Home »
สาระ ความรู้
»
6 อาหารแสลง! ห้ามกินหลังผ่าตัด และ อาหารช่วยให้แผลหลังผ่าตัดหายเร็วขึ้น!! (รายละเอียด)
6 อาหารแสลง! ห้ามกินหลังผ่าตัด และ อาหารช่วยให้แผลหลังผ่าตัดหายเร็วขึ้น!! (รายละเอียด)
เมื่อก่อนอาจจะเคยได้ยินว่า หลังผ่าตัด
ควรงดกินไข่เพราะเป็นของแสลงจะทำให้เกิดแผลเป็น และแผลหายช้า
แต่เรื่องนี้เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างยิ่ง
เพราะไข่เป็นแหล่งของโปรตีนชั้นดีที่หาง่ายและอยู่ใกล้ตัวไข่มีโปรตีนที่จะช่วยซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอหลังการผ่าตัด
โปรตีนเหล่านี้จำเป็นต่อการสร้างเนื้อเยื่อและผิวหนังใหม่ที่ช่วยให้แผลหาย
แต่การเกิดแผลเป็นเกิดจากความไม่สมดุลกันของร่างกายที่สร้างคอลลาเจนออกมาในปริมาณมากเกินไป
จึงทำให้เกิดแผลเป็นและนูนได้ ความจริงเกี่ยวกับเรื่องแผลเป็นนั้น
ขึ้นอยู่กับลักษณะที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม ไม่ใช่เพราะไข่แต่อย่างใด
แผลผ่าตัด
ที่หลายท่านอาจจะเกิดความกังวลในเรื่องของการดูแลรักษาแผลให้หายเร็ว
และไม่ให้แผลนั้นกลายเป็นแผลเป็น วันนี้เรามีความรู้ดีๆ มาฝากทุกท่าน กับ
10 อาหารแสลงหลังผ่าตัด รวมทั้ง อาหารที่รักษาให้แผลนั้นหายได้เร็วขึ้น
6 อาหารแสลง ห้ามรับประทานหลังผ่าตัด
1. สุรา เหล้า เบียร์ แอลกอฮอล์ ห้ามเด็ดขาด 1 เดือน
เพราะว่าทำให้แผลหายช้าและอาจอักเสบได้
คือหากกินเหล้าเมาก็กลับดึกร่างกายไม่ได้พักผ่อน
ซึ่งส่งผลเสียให้กับร่างกายอย่างมาก
2. อาหาร สุกๆดิบๆ หรือส้มตำปูปลาร้า บางคนชอบมาก
คือลงแดงเลยถ้าไม่ได้กิน แต่ขอให้งดอาหารประเภทนี้ไม่ก่อน
ต้องยอมรับว่าอาหารแนวๆนี้ไม่ค่อยสะอาดอาจทำให้แผลสกปรกได้
3. อาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดอาหารแพ้ของคนไข้ในบางกลุ่ม เช่น อาหารทะเล
เพราะถ้าคนไข้แพ้แล้วอาจตามมาด้วยตุ่ม ผื่นคัน
สุดท้ายก็ส่งผลเสียให้กับแผลผ่าตัดด้วย
4. อาหารเสริมแปลกๆ สมัยนี้มีอาหารเสริมกลูต้า
หรือยาลดน้ำหนักเยอะมากตามเน็ต
ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีส่วนผสมอย่างอื่นที่ไม่ดีต่อแผลหรือเปล่า
แนะนำให้หยุดไปก่อนสักระยะ
5. อาหารหมักดอง เหตุผลก็เพราะว่าอาหารเหล่านี้ให้เวลาในการหมัก และเป็นอาหารที่ไม่สะอาด อาจส่งผลกับแผลผ่าตัดได้
6. ห้ามกินหน่อไม้ ทั้งแบบดองและแบบสด ความจริงแล้ว สามารถรับประทานได้
แต่ต้องให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป และมีกระบวนการผลิตที่สะอาด
ปลอดภัย และเชื่อถือได้เท่านั้น
อาหารรักษาแผลหลังผ่าตัดให้หายเร็ว
อาหารมีความสำคัญต่อการหายของบาดแผลทั้งภายในและภายนอก
โดยทำให้เนื้อเยื่อสมานติดกันทำให้แผลหายเร็วขึ้น
เมื่อมีบาดแผลและแพทย์บอกให้กินอาหารได้ตามปกติ ท่านควรเลือกอาหารที่ช่วย
ให้แผลหายเร็วขึ้น ดังนี้
1. กินอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่น้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ก่อนผ่าตัด
เพื่อให้ได้รับพลังงานมากขึ้น
เพราะหากผู้ป่วยมีพลังงานสำรองในร่างกายไม่พอและมีภาวะขาดสารอาหาร
เมื่อร่างกายต้องพบกับภาวะการเผาผลาญที่เพิ่มสูงขึ้นภายหลังการผ่าตัด
โดยเฉพาะการผ่าตัดใหญ่
อาจมีผลทำให้แผลผ่าตัดหายช้าและเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
2. เพิ่มโปรตีนคุณภาพ
อาหารที่มีโปรตีนสูงจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย ทำให้แผลหายเร็ว
โดยเลือกโปรตีนคุณภาพดีมีกรดอมิโนจำเป็นครบถ้วน เช่น เนื้อปลา
หากกินอาหารมังสวิรัติแนะนำให้กินพวกธัญพืช และถั่วต่างๆ ให้หลากหลาย
ทั้งถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง
3. เลือกไขมันดี กินข้าว แป้งให้เพียงพอ ไขมันดี ได้แก่
กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว และหลายตำแหน่ง ให้พลังงานสูง
ช่วยป้องกันร่างกายสลายโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงาน
ใช้สร้างและซ่อมแซมเยื่อหุ้มเซล ช่วยให้แผลสมานเร็ว ไขมันดีพบในน้ำมันมะกอก
รำข้าว ถั่วลิสง ถั่วเหลือง งา ถั่วเปลือกแข็ง เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์
ถั่วลิสง นอกจากนี้ มีกรดโอเมก้า จากปลา
จะช่วยลดการอักเสบและช่วยรักษาบาดแผล การกินอาหารประเภทข้าวแป้ง
ข้าวไม่ขัดขาว ขนมปังโฮลวีต เผือก มันเทศ ผักผลไม้ต่างๆ
การกินอาหารที่ให้พลังงานเพียงพอจะช่วยป้องกันร่างกายดึงโปรตีน
ทำให้โปรตีนสามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อและรักษาบาดแผลได้อย่างเต็มที่
สำหรับผู้ที่น้ำหนักเกินไม่ควรจำกัดอาหารเพื่อลดน้ำหนักจนกว่าแผลจะหาย
ผู้ที่น้ำหนักน้อยควรกินอาหารเพิ่มขึ้นผักผลไม้
4. กินอาหารที่มีวิตามินให้เพียงพอ ได้แก่ วิตามินซี เอ ธาตุสังกะสี
และธาตุเหล็ก ที่มีส่วนช่วยทำให้บาดแผลหายเร็ว
วิตามินซีช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อโปรตีนสำคัญที่ใช้สร้างผิวหนัง
รักษาบาดแผล และเป็นส่วนประกอบสำคัญของหลอดเลือด เอ็นและกระดูก
วิตามินซีพบมากในผลไม้พวก ฝรั่ง ลิ้นจี่ มะละกอ ส้ม วิตามินเอ
มีส่วนช่วยกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อ หากขาดจะทำให้แผลติดเชื้อ แผลหายช้า
แหล่งวิตามินเอ ได้แก่ ปลา ผักใบเขียว แตงโม มะละกอ สังกะสี
มีบทบาทช่วยสังเคราะห์โปรตีนและเนื้อเยื่อช่วยผลิตเซลล์ผิวใหม่และสมานแผล
พบมากในปลาและอาหารทะเล ธาตุเหล็ก เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง
ทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปยังบาดแผล อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง พบมากในปลา
ผักโขม ผักบุ้ง คะน้า ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ สามารถเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
ด้วยการกินอาหารที่มีวิตามินซีสูงร่วมด้วย และดื่มน้ำวันละ 6–8 แก้ว
น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของเลือด
หากขาดน้ำการไหลเวียนเลือดขาดประสิทธิภาพทำให้ออกซิเจนและสารอาหารลำเลียงไปยังบาดแผลไม่เต็มที่
บาดแผลที่รอซ่อมแซมสมานตัวช้า กินน้ำให้มากพอให้กินอาหารว่างที่มีน้ำ เช่น
ซุปใส ผลไม้ที่มีน้ำจำพวกส้ม แตงโม