“พัดลมหมุนช้า” เราสามารถซ่อมได้ง่าย ๆ ครับ
ไม่ต้องยกไปร้านสามารถทำได้เองทั้งผู้หญิงและชาย เพราะอาการ
พัดลมไม่หมุนฝืด มีสาเหตุไม่มากครับงั้นเรามาดูกันครับว่าการซ่อม
พัดลมตั้งโต๊ะไม่หมุน เนี่ยมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
อาการเสียพัดลมไม่หมุนเกิดจากตัว Capacitor ที่ทำงานร่วมกับ Motor ของพัดลมเสียครับ Capacitor หรือที่บางคนเรียกว่า ตัว C หรือบางคนเรียกตัว CAP ครับ ไม่ผิดแต่อย่างใด
จริง ๆ แล้ว อาการพัดลมหมุนช้า ไม่หมุนนั้น โดยมากเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก ๆ ก็คือ Motor เสีย และตัว Capacitor ค่ามันเสื่อมหรือเสียนั่นแหละครับ
ซึ่งโอกาสที่จะเป็นไปได้มากที่สุดก็เป็นเจ้าตัว Capacitor นี่แหละครับ ส่วนอาการอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดตัว Capacitor เสียได้อีกก็คือ พัดลมไม่หมุน หรือ ต้องหมุนด้วยมือก่อนถึงจะทำงาน หรือ ทำงานไปซักพักก็ค่อย ๆ หยุด จับตัว Capacitor เปลี่ยนได้เลยเช่นกันครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะตรวจเช็คดูก่อนนะครับว่าแกนหมุนไม่ได้ฝืดมาก อันนั้นเกิดจากไม่ค่อยได้ถอดมาล้างทำความสะอาด เป่า ปัด ฝุ่นบริเวณมอเตอร์เลย
ซึ่งควรทำเป็นประจำครับ 2-3 เดือนซักครั้งนึงหากเราใช้งานทุกวันแต่ผมใช้ยาวครับได้ถอดมาทำความสะอาดเลย
2. คีมตัดหรือ Cutter ก็ได้
3. หัวแร้ง
4. ตะกั่วบัดกลี
5. ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัว Capacitor
6. ส่วน Meter วัดไฟจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ไม่ค่อยจำเป็นผมเอามาเช็คเพื่อให้เห็นว่าตัวที่เสียเกิดจากตัว Capacitor ครับ
แนะนำก่อนไปซื้อ ให้ถอดตัวเก่าไปดูเปรียบเทียบด้วยนะ เพราะจะมีตัวเลขค่าต่างๆ ที่เหมือนและแตกต่างกันครับ
นี่ครับตัว Capacitor ราคา 20 บาทเอง ซื้อได้ที่ร้านอมรครับ หากใครมีโอกาสไปเดินบ้านหม้อก็อาจจะหาได้ในราคา 10-15 บาท หรือร้านที่ขายอะหลั่ยเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วแต่สะดวกครับ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ค่าแบบไหนสำหรับตัวที่เราจะซ่อม ก็ต้องถอดพัดลมมาดูก่อนครับ
ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป (เกือบทุกยี่ห้อทุกรุ่น) ก็จะใช้ค่า 1.5uF(Micro Farad) 400V ครับ แต่เพื่อชัวร์ก็ควรจะถอดรื้อดูก่อนครับ หรือเอาตัวอย่างไปถามที่ร้านขายได้เลย บอกคนขายว่า Capacitor พัดลมครับ
ขั้นตอนแรกก็ถอด ๆ ก่อนเลยครับ ก่อนที่จะถอดอย่าลืมดึงปลั๊กก่อนนะครับ เกือบ ทุกยี่ห้อของพัดลมเจ้าตัว Capacitor จะอยู่ติดกับ Motor ครับแต่บางรุ่นจะอยู่ที่ปุ่มกด speed ครับ
เพราะหากลากสายยาวไป สายที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะทำให้ค่า Capacitor เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ เพราะฉะนั้นบริษัทผู้ผลิตก็จะเอาไว้ติดกับ Motor ครับ โดยจะมีน๊อต 2 ตัว ต้องถอดน๊อตตัวบนก่อน จากนั้นก็ถอดตัวที่ท้ายครับ
หลังจากนั้นก็จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ ตัว Capacitor ก็คือที่ลูกศรชี้ไว้นั่นแหละครับ ขันน๊อตตัดสายออกมาได้เลย ไม่มีขั้วครับ ตอนต่อกลับต่อยังไงก็ได้ เอามาตรวจวัดให้ดูครับ ค่าที่ได้ของตัวนี้คือ 0.444 uF ซึ่งค่าปกติจะเป็น 1.5 uF เสียแน่นอน
ซึ่งถ้าค่าน้อยกว่านี้อาจจะทำให้พัดลมไม่หมุนเลยก็ได้ ค่าที่โชว์ในรูปคือ 444.2 nF (Nano Farad) ก็เท่ากับ 0.4442 uF (Micro Farad) จะคล้ายๆ กับ 1,000 มิลลิกรัม เท่ากับ 1 ครับ 1,000 เท่ากับ 1 กิโลกรัม นั่นแหละครับ จริง ๆ ค่าพวกนี้มันแบ่งย่อยได้ลงไปอีก มิลลิ —> ไมโคร —> นาโน —> พิโก้ ใครเรียนมาทางสายวิทย์อาจจะคุ้นเคย
จากนั้นก็ปอกสายไฟตรงปลายเพื่อพัดกลีครับ ต้องระมัดระวังไม่ไปทำให้ส่วนอื่น ๆ ของพัดลมเสียหายนะครับ เพราะขดลวด motor จะเล็กมาก ๆ ขายเอาได้ง่าย จริง ๆ ขั้นตอนนี้ใครไม่มี หัวแร้ง ตะกั่ว ก็สามารถใช้วิธีการพันสายไฟได้ครับ
เพียงแต่ต้องพันเข้ากันให้แน่นหนาที่สุด และหลังจากนั้นต้องพันด้วยเทปพันสายไฟอีกครั้ง อันนี้จำเป็นมาก ๆ นะครับไม่งั้นไฟช๊อตเอาได้ จากนั้นก็ใส่ฝาครอบคืนตำแหน่ง ใส่ขาที่สำหรับดึงให้พัดลมส่าย คืนตำแหน่งครับ
หากเราเอาพัดลมไปซ่อมที่ร้านรับรองต้องมี 200-300 บาทแน่นอนครับ และอีกอย่างเราเองก็ภูมิใจที่ได้ทำอะไรด้วยตัวเองโดยเริ่มจากการซ่อมพัดลมไม่หมุนนี่แหละครับ
ข้อมูลและภาพจาก liekr.com และ feedcliplive.com
อาการเสียพัดลมไม่หมุนเกิดจากตัว Capacitor ที่ทำงานร่วมกับ Motor ของพัดลมเสียครับ Capacitor หรือที่บางคนเรียกว่า ตัว C หรือบางคนเรียกตัว CAP ครับ ไม่ผิดแต่อย่างใด
จริง ๆ แล้ว อาการพัดลมหมุนช้า ไม่หมุนนั้น โดยมากเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก ๆ ก็คือ Motor เสีย และตัว Capacitor ค่ามันเสื่อมหรือเสียนั่นแหละครับ
ซึ่งโอกาสที่จะเป็นไปได้มากที่สุดก็เป็นเจ้าตัว Capacitor นี่แหละครับ ส่วนอาการอื่น ๆ ที่อาจจะเกิดตัว Capacitor เสียได้อีกก็คือ พัดลมไม่หมุน หรือ ต้องหมุนด้วยมือก่อนถึงจะทำงาน หรือ ทำงานไปซักพักก็ค่อย ๆ หยุด จับตัว Capacitor เปลี่ยนได้เลยเช่นกันครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะตรวจเช็คดูก่อนนะครับว่าแกนหมุนไม่ได้ฝืดมาก อันนั้นเกิดจากไม่ค่อยได้ถอดมาล้างทำความสะอาด เป่า ปัด ฝุ่นบริเวณมอเตอร์เลย
ซึ่งควรทำเป็นประจำครับ 2-3 เดือนซักครั้งนึงหากเราใช้งานทุกวันแต่ผมใช้ยาวครับได้ถอดมาทำความสะอาดเลย
เครื่องมือที่ใช้ซ่อมพัดลมไม่หมุนก็มีดังนี้ครับ
1. ไขควงแฉก2. คีมตัดหรือ Cutter ก็ได้
3. หัวแร้ง
4. ตะกั่วบัดกลี
5. ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัว Capacitor
6. ส่วน Meter วัดไฟจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ไม่ค่อยจำเป็นผมเอามาเช็คเพื่อให้เห็นว่าตัวที่เสียเกิดจากตัว Capacitor ครับ
แนะนำก่อนไปซื้อ ให้ถอดตัวเก่าไปดูเปรียบเทียบด้วยนะ เพราะจะมีตัวเลขค่าต่างๆ ที่เหมือนและแตกต่างกันครับ
นี่ครับตัว Capacitor ราคา 20 บาทเอง ซื้อได้ที่ร้านอมรครับ หากใครมีโอกาสไปเดินบ้านหม้อก็อาจจะหาได้ในราคา 10-15 บาท หรือร้านที่ขายอะหลั่ยเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วแต่สะดวกครับ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ค่าแบบไหนสำหรับตัวที่เราจะซ่อม ก็ต้องถอดพัดลมมาดูก่อนครับ
ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป (เกือบทุกยี่ห้อทุกรุ่น) ก็จะใช้ค่า 1.5uF(Micro Farad) 400V ครับ แต่เพื่อชัวร์ก็ควรจะถอดรื้อดูก่อนครับ หรือเอาตัวอย่างไปถามที่ร้านขายได้เลย บอกคนขายว่า Capacitor พัดลมครับ
ขั้นตอนแรกก็ถอด ๆ ก่อนเลยครับ ก่อนที่จะถอดอย่าลืมดึงปลั๊กก่อนนะครับ เกือบ ทุกยี่ห้อของพัดลมเจ้าตัว Capacitor จะอยู่ติดกับ Motor ครับแต่บางรุ่นจะอยู่ที่ปุ่มกด speed ครับ
เพราะหากลากสายยาวไป สายที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะทำให้ค่า Capacitor เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ เพราะฉะนั้นบริษัทผู้ผลิตก็จะเอาไว้ติดกับ Motor ครับ โดยจะมีน๊อต 2 ตัว ต้องถอดน๊อตตัวบนก่อน จากนั้นก็ถอดตัวที่ท้ายครับ
หลังจากนั้นก็จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ ตัว Capacitor ก็คือที่ลูกศรชี้ไว้นั่นแหละครับ ขันน๊อตตัดสายออกมาได้เลย ไม่มีขั้วครับ ตอนต่อกลับต่อยังไงก็ได้ เอามาตรวจวัดให้ดูครับ ค่าที่ได้ของตัวนี้คือ 0.444 uF ซึ่งค่าปกติจะเป็น 1.5 uF เสียแน่นอน
ซึ่งถ้าค่าน้อยกว่านี้อาจจะทำให้พัดลมไม่หมุนเลยก็ได้ ค่าที่โชว์ในรูปคือ 444.2 nF (Nano Farad) ก็เท่ากับ 0.4442 uF (Micro Farad) จะคล้ายๆ กับ 1,000 มิลลิกรัม เท่ากับ 1 ครับ 1,000 เท่ากับ 1 กิโลกรัม นั่นแหละครับ จริง ๆ ค่าพวกนี้มันแบ่งย่อยได้ลงไปอีก มิลลิ —> ไมโคร —> นาโน —> พิโก้ ใครเรียนมาทางสายวิทย์อาจจะคุ้นเคย
จากนั้นก็ปอกสายไฟตรงปลายเพื่อพัดกลีครับ ต้องระมัดระวังไม่ไปทำให้ส่วนอื่น ๆ ของพัดลมเสียหายนะครับ เพราะขดลวด motor จะเล็กมาก ๆ ขายเอาได้ง่าย จริง ๆ ขั้นตอนนี้ใครไม่มี หัวแร้ง ตะกั่ว ก็สามารถใช้วิธีการพันสายไฟได้ครับ
เพียงแต่ต้องพันเข้ากันให้แน่นหนาที่สุด และหลังจากนั้นต้องพันด้วยเทปพันสายไฟอีกครั้ง อันนี้จำเป็นมาก ๆ นะครับไม่งั้นไฟช๊อตเอาได้ จากนั้นก็ใส่ฝาครอบคืนตำแหน่ง ใส่ขาที่สำหรับดึงให้พัดลมส่าย คืนตำแหน่งครับ
ชมคลิป
เห็นไหมครับว่าการซ่อมพัดลมอาการพัดลมหมุนช้าหรือพัดลมไม่หมุนนั้นเราเองสามารถซ่อมได้เพี่ยงแค่ 20 บาทเท่านั้น
หากเราเอาพัดลมไปซ่อมที่ร้านรับรองต้องมี 200-300 บาทแน่นอนครับ และอีกอย่างเราเองก็ภูมิใจที่ได้ทำอะไรด้วยตัวเองโดยเริ่มจากการซ่อมพัดลมไม่หมุนนี่แหละครับ
ข้อมูลและภาพจาก liekr.com และ feedcliplive.com