Home »
ข่าว
»
เกษตรฯสั่งตรวจสอบความต้องการทุเรียนตลาดในประเทศและต่างประเทศ ห่วงหายนะซ้ำรอยยางพารา กำหนดโควต้าพื้นที่ปลูกให้สมดุล
เกษตรฯสั่งตรวจสอบความต้องการทุเรียนตลาดในประเทศและต่างประเทศ ห่วงหายนะซ้ำรอยยางพารา กำหนดโควต้าพื้นที่ปลูกให้สมดุล
รมว.เกษตรฯ
สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความต้องการผลผลิตทุเรียนของทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก
ห่วงประสบปัญหาเช่นเดียวกับยางพารา
ที่เมื่อราคาดีจึงขยายการปลูกไปทั่วประเทศ ผลผลิตล้น จนราคาตกต่ำ
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า
ได้รับรายงานจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
ซึ่งร่วมกับสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 (สสก.3)
สำรวจข้อมูลไม้ผลภาคตะวันออก ในจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด
พยากรณ์สินค้า 4 ชนิดได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ในพื้นที่ 3
จังหวัด คือ จันทบุรี ระยอง และตราดพบว่า ในปี 2562 พื้นที่ปลูกไม้ผลทั้ง 4
ชนิดมี 691,521 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2561 13,318 ไร่ หรือร้อยละ 1.96
โดยทุเรียนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 4.57 เงาะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.46
มังคุดลดลงร้อยละ 0.15 และลองกองลดลงร้อยละ 3.45 ซึ่งคาดการณ์ว่า
ผลผลิตผลไม้ทั้ง 4
ชนิดจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยต้นมีเวลาพักสะสมอาหารนาน
นายกฤษฏากล่าวต่อว่า ทุเรียนซึ่งได้ชื่อว่า เป็น “ราชาแห่งผลไม้”
เฉพาะในภาคตะวันออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.49 ใน 2 ปีนี้ราคาดี
ขายจากสวนเฉลี่ยกิโลกรัมละกว่า 100 บาท
เกษตรกรโค่นไม้ผลอื่นเพื่อปลูกทุเรียนทั่วประเทศ อีกประมาณ 4 -5 ปีข้างหน้า
ทุเรียนที่ปลูกใหม่จะให้ผลผลิตจึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมถึงสำรวจพื้นที่ปลูกจริงในปัจจุบัน เนื่องจากเกรงว่า
จะประสบปัญหาเดียวกับยางพาราซึ่งหลายปีก่อน ราคาสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 100
กว่าบาท เกษตรกรขยายการปลูกจากเดิมที่มีเฉพาะภาคใต้ กระจายไปทุกภาค
จนผลผลิตล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำต่อเนื่อง
“จะนำผลการสำรวจความต้องการของตลาดและพื้นที่ปลูกทุเรียนทั้งที่ให้ผลผลิตแล้วและจะให้ผลผลิตในอนาคตมาวางแผนการผลิต
คำนวณว่า ผลผลิตทุเรียนต่อปีควรมีเท่าไร เพื่อกำหนดโควตาการปลูกให้เหมาะสม
หากคาดการณ์ได้ว่า พื้นที่ปลูกสมดุลกับความต้องการของตลาดแล้ว
จะส่งเสริมปลูกไม้เศรษฐกิจอื่น ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ
จะจัดทำระบบฐานข้อมูลเกษตรกรรม (Agriculture Big Data)
เพื่อใช้วางแผนการผลิตภาคเกษตรกรรมทุกชนิด” นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฎากล่าวเพิ่มเติมว่า
ในปีนี้ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตทุเรียนคุณภาพ
รณรงค์ไม่ตัดทุเรียนอ่อนขาย หาตลาดให้เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรเช่น
สหกรณ์การเกษตรในจังหวัดจันทบุรีได้ลงนามข้อตกลงจำหน่ายทุเรียนซึ่งได้รับการรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี
มาตรฐาน GAP แก่กลุ่มห้างสรรพสินค้าสมัยใหม่ (Modern Trade) หลายแห่ง
รวมถึงส่งเสริมการทำตลาดแบบออนไลน์ สั่งจองล่วงหน้า
แล้วส่งให้ผู้บริโภคโดยตรง จึงทำให้เกษตรกรขายทุเรียนได้ราคาดี
ซึ่งได้สั่งการให้นำแนวทางนี้ไปดำเนินการกับไม้ผลอื่นๆ
เพื่อให้เกิดผลเช่นเดียวกัน
ขอบคุณที่มา:matichon.co.th
cr.ภาพ:สวนทุเรียนแลนด์ จันทบุรี