Home »
Uncategories »
การดูคู่แท้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้มีอยู่ 4 แบบด้วยกัน
การดูคู่แท้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้มีอยู่ 4 แบบด้วยกัน
คุณเคยได้ยินคำเหล่านี้กันไหมที่เขาพูดกันว่า
‘คู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันหรอก’ คนสมัยก่อนมีความเชื่อกันว่า
ใครที่เกิดมาได้เป็นคู่แท้กันมักจะมีจิตสัมพันธ์กันอยู่
ไม่ว่าจะเกิดในภพไหนหรือชาติไหนก็ตามย่อมกลับมาเป็นคู่รักและคู่ครองกันอยู่เสมอ
ในวันนี้เราจะมาเปิดเผยความเชื่อของคนโบราณคุณและเขาอาจจะเป็นคู่แท้กันตั้งแต่ในชาติปางก่อน
หรือที่เราเรียกกันว่าบุพเพสันนิวาส ได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งในชาตินี้
1
แม้จะพบกันในครั้งแรกคุณและเขาก็มีความรู้สึกสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว
เพราะเกิดจากความรู้สึกภายในที่มีความผูกพันกันมานาน
รู้สึกสุขใจตั้งแต่แรกเห็น
2 มีลักษณะความคิดที่คล้ายคลึงกัน ประหนึ่งว่าเป็นคนคนเดียวกัน มีจิตใจที่ตรงกันอย่างบอกไม่ถูก
3 คุณละเขามีความเข้ากันเป็นอย่างดี
เหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่มาช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน
เปรียบเสมือนแจกันกับดอกไม้ที่มันจะต้องอยู่คู่กัน
4 แม้ตัวคุณและเขาจะมีปากเสียงหรือมีเรื่องราวทะเลาะกัน สุดท้ายแล้วคุณและเขาก็จะสามารถปรับความคิดให้เข้าใจกันได้ดีดังเดิม
5 ระยะทาง ไม่สามารถทำลายความรักของคุณทั้งคู่ได้
หรือแม้มีอุปสรรคใดๆเข้ามาขวางกั้นคุณและเขาก็มีความสุขและรู้สึกอุ่นใจที่ได้นึกถึงกัน
ราวกับว่ามีจิตใจที่ผูกพันกันมานาน
6 คุณและเขามีความสุขมากกว่าความทุกข์ตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกัน
ในบางครั้งไม่ต้องพูดจาอะไรออกมาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีความคิดเห็นอย่างไร
7 คุณและเขามักจะชวนกันเข้าวัดทำบุญหรือทำสิ่งดีๆร่วมกัน นั่นเป็นการสร้างบุญแต่ปางก่อนที่ทำให้ได้กลับมาพบกันอีกครั้งในชาตินี้
วิธีดูเนื้อคู่ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ การเลือกเนื้อคู่จึงแยกออกเป็น 4 ข้อหลัก
1 ศรัทธาเสมอกัน
หากเรามีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งเดียวกัน
เราก็จะมีมุมมองในเรื่องเดียวกัน ข้อดีหลักๆก็คือ
เราจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งและไม่เอาชนะคะคานกันและกัน
ไม่ถกเถียงเพื่อให้ความเชื่อของเราชนะอีกฝ่าย
ทำให้ครองคู่กันอย่างอยู่เย็นเป็นสุข
พระพุทธองค์ได้ชี้ทางสว่างให้กับคนที่จะมาเป็นคู่ครองกัน
สองคนนั้นควรต้องมีความเชื่อเสมอกันและไปในทิศทางเดียวกัน เช่น
เชื่อในหลักศาสนาเดียวกัน เพราะถ้าไม่เชื่ออะไรที่เหมือนกัน
ก็จะอยู่ด้วยกันแบบชีวิตไม่สงบสุขแน่นอน
ทั้งนี้ หากเป็นเนื้อคู่ประเภทคู่กร ร มแล้วทั้งคู่มาที่มาพบกันนั้น
ได้กำหนดไว้แล้ว มีเป้าหมายให้คนทั้งคู่มาชดใช้วิบาก ก ร ร ม
ของคนทั้งคู่ที่มีต่อกันให้หมดสิ้นกันไป เมื่อหมดแล้วก็ต้องแยกย้ายกันไป
หรือคู่ที่เลิกรากัน เปลี่ยนคู่บ่อยๆ
ก็เป็นเพราะอาจจะเป็นเนื้อคู่กันในปางก่อนจริง
มาเกื้อกันบ้างในชาติปัจจุบันจริง แต่เมื่อบุญที่ทำร่วมกันมันมีน้อย
ใช้บุญกันไปจนหมดแล้วไม่มีทำเพิ่ม ถึงเวลาก็ต้องแยกย้ายกันไป
2 มีศีลเสมอกัน
ศีลเสมอกัน เป็นสิ่งที่คนพูดถึงกันบ่อยๆ
เวลาจะมองหาคู่ครองต้องให้มีศีลเสมอกัน อธิบายง่ายๆ คือ คนที่รักษาศีล
รู้จักยับยั้งชั่งใจ พากันไปสู่สิ่งที่ดีงาม ก็จะทำให้ชีวิตราบรื่น
แต่หากสองคนนั้นมีศีลไม่เสมอกัน ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะอยู่ด้วยกันได้
3 จาคะเสมอกัน
คำว่า จาคะ มีความหมายว่า
การสละสิ่งของและความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น
หมายรวมถึงการสละละทิ้งกิเลส ละความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่
ความใจแคบ และการเลิกละนิสัย ตลอดถึงความประพฤติที่ไม่ดี
ที่ทำให้เกิดความเสียหาย
จะเห็นได้ว่า คนที่มีจาคะย่อมช่วยเพื่อส่วนรวมได้
มีความเอื้ออาทรต่อความทุกข์ คอยช่วยผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว
หากคู่ของเรามีจาคะไม่เสมอกัน
คงเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะทำความเข้าใจว่าเพราะอะไรถึงต้องไปช่วย
เหลือคนอื่น
คงจะดีไม่น้อย หากเราเลือกครองคู่กับคนที่มีจาคะเสมอกัน เป็นคนใจกว้าง
ชอบทำบุญ สามารถช่วยคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนได้เหมือนๆ กัน
เมื่อเรารักจะเป็นผู้ให้ก็จะอิ่มอกอิ่มใจที่ได้ให้
แล้วยังสัมผัสถึงความสุขใจ เมื่อมองเห็นผู้รับยิ้มแย้ม พอใจ
ทำให้ความสุขของผู้ให้ทวีเพิ่มขึ้นอีกด้วย
4 ปัญญาเสมอกัน
ปัญญาเสมอกันคืออย่างไร พระราชพรหม ย า นหรือหลว งพ่อฤาษีลิงดำ
พระอริยสงฆ์องค์หนึ่งของเรา ครั้งหนึ่งท่านได้ตอบคำถามให้กับลูกศิษย์
เมื่อลูกศิษย์คนนั้นถามท่านว่า ปัญญาคืออะไร ท่านจึงได้เมตตาตอบไปว่า ปัญญา
ความหมายทั่วไปแปลว่าความรู้ที่เกิดขึ้นจากการพินิจพิจารณา
แปลว่าความเฉลียวฉลาดก็ได้
มิใช่รู้อย่างเดียวต้องนำเอาความรู้ที่ได้นั้นมาพิจารณาด้วย
มิใช่ฉลาดอย่างเดียว ต้องมีเฉลียวใจด้วย
พระพุทธองค์ตรัสไว้ในเรื่องของการที่จะมาเป็นคู่ครองกัน
ต้องมีปัญญาเสมอกัน ถ้าใกล้เคียงกันมากก็จะยิ่งมีความสุข ความเจริญ
ทำอะไรก็ประสบผลสำเร็จ
เนื่องด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญที่ทั้งคู่มีได้เกื้อหนุนกันและกัน
ไม่เพียงแต่มีศีลเสมอกัน การเป็นคู่ครองต้องมีความเข้าใจ ความเชื่อใจ
และความไว้วางใจ วิธีในการเลือกดูคู่แท้ที่เหมาะสมนั้น
จึงจำเป็นต้องใช้ทั้ง 4 ข้อนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
ขอบคุณข้อมูลจาก : bangpunsara