โรค หัวใจกำลังเป็นภัยคุกคามต่อคุณภาพชีวิตของประชากรทั่วโลก สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาได้ประมาณการจากข้อมูลระหว่างปี พ.ศ.2542 ถึง 2547 ว่ามีชาวอเมริกันจำนวน 79,400,000 คน ป่วยด้วยระบบหลอดเลือดหัวใจ และโรคในกลุ่มนี้ยังเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของชาวอเมริกันโดยโรคที่มีสาเหตุจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน (Coronary heart disease) เป็นสาเหตุของการตายจากโรคระบบหลอดเลือดหัวใจถึงร้อยละ 52-53
สำหรับในประเทศไทยนั้น ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติได้แสดงให้เห็นว่าในปี พ.ศ.2554 โรคหัวใจเป็นสาเหตุการตายของประชากรไทย 20,130 คน จากประชากรที่ตายทั้งหมด 414,667 คน หรือร้อยละ 4.8 ของการตายทั้งหมด เนื่องจากโรคที่มีสาเหตุจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ จากโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ
ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ มี สาเหตุมาจากระดับไขมันเลว หรือ LDL (low-density lipoprotein) สูงกว่าค่าปกติประกอบกับเซลล์บุผนังหลอดเลือดมีความผิดปกติ เกิด plaque หรือก้อนเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดค่อยๆ แข็งและตีบตัน การส่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจน้อยลง ปริมาณออกซิเจนที่ได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการของกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ส่วนสมุนไพรที่สามารถใช้ในการรักษาโรคนี้ ได้แก่ กระเทียม และ บัวหลวง
โดยกระเทียม เป็นอาหารและสมุนไพรที่มีการใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ ตำรายาจีนระบุว่ากระเทียมมีฤทธิ์ร้อน รสเผ็ด ช่วยเจริญอาหาร ขับลมในลำไส้ แก้บิด แก้ไอ กลากเกลื้อน มีงานวิจัยหลายงาน พบว่า กระเทียมสามารถช่วยลดระดับไขมันเลวในเลือด ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มระดับของไขมันชนิดดี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ กระเทียมยังมีฤทธิ์ลดความดันเลือดอีกด้วย
ปริมาณกระเทียมที่แนะนำให้ ใช้เพื่อฤทธิ์ดังกล่าว คือ กระเทียมสด 2-5 กรัม หรือ 1/4 - 1/2 ขีด ต่อวัน โดยรับประทานพร้อมอาหารเพื่อลดอาการคลื่นไส้อาเจียน เวลารับประทานให้บดกระเทียมให้ละเอียด และรับประทานทันที ข้อเสียจากการรับประทานกระเทียม คือ กลิ่นปาก ซึ่งสามารถใช้การเคี้ยวใบชาแก่ๆ บ้วนปากหลังจากรับประทานกระเทียม
ส่วน บัวหลวง นับเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเกี่ยวกับหัวใจ เพียงแต่คนทั่วไปอาจจะนึกไม่ถึง ในตำรายาจีน กล่าวว่า ใบบัว มีฤทธิ์เป็น กลาง รสฝาดขม แก้ร้อนใน เลือดกำเดาออก ช่วยห้ามเลือด รากบัวมีคุณสมบัติเย็น รสหวาน แก้ร้อนใน แก้เลือดกำเดา ดีบัว มีฤทธิ์เย็น รสขม ดับร้อนที่หัวใจ กล่อมประสาท ปรับสมดุลหัวใจและไต
สำหรับการศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่า สารสกัดด้วยน้ำจากดีบัว มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ประกอบด้วยสาร demethylcoclaurine มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบ สาร methyl corypalline มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ สาร neferine มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต และต้านการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ โดยมีผลต่อการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ขณะที่ฤทธิ์ต้านจุลชีพ สารสกัดแอลกอฮอล์จากดีบัว มีฤทธิ์ต้านเชื้อ Streptococcus group A ทำให้นอนหลับ ส่วนสารแอลคาลอยด์มีฤทธิ์ลดอาการปวดและแก้อักเสบ
หากอธิบาย ในองค์ความรู้แผนไทย ดีบัว ซึ่งมีรสขม จะช่วยแตกอนุภาคของตะกรัน หรือที่แผนปัจจุบันเรียกว่า Plaque ที่ติดอยู่ที่หลอดเลือด ให้เป็นอนุภาคเล็กๆ เลือดจึงไหลเวียนได้ดีขึ้น