Home »
Uncategories »
น้อยคนที่จะรู้..เผยความลับ “ปุ่มบนรีโมทแอร์” ทำให้แอร์เย็นแถมประหยัดไฟได้อีกด้วย
น้อยคนที่จะรู้..เผยความลับ “ปุ่มบนรีโมทแอร์” ทำให้แอร์เย็นแถมประหยัดไฟได้อีกด้วย
ใกล้หน้าร้อนเข้ามาทุกที
เรามาอ่านบทความนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้แอร์ของเราให้ประหยัดแบบสุดๆ
โดยเรียนรู้จักปุ่มต่างๆบนรีโมทคอนโทล
รูปแบบการทำงานของแอร์นั้น ในแอร์รุ่นปัจจุบัน
เราสามารถปรับเลือกรูปแบบการทำงานได้ง่ายๆ เพียงกดเลือกรูปแบบการทำงาน
จากปุ่มปรับเลือกโหมดการทำงานหลัก (MODE) ที่มีอยู่บนรีโมทคอนโทรล
โดยเมื่อได้ทำการกดปุ่มเลือกโหมดการทำงานหลักแล้ว
แอร์ก็จะจดจำการเลือกโหมดนั้นไว้
และสั่งการให้เครื่องมีการทำงานตามโหมดการทำงานที่กำหนด
ต่อเนื่องกันไปตลอดที่ระยะเวลาที่แอร์ยังคงทำงาน
จนกว่าจะมีการกดเปลี่ยนโหมดการทำงานอีกครั้งหนึ่ง
และผู้ใช้งานแอร์บางท่าน โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ใช้งานเป็นผู้สูงอายุ
ซึ่งอาจจะไม่ค่อยเข้าใจในรายละเอียดการทำงานมากนัก
และอาจจะมีบางกรณีที่เคยเผลอกดเลือกโหมดการทำงานหลักผิดไปจากเดิม
แล้วพบว่าแอร์ที่เปิดอยู่นั้นกลับไม่เย็นดังที่ต้องการ
จนบางครั้งก็อาจจะคิดไปไกลถึงขั้นที่ว่าแอร์เสียแล้ว
แต่อันที่จริงเป็นเพียงการปรับเลือกโหมดการทำงานหลักผิดไปจากเดิมเท่านั้น
ซึ่งผู้เขียนเคยพอเคสดังกล่าวเมื่อนานมาแล้ว
เป็นกรณีที่คุณป้าท่านหนึ่งอยู่บ้านกับหลานชายที่ยังเด็ก
ซึ่งคุณป้าท่านนั้นได้ตามช่างแอร์ให้มาเช็คแอร์ที่บ้าน
เพราะแอร์ที่เปิดไม่มีความเย็นออกมาเลย มีแต่ลมธรรมดาเป่าออกมา
เมื่อช่างไปถึงก็ปรากฏว่าแอร์ถูกตั้งให้ทำงานในโหมด Fan
ช่างจึงลองปรับกลับมายังโหมด Cool แอร์ก็กลับมาทำความเย็นได้ดีตามปกติ
ส่วนสาเหตุก็คาดว่าหลานชายตัวเล็ก เป็นผู้กดรีโมทปรับเล่น
และคุณป้าเจ้าของบ้านก็ไม่เข้าใจในเรื่องนี้
ที่ผ่านมาการใช้งานก็กดแค่ปุ่มเปิดปิดเครื่องกับปุ่มเลื่อนระดับอุณหภูมิขึ้นลงเท่านั้น
เคสนั้นจึงจบลงแค่เพียงการกดปรับโหมดกลับคืนให้
และได้ให้ช่างสอนการใช้งาน
พร้อมทั้งเขียนวิธีปรับโหมดแบบพอเข้าใจและอธิบายว่าแต่ละโหมดคืออะไรใส่กระดาษแป๊ะไว้ให้
ในส่วนของโหมดการทำงานหลัก ที่มีในแอร์ทั่วไปผู้ผลิตแอร์ในปัจจุบัน
ได้ใส่โหมดการทำงานพื้นฐานมาให้ โดยโหมดการทำงานที่ว่านี้มีอยู่ด้วยกันราวๆ
4 โหมดการทำงาน ได้แก่ โหมด Auto, Cool, Fan, Dry
และในแอร์รุ่นใหม่ๆ
โดยเฉพาะแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์รุ่นที่มาพร้อมด้วยฟังชั่นเสริมมากมาย
ก็อาจจะมีอีกหนึ่งโหมดการทำงานเพิ่มเข้ามานั่นก็คือโหมด Heat
โดยในแต่ละโหมดการทำงานก็ถูกออกแบบให้มีการทำงานที่ต่างกันออกไป เพื่อให้ได้ผลที่ต่างกัน รายละเอียดของแต่ละโหมดก็มีดังต่อไปนี้
โหมด Auto
สำหรับโหมดการทำงานแบบ Auto หรือการทำงานแบบอัตโนมัติ
ในแอร์บางยี่ห้ออาจจะเรียกว่าโหมด I FEEL เมื่อกดปุ่ม Mode บนรีโมทคอนโทรล
แล้วเลือกการทำงานในโหมด Auto
แอร์จะตั้งอุณหภูมิและความเร็วพัดลมโดยอัตโนมัติ
ระบบจะเป็นฝ่ายกำหนดอุณหภูมิและความเร็วพัดลมให้เอง
ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิห้องที่เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิตรวจพบได้ในขณะนั้น
โหมดการทำงานอาจจะสลับกันเองระหว่างโหมด Cool กับ Dry ยกตัวอย่างเช่น
หากอุณหภูมิที่ตั้งอยู่ที่ 24 องศาเซลเซียส
เมื่อระบบตรวจพบว่าอุณหภูมิห้องสูงเกินกว่า 25 องศาเซลเซียส
ก็จะเลือกการทำงานในโหมด Cool เพื่อทำความเย็นให้กับในห้อง
และระบบจะสลับไปทำงานในโหมด Dry โดยอัตโนมัติ
เมื่ออุณหภูมิห้องลดลงมาต่ำกว่าค่าของอุณหภูมิที่ตั้งไว้
ซึ่งโหมดการทำงานแบบ Auto
มีกลไกลการทำงานแบบอัตโนมัติที่ค่อนข้างซับซ้อน
แต่ก็ไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไรมากในการใช้งานแอร์แบบที่เราใช้กันทั่วๆไป
โหมด Cool
โหมดการทำงานแบบ Cool หรือโหมดทำความเย็น
เป็นโหมดการทำงานที่เรานิยมใช้กันมากที่สุด โดยเมื่อกดปุ่ม Mode
บนรีโมทคอนโทรล แล้วเลือกการทำงานให้อยู่ในโหมด Cool
แอร์จะเข้าสู่รูปแบบการทำงานสำหรับทำความเย็น
และคงระดับอุณหภูมิให้อยู่ในขอบเขตที่เรากำหนด
โดยผู้ใช้งานมีอิสระในการปรับตั้งอุณหภูมิได้ตามที่ต้องการ
รวมทั้งยังสามารถปรับระดับความเร็วพัดลมได้อีกด้วย
ในกรณีของแอร์แบบที่จำหน่ายกันอยู่ในกลุ่มประเทศเขตหนาวที่มีฤดูหนาวยาวนานกว่าฤดูร้อน
โหมด Cool จะเป็นโหมดสำหรับใช้งานเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น
แต่ในบ้านเราที่อากาศค่อนข้างจะร้อนตลอดทั้งปี โหมด Cool จึงถือเป็นโหมดการทำงานหลักที่เราใช้งานกันมากที่สุด
โหมด Dry
โหมดการทำงานแบบ Dry หรือโหมดลดความชื้น ซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์รูปหยดน้ำ
โดยเมื่อกดปุ่ม Mode บนรีโมทคอนโทรล แล้วเลือกการทำงานให้อยู่ในโหมด Dry
ผู้ใช้งานจะไม่สามารถปรับตั้งอุณหภูมิได้ เมื่ออยู่ในโหมดลดความชื้น
และแอร์ก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องลดความชื้นในอากาศ
โดยใช้การควบแน่นของความชื้นในอากาศที่เกิดขึ้นบนแผงอีวาปอเรเตอร์หรือแผงทำความเย็น
เพราะโดยหลักการพื้นฐานที่แอร์ใช้ทำความเย็น
ใช้สารทำความเย็นในระบบที่ถูกทำให้ไหลไปตามท่อเพื่อให้มันเป็นตัวกลางในการถ่ายเทความร้อน
ซึ่งนี่จึงทำให้แผงที่บริเวณที่อยู่ในชุดคอยล์เย็นจะมีอุณหภูมิต่ำมาก
จนความชื้นในอากาศพากันมาควบแน่นและกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ
ไหลออกไปตามท่อน้ำทิ้ง
และเมื่อแอร์ถูกกำหนดให้ทำงานในโหมดลดความชื้น
แม้ว่าคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ในชุดที่ติดตั้งอยู่นอกอาคารยังคงทำงานอยู่
แต่พัดลมที่อยู่ในชุดคอยล์เย็นอาจจะมีการทำงานสลับกับการหยุดทำงานเป็นช่วงๆ
เพื่อเป็นการดึงความชื้นในอากาศให้ถูกกลั่นตัวเป็นหยดน้ำให้ได้มากที่สุด
และนำเอานำที่กลั่นตัวจากความชื้นปล่อยทิ้งออกมาทางท่อน้ำทิ้ง
โหมดลดความชื้นนี้หากไม่ได้ใช้งานในห้อง ที่ต้องการควบคุมความชื้นโดยเฉพาะก็ถือว่าไม่จำเป็นสักเท่าไหร่กับการใช้ในบ้านทั่วๆไป
โหมด Fan
ในโหมด Fan หรือโหมดพัดลม เมื่อกดปุ่ม Mode บนรีโมทคอนโทรล
แล้วเลือกการทำงานให้อยู่ในโหมด Fan
ระบบจะตัดการทำงานในส่วนของชุดคอนเด็นซิ่งยูนิตที่อยู่นอกอาคารออกไป
เหลือไว้แต่เพียงชุดแฟนคอยล์หรือคอยล์เย็นในอาคารที่จะยังคงทำงานอยู่
พัดลมคอยล์เย็นจะยังคงทำงานอยู่
ผู้ใช้งานก็สามารถปรับความเร็วพัดลมได้ แต่ไม่สามารถตังอุณหภูมิได้
และลมที่ออกมาจากชุดคอยล์เย็นก็อยู่ในระดับของอุณหภูมิห้อง ไม่ใช่ลมเย็น
เพราะการทำความเย็นในชุดคอนเด็นซิ่งยูนิตถูกตัดการทำงานออกไปทันทีที่กดเลือกโหมด
Fan จึงทำให้คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน
และไม่มีน้ำยาแอร์ไหลวนเข้ามายังชุดคอยล์เย็น
โหมด Fan แม้จะเป็นอีกหนึ่งโหมดการทำงาน
ที่โดยปกติเราไม่ค่อยจะใช้งานกันอยู่แล้ว
แต่ก็เป็นอีกหนึ่งโหมดการทำงานที่ค่อนข้างมีประโยชน์
ซึ่งหากท่านใดเจอปัญหากลิ่นเหม็นอับที่ออกมาจากแอร์
ก็ลองใช้งานโหมดนี้ดูได้
โดยการใช้งานนั้นเมื่อเราใช้แอร์เสร็จ หรือเป็นช่วงที่ใกล้จะปิดแอร์
ก่อนจะปิดแอร์หากเราเปลี่ยนให้แอร์ทำงานในโหมด Fan ต่อไปอีกสัก 15-20 นาที
แล้วจึงปิดเครื่อง ก็จะช่วยเป่าแผงคอยเย็นด้านใน ลดความชื้นสะสม
ซึ่งสามารถช่วยลดกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์ได้
โหมด Heat
โหมดการทำงานแบบ Heat หรือโหมดทำความร้อน
ซึ่งในรีโมทแอร์บางยี่ห้อจะแทนโหมดนี้ด้วยสัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์
เป็นโหมดการทำงานที่เพิ่งมีการนำเข้ามาใส่ในแอร์บางรุ่นที่ขายในบ้านเรา
โดยเมื่อกดปุ่ม Mode บนรีโมทคอนโทรล แล้วเลือกการทำงานให้อยู่ในโหมด Heat
เมื่อเข้าสู่โหมดนี้
การทำงานของเครื่องจะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิเพื่อทำความร้อนให้กับภายในห้อง
โดยส่วนใหญ่การทำงานในโหมดนี้ จะใช้เทคโนโลยีการทำความร้อนที่เรียกว่า Heat
Pump ซึ่งหากจะเปรียบให้พอเข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือเป็นการทำงานแบบกลับทิศทาง
สลับหน้าที่กันระหว่างแผงคอยล์ร้อนและแผงคอยล์เย็น
เพื่อให้ชุดภายในอาคารเป่าลมร้านออกมา โดยเทคโนโลยีนี้
มีมานานสักระยะหนึ่งแล้ว
และมันเป็นที่รู้จักและใช้งานกันแพร่หลายในกลุ่มประเทศที่มีอากาศหนาว
ซึ่งนำมาใช้งานเพื่อให้ความอบอุ่นในครัวเรือน
และยังสามารถสลับมาทำความเย็นได้ในช่วงที่มีอากาศร้อน
โหมด Heat ที่มีมาให้ ในแอร์ที่จำหน่ายในบ้านเรานั้น
ปัจจุบันยังคงจำกัดเฉพาะในแอร์รุ่นท็อประดับบนๆของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น
ซึ่งมันก็เป็นอีกโหมด ที่ถือว่าไม่จำเป็นในการนำมาใช้งานทั่วๆไป
เพราะแม้แต่พื้นที่
ที่มีอากาศหนาวสุดในประเทศไทยก็มีช่วงที่หนาวจัดติดต่อกันไม่นานสักเท่าไหร่
ดูแล้วอาจจะไม่ค่อยคุ้มค่าที่จะต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อแอร์รุ่นท็อป
ขอขอบคุณ : sharesod.com