกลั่น ให้นำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำ 3 ส่วน
แล้วนำสำลีชุบน้ำส้มสายชูทาลงบนตาปลา ปิดทับด้วยผ้าพันแผลทิ้งไว้ 1 คืน
ในตอนเช้าให้แกะออกแล้วขัดด้วยหินขัดเท้าเบา ๆ
จากนั้นให้บำรุงด้วยน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าว วิธีนี้ให้ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ
จนกว่าตาปลาจะหลุดออก แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำส้มสายชูเข้มข้นจนเกินไป
ส่วนใครที่เคยได้ยินคนแนะนำให้เอาธูปจี้ตาปลา
หรือใช้ของมีคมเฉือนตาปลาออก ข้อเตือนไว้ตรงนี้เลยค่ะว่าเป็นวิธีที่อันตร
ายมาก เพราะนอกจากอาจไม่ได้ช่วยให้ตาปลาหายแล้ว
ยังทำให้เกิดแผลอักเสบติดเชื้อตามมาเป็นของแถม แบบนี้ไม่ไหวแน่
การป้องกันตนเองจากโรคตาปลา
1. หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง หรือหัวแหลม เนื่องจากจะเกิดการเสียดสีได้ง่าย
2. ควรเลือกใส่รองเท้าให้พอดีไม่คับหรือหลวมเกินไป
3. อาจหาแผ่นรองเท้ามารองในรองเท้า
4. เลือกรองเท้าสวมใส่กับกิจกรรมที่เหมาะสม
5. หากกระดูกเท้าของเรายื่นออกมามากกว่าปกติหรือผิดรูป ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรักษาให้ตรงจุด
6. สำหรับคนอ้วนควรลดน้ำหนักเพื่อลดแรงกดทับลงมายังฝ่าเท้า
ขอขอบคุณที่มาจาก : sharesod.com