เผยเรื่องราว “น้องนัทหนุ่มน้อย” ที่ไม่ยอมแพ้ความบากในชีวิต สอบได้เกรด4ทุกวิชา ใฝ่ฝันอยากเป็นนักบัญชี

อีกหนึ่งเรื่องราวกลายที่ทำให้หลายคนต่างชื่นชมในความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องคนนี้และความกตัญญูต่อพ่อแม่จริงๆ เรื่องราวมีอยู่ว่าหนุ่มน้อยสู้ชีวิตคนหนึ่งที่มีฐานะยากจน แต่เรียนเก่งได้เกรด 4 ทุกวิชา ผู้ที่ไม่ยอมให้ ความยากจน มาบั่นทอนจิตใจ จนรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หรือหมดพลังใจในการสร้างฝันเป็น นักบัญชี ของ นายปาณัสม์ คล้ายกับคำ หรือ น้องนัท อายุ 16 ปี นักเรียน โปรแกรม วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์. ม.4 ห้อง 1 โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคม จังหวัดอุดรธานี

น้องมีร่างกายตัวเล็ก จนนึกว่าเป็นเด็กประถมฯ ทั้งๆ ที่ ปัจจุบันเรียนอยู่ ม. 4 ผู้สื่อข่าวถามมีเทคนิคเรียนเก่งอย่างไร น้องนัทถ่ายทอดแนวคิดว่า จำ ฟังคุณครู จดไว้ ไม่มีใครเก่งมาแต่กำเนิด แต่ถ้ามีความขยัน ยังไงก็จะเก่งขึ้นมาเอง ขอแค่ขยัน ก็จะเก่งขึ้นเอง

น้องนัทกับอาจารย์แดงผู้ดูแลทุนการศึกษา เขาเก่ง ดำรงชีวิตอยู่ได้เหมือนคนอื่น ไม่เอาฐานะยากจนมาเป็นปมด้อย นิสัยดี เรียบร้อย ฉลาด ขยัน ตั้งใจเรียน ไม่โดดเรียน เวลาว่างก็ทำการบ้าน ไม่เกี่ยงงาน ตอนเย็นก็ไปทำงานที่ฟาร์มวัว เด็กวัยนี้ไม่น่าจะต้องมาทำงานแบบนี้ได้ ต้องอายและไม่กล้าทำ บางคนมีฐานะร่ำรวย แต่ไม่ตั้งใจเหมือนเขา” อาจารย์จันทร์แดงกล่าวชื่นชม

น้องเป็นคนที่เชื่อฟังคำสอนพ่อแม่ มาทำงาน เก็บเงินซื้อเครื่องใช้ในการเรียน นอกจากนี้น้องนัทยังเป็นเด็กกตัญญูอีกด้วย เชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่ เมื่ออยากได้สิ่งใดก็ทำงานเก็บเงินซื้อเอง ทั้ง โทรศัพท์มือถือ หนังสือ กระเป๋า เครื่องใช้ในการเรียน และอุปกรณ์การกีฬา เพื่อลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวนั่นเอง

น้องนัทรู้สึกไม่อยากลำบากกับพ่อแม่ จึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่นๆ อีกหลายเท่า ด้วยการขยันและตั้งใจเรียนจนสอบได้เกรด 4 ในทุกวิชา ตั้งแต่เรียนชั้น ป. 2 จนถึง ม. 1 และในระดับ ม.ต้น ผลการเรียนก็ไม่เคยต่ำกว่า 3.83 โดยก่อนที่จะมาเรียน ม.ปลายที่โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคมนั้น น้องนัท จบ ม.3 ด้วยเกรด 3.95 จากโรงเรียนขยายโอกาสประจำหมู่บ้าน

อาจารย์จันทร์แดงยังบอกอีกว่าน้องนัท มีความโดดเด่นทางคณิตศาสตร์ คิดเร็วมาก หัวดี ทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนพิเศษอะไร เก่งระดับที่ 1 ของโรงเรียน เมื่อถูกคัดเลือกเป็นตัวแทนโรงเรียนไปสอบแข่งขันทักษะด้านการเรียนต่างๆ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ก็คว้ารางวัลมาทุกครั้ง

เวลาว่างก็ทุ่มเทให้กับการทำงาน จนไม่มีโอกาสได้เที่ยวเล่นตามวัย เหมือนเด็กคนอื่นๆ ถ้าอยากได้อะไร ก็ต้องทำงานหาเงินซื้อเอง พ่อแม่สอนผมมาแบบนี้ครับ” น้องนัทพูดถึงคำสอนที่ยึดถือปฏิบัติมาตลอด ลำบากตอนนี้ สบายวันข้างหน้า…

 

นี้ก็สภาพบ้านไม้ ใต้ถุนสูง ที่น้องนัทอาศัยอยู่กับ พ่อ แม่ พี่ชาย ส่วนโรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคมที่น้องนัทเรียนอยู่ ซึ่งนายอานน รักการ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการนั้น ทางโรงเรียนไม่มีเงินทุนที่จะดูแลเด็ก เพราะมีเด็กที่ยากจนเป็นจำนวนมาก นอกจากทางรัฐบาลจัดสรรให้ หรือมีผู้ใหญ่ใจบุญมามอบให้เป็นครั้งคราว

ตอนเลิกเรียนทำจนถึงหกโมง เสาร์ อาทิตย์ทำงานตั้งแต่ตีห้า หาเงินจุนเจือครอบครัว ด้านความเป็นอยู่ น้องนัทอาศัยกับ พ่อ แม่ และพี่ชายในบ้านไม้ ใต้ถุนสูง สภาพทรุดโทรม มีมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ที่พ่อกับแม่ใช้ในการเดินทางไปทำงาน รับจ้างรายวัน ตามที่ต่างๆ เช่น ตัดอ้อย ตัดมันสำปะหลัง ส่วนพี่ชายลาออกจากโรงเรียน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว และช่วยพ่อแม่ทำงานรับจ้างอีกแรงหนึ่ง

หลังเลิกเรียน และในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ รับจ้างทำงานในฟาร์มวัวนม ส่วนน้องนัทเองก็ใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียน และในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ทำงานรับจ้างทุกอย่างที่ได้เงินเพื่อหารายได้เสริมอีกทางหนึ่ง ทั้งตัดอ้อย ตัดหญ้า สีข้าว สานหวดนึ่งข้าวเหนียว และฟาร์มวัวนม

หลังเลิกเรียน กลับถึงบ้านซักชุดนักเรียนเสร็จก็ไปส่งนม ตั้งแต่สี่โมงครึ่งจนถึงหกโมงเย็น ถ้างานเยอะก็ได้เงินมา 100 ถ้างานน้อย 50 บาท เสาร์อาทิตย์ได้วันละ 150-200 บาท ทำตั้งแต่ตีห้า ให้อาหาร รีดนม ไปส่งนม ตัดหญ้า สีข้าว ได้เงินมาก็ให้แม่เก็บ” น้องนัทอธิบายหน้าที่ที่รับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวซักถามว่าเคยรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาตัวเองหรือไม่ น้องนัทกล่าวตามความรู้สึกที่มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอว่า “ไม่เคยน้อยใจในโชคชะตา คนที่ลำบากกว่าผมก็มี พร้อมเผยความคิดที่ช่วยเป็นกำลังใจยามเหนื่อยว่า

สำหรับการเดินทางไปโรงเรียน ตอนเรียนประถมศึกษา น้องนัทจะเดินเท้าไป-กลับ โรงเรียนที่อยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อมาเรียนอยู่ ม. 4 ก็อาศัยติดรถมอเตอร์ไซค์เพื่อนข้างบ้านมาเรียน หากวันไหนเพื่อนไม่มาเรียน หรือไม่สบายก็ต้องอดเรียนด้วย

ถ้าไม่ทำก็ไม่มีใครทำ ถึงจะยากจน ถ้าไม่ท้อก็สู้ได้ต่อไป”