13 วิธีซักผ้าแบบผิด ๆ ใช่เราหรือเปล่าที่ทำแบบนี้ประจำ

วิธีซักผ้าแบบผิด ๆ ที่หลายคนอาจทำมาตลอด มาดูกันว่ามีวิธีซักผ้าแบบไหนบ้างที่ยังทำอยู่ จะได้เลิกทำซะตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อถนอมเสื้อผ้าให้อยู่ทรง ไม่มีรอยขาด สามารถสวมใส่ไปได้นาน ๆ 

          พอมีเวลาว่างหรือวันหยุดก็เทเสื้อผ้าลงเครื่องซักผ้า กดปุ่มเปิด แล้วนั่งรอสัญญาณเตือนเพื่อเดินกลับมาตากผ้า รู้หรือไม่ว่าการทำแบบนี้ยิ่งทำให้เสื้อผ้าเสียทรง สีซีด หรือเสียหายได้ เพราะเสื้อผ้าแต่ละตัวมีวิธีดูแลที่แตกต่างกัน มาดูกันดีกว่าว่ายังซักผ้าแบบผิด ๆ อยู่หรือเปล่า ถ้าใช่จะได้รีบเปลี่ยนวิธีซักผ้าเสียใหม่ เพื่อถนอมเสื้อผ้าให้ใส่ได้นาน ๆ ไม่เสียทรง สีซีด หรือมีรอยเสียหาย 

วิธีซักผ้า
1. ขยี้ผ้าแรง
 
          เวลาเห็นคราบหนักที่ซักออกยาก มันจะทำให้คันไม้คันมืออยากจะขยี้แรง ๆ แต่วิธีนี้จะยิ่งทำให้คราบสกปรกแทรกซึมไปส่วนอื่น ๆ ของเสื้อผ้าและทำให้เนื้อผ้าถูกทำลายไปด้วย จะดีกว่าหากกำจัดคราบหนักออกก่อนหรือเหลือแค่รอยเปื้อนจาง ๆ ก่อนนำไปซัก 
 
2. ใส่ผงซักฟอกมากไป 
 
          ใช่ว่าใส่ผงซักหรือน้ำยาซักผ้ามาก ๆ จะทำให้เสื้อผ้าสะอาดเสมอไป เพราะฤทธิ์ในการทำลายล้างคราบสกปรกของผงซักฟอกนี่แหละที่จะกัดเนื้อผ้าให้เสียหายไปพร้อมกับคราบสกปรก แค่ใส่ตามที่ฉลากระบุไว้ก็พอแล้ว 
 
3. ซักผ้าผิดขั้นตอน

          เมื่อก่อนอาจจะเคยได้ยินมาว่าให้เติมน้ำในเครื่องซักผ้าก่อน ตามด้วยผงซักฟอก แล้วค่อยใส่เสื้อผ้าทีหลัง นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนในผงซักฟอกจะมีส่วนผสมของสารโซเดียม ลอริล ซัลเฟต (SLS : Sodium Lauryl Sulfate) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ต้องใช้ตามคำแนะนำ แต่ตอนนี้มีการประกาศออกมาแล้วว่าห้ามใช้สารชนิดนี้ในไทย ดังนั้นลืมการซักผ้าแบบเก่าไปได้เลย เพราะมันจะทำให้เสื้อผ้าและผงซักผงลอยไปคนละทิศ เปลี่ยนมาเป็นใส่เสื้อผ้าลงไป ตามด้วยน้ำ และผงซักฟอกดีกว่า 
 
4. มองข้ามป้ายเสื้อ

          แม้ว่าการนำผ้าที่มีป้ายกำกับไว้ว่าควรซักแห้งไปซักผ้าแบบธรรมดา ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่มันจะส่งผลเสียระยะยาวแน่นอน ฉะนั้นการทำตามคำแนะนำบนป้ายเสื้อผ้าจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้เสื้อผ้าสวมใส่ได้นานขึ้น

วิธีซักผ้า
 
5. ไม่ปิดซิปก่อนซัก 

          ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้าหากซักเสื้อผ้าที่มีซิปรวมกับเสื้อผ้าเนื้อบาง เพราะฟันซิปจะขูดเสื้อผ้าตัวอื่นจนขาด ฉะนั้นควรรูดซิปปิดให้สนิททุกครั้งก่อนนำไปซักรวมกับเสื้อผ้าตัวอื่น ๆ เพื่อป้องกันความเสียหาย 
 
6. ไม่ปลดกระดุมก่อนซัก 

          อาจจะลืมปลดกระดุมตอนถอด แต่ก่อนซักควรสำรวจให้เรียบร้อยว่า ปลดกระดุมออกทุกตัวแล้วหรือยัง เพราะการซักเสื้อผ้าทั้ง ๆ ที่ยังติดกระดุม อาจทำให้กระดุมหลุดร่วงง่ายขึ้นในระหว่างที่ซักด้วยแรงเหวี่ยงของเครื่องซักผ้า 


7. ใส่สารฟอกขาวมากไป

ถ้าอยากให้ผ้าขาวขาวสะอาดได้เหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่ ๆ ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งสารฟอกขาวเสมอไป เพราะการใช้สารฟอกขาวในจำนวนมากและบ่อยครั้งเกินไป อาจจะทำให้ลายเนื้อผ้าไปในตัว ใช้ในปริมาณที่ระบุไว้บนฉลากก็พอ หรือนำผ้าขาวไปต้มในน้ำเปล่า แล้วเติมมะนาวสไลด์ลงไป เป็นเวลา 2-3 นาที ก็ทำให้ผ้าขาวสะอาดได้เหมือนกัน

8. ซักถุงเท้าผิดวิธี 

หากจำเป็นที่จะต้องซักถุงเท้ากับเสื้อผ้าทั่ว ๆ ไป แนะนำให้ใส่ถุงเท้าลงไปในถังก่อนเป็นลำดับแรก และตามด้วยเสื้อผ้าอื่น ๆ เมื่อเวลาซักทำความสะอาดจะทำให้ถุงเท้าอยู่ในรูปทรงที่เหมาะสม ไม่เข้าไปพันกับเสื้อผ้าชนิดอื่นให้เสียทรง

วิธีซักผ้า

9. ไม่เคยทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

          เพื่อให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรนำแผ่นกรองออกมาขัดถูกด้วยแปรงสีฟันและน้ำสบู่ ดึงเศษผ้ารวมไปถึงสิ่งสกปรกออก ตากให้แห้งก่อนนำชิ้นส่วนไปประกอบที่เดิม  ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานออกไปได้อีกนาน
 
10. แยกผ้าผิดประเภท

          ไม่ใช่แค่แยกผ้าสีออกจากผ้าขาวแล้วซักได้เลย เพราะควรแยกเสื้อผ้าตามประเภทของเนื้อผ้าตามคำแนะนำที่ระบุไว้บนป้ายเสื้อผ้าด้วย ว่าเสื้อผ้าแต่ละตัวผลิตจากผ้าชนิดไหนและซักอย่างไร ให้ถูกต้อง เพื่อรักษาเสื้อผ้าให้อยู่ได้นาน 
 
11. ซักชุดว่ายน้ำด้วยเครื่องซักผ้า

          เพราะชุดว่ายน้ำรวมไปถึงชุดออกกำลังกายเป็นผ้ายืด ดังนั้นการซักทำความสะอาดในเครื่องซักผ้าอาจจะทำให้เนื้อผ้าเสียหายและเสียรูปทรงได้ จะเหมาะกว่าหากใช้วิธีซักมือในน้ำเย็น 
 
12. ซักผ้าแต่ละครั้งเยอะเกินไป

          เพราะการซักเสื้อผ้าเกินน้ำหนักที่เครื่องซักผ้าระบุไว้ ไม่ได้ทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ผ้าที่ซักเสร็จแล้วไม่สะอาดด้วย ฉะนั้นซักเสื้อผ้าในปริมาณที่พอดี ก็จะช่วยรักษาทั้งเครื่องซักผ้าและเสื้อผ้าให้ใช้งานไปได้นาน ๆ 
 
13. ซักเสื้อแจ็คเก็ตแบบผิด ๆ

          แรงเหวี่ยงระหว่างซักของเครื่องซักผ้า อาจจะทำลายรูปทรงเดิมของเสื้อแจ็คเก็ตให้เสียหายได้ ดังนั้นเวลาซักทำความสะอาดเสื้อผ้าชนิดนี้ แนะนำให้หาลูกเทนนิสมาใส่ในเครื่องซักผ้าประมาณ 3 ลูก แล้วปั่นไปพร้อม ๆ กับเสื้อผ้า จะช่วยรักษารูปทรงและเนื้อผ้าไว้ได้ 
 
          เป็นอย่างไรกันบ้างมีใครเคยทำข้อไหนมาแล้วบ้าง ! แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะเมื่อรู้แล้วว่าวิธีเดิม ๆ ที่ทำมานั้นมันเป็นเรื่องที่ผิด ดังนั้นก็ควรปรับและเปลี่ยนวิธีซักให้ถูกต้องตามคำแนะนำที่เอามาฝากกันในวันนี้ เพื่อให้เสื้อผ้าของคุณยังคงสภาพดีและใช้งานได้ยาวนาน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Realsimple และ Brightside