สวัสดีค่ะ
เมนูนี้ตั้งใจจะเอามาโพสต์นานแล้วแต่ด้วยภาระและปัญหาสุขภาพที่มีมาให้ต้องจัดการเลยเพิ่งจะได้เข้ามาโพสต์
เราเป็นคนใต้แต่เมื่อย้ายเข้ามาอยู่แถบภาคกลางประจวบกับไม่ค่อยได้มีโอกาสกลับบ้านมากนักแต่ความอยากมันไม่ปรานีใครค่ะคุณขาาาา ขนมโคแบบที่อยากกินนี้ก็ไม่ได้มีขาย(เท่าที่เห็นมา)แถวตลาดใกล้บ้านเลยสักนิดเลยต้องจัดการเข้าครัวเอง
จริงๆจะว่าไปแล้วขนมโคแบบที่กินกันทางใต้นั้นทำค่อนข้างง่ายและเป็นหนึ่งในขนมในความทรงจำของเรา เวลาแม่หรือย่าไปบนบานศาลเกล่าอะไรเอาไว้ก็มีบางครั้งที่แก้บนเป็นขนมโค ซึ่งนอกจากเราจะมีโอกาสได้เป็นลูกมือแล้วยังได้รับอานิสงส์หลังเสร็จจากแก้บนไปด้วย เป็นขนมที่หยิบกินเพลิน แป๊บๆก็หมดซะแล้ว ขนมโคปักษ์ใต้มีส่วนผสมที่ไม่ซับซ้อนและไม่ได้กินแบบราดกะทิเหมือนกับที่เราเห็นทั่วไป แต่จะบอกว่าอันไหนอร่อยกว่ากันนี้คงเทียบไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคลเนอะ ^^
เกริ่นมาเยอะแล้วให้ดูหน้าตากันซะหน่อย
พอดีที่บ้านเราไม่มีกระต่ายขูดมะพร้าวค่ะ เลยพยายามเอาเนื้อมะพร้าวมาสับๆซอยๆเลยออกมาหน้าตาได้แบบที่เห็นแต่ก็อร่อยดีไปอีกแบบ และพอดีว่าวันที่ไปจ่ายตลาดบังเอิญได้เผือกหอมมาด้วยเลยเอาเผือกมาผสมกับแป้ง แต่ถ้าใครไม่มีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ะ ส่วนสีชมพูที่ได้ก็มาจากการผสมน้ำเฮลบลูบอยสีแดงเข้าไปเล็กน้อย ถ้าใครอยากได้สีอื่นๆ เช่น สีเขียว หรือฟ้าก็สามารถใช้น้ำใบเตยคั้นหรือน้ำดอกอัญชันได้ตามสบายเลยค่ะ
พูดมาเยอะแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ส่วนผสม
๑.แป้งข้าวเหนียว
๒.น้ำตาลแว่น
๓.มะพร้าวขูด(เราใช้มะพร้าวทึนทึก)
๔.เผือกหอมนึ่ง
๕.เกลือป่นเล็กน้อย (ใช้สำหรับคลุกกับมะพร้าวขูด)
๖.น้ำเฮลบลูบอยสีแดง/สีอื่นๆ/น้ำคั้นจากผักสีธรรมชาติ(ไม่ใส่ก็ได้)
อ๊ะๆ มาถ่ายรูปหมู่กันหน่อย
รูปเดี่ยวของเผือกก่อนนึ่ง เผือกจะต้องล้างให้สะอาดและเอายางออกให้หมดนะคะ ไม่งั้นเวลากินอาจจะคันหรือแพ้ได้
เผือกที่นึ่งแล้ว ก่อนนำไปนึ่งเราหั่นเป็นชิ้นๆจะได้สุกเร็วขึ้นค่ะ..
น้ำตาลแว่นที่ได้มาต้องตัดแบ่งอีกครั้งเพื่อนำไปทำไส้ กะขนาดอย่าให้ใหญ่เกินไปนะคะ ไม่งั้นขนมของเราจะใหญ่ตามไปด้วย
วิธีทำ
๑. ใช้ช้อนส้อมบดเผือก นำไปผสมกับแป้งข้าวเหนียวแล้วนวดจนได้เป็นก้อน ถ้าส่วนผสมแห้งเกินไปก็สามารถเติมน้ำเข้าไปได้ค่ะ ถ้ารู้สึกว่าเหนียวไปก็ต้องเติมแป้งเพิ่ม ขั้นนี้เราอาศัยการกะประมาณเอาล้วนๆเมนูนี้เลยไม่ได้มีอัตราส่วนมาให้ดูกัน ต้องขออภัยด้วยค่ะ ส่วนแป้งที่ต้องการให้ได้สีชมพูก็นำน้ำเฮลบลูบอยผสมน้ำเปล่าแล้วนวดให้เข้ากันกับแป้งข้าวเหนียว ขั้นตอนนี้มือเราเลอะเลยไม่ได้ถ่ายเอาไว้เลย
๒.แบ่งแป้งเป็นก้อนกลมๆ ปริมาณของแป้งจะต้องมากพอที่จะหุ้มน้ำตาลที่เราตัดเตรียมไว้ได้นะคะ เมื่อปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วก็แผ่เป็นแผ่นให้บางลงตามรูปเลยค่ะ กะความหนาให้พอดี สำหรับเราถ้าแป้งหนาไปรู้สึกว่ารสชาติมันไม่พอดีค่ะ แต่ถ้าแป้งบางไปไส้น้ำตาลจะทะลักได้
๓.วางน้ำตาลลงไปแบบนี้แล้วก็คลึงให้เป็นก้อนกลมๆอีกครั้งนึงค่ะ
ปั้นเสร็จแล้วหน้าตาจะเป็นแบบนี้..
๔.ขั้นต่อไปเรามาเตรียมน้ำสำหรับลวกขนมกันค่ะ ใช้หม้อเติมน้ำสะอาดตั้งไฟกลางรอจนน้ำเดือด อย่าลืมกะขนาดของหม้อและปริมาณของน้ำให้เหมาะกับปริมาณของขนมที่จะนำลงไปลวกด้วยนะคะ
๕.เมื่อน้ำเดือดได้ที่แล้วนำขนมโคลงไปลวก ตอนลงไปใหม่ๆตัวขนมจะจมอยู่ก้นหม้อค่ะ เมื่อเห็นขนมลอยขึ้นมาแล้วให้เตรียมกระชอนไว้ตักได้เลย
ตักขึ้นมาอย่างกับไข่งานกาชาด อิอิ
๖.นำขนมที่สุกแล้วไปแช่น้ำเย็นไว้ครู่หนึ่งกันขนมติดกันค่ะ (เราไม่ชอบให้ขนมมันติดๆกันเลยใช้วิธีทีนี้ แต่สูตรเดิมคือไม่ต้องแช่น้ำค่ะ เราอธิบายไว้เพิ่มเติมด้านล่างนะคะ)
๗.ขั้นสุดท้ายนี้ ตักขนมขึ้นมาเตรียมเสิร์ฟในจาน นำมะพร้าวขูดคลุกกับเกลือกป่นเล็กน้อยพอให้มีรสเค็มๆมันๆแล้วนำไปคลุกกับตัวขนมหรือจะโรยแบบเราก็ได้เลยค่ะ
รับขนมโคไปกินสักลูกไหมคะ ^^ อยากจะบอกว่ารสเค็มๆมันๆของมะพร้าวตัดกับความหวานของน้ำตาลแว่นและความหนึบของแป้งได้เป็นอย่างดี ทำกินเมื่อไรแป๊บๆก็หมดเร็วทุกที
ป.ล.ส่วนผสมและวิธีทำข้างต้นนี้เราอาศัยครูพักลักจำจากแม่มานะคะ ใครอยากแนะนำหรือติชมอะไรเพิ่มเติมก็บอกกันได้ตามอัธยาสัยเลยค่ะ ไว้เจอกันใหม่กระทู้หน้านะคะ ขอบคุณค่ะ
ที่มา http://pantip.com/topic/35852881
เราเป็นคนใต้แต่เมื่อย้ายเข้ามาอยู่แถบภาคกลางประจวบกับไม่ค่อยได้มีโอกาสกลับบ้านมากนักแต่ความอยากมันไม่ปรานีใครค่ะคุณขาาาา ขนมโคแบบที่อยากกินนี้ก็ไม่ได้มีขาย(เท่าที่เห็นมา)แถวตลาดใกล้บ้านเลยสักนิดเลยต้องจัดการเข้าครัวเอง
จริงๆจะว่าไปแล้วขนมโคแบบที่กินกันทางใต้นั้นทำค่อนข้างง่ายและเป็นหนึ่งในขนมในความทรงจำของเรา เวลาแม่หรือย่าไปบนบานศาลเกล่าอะไรเอาไว้ก็มีบางครั้งที่แก้บนเป็นขนมโค ซึ่งนอกจากเราจะมีโอกาสได้เป็นลูกมือแล้วยังได้รับอานิสงส์หลังเสร็จจากแก้บนไปด้วย เป็นขนมที่หยิบกินเพลิน แป๊บๆก็หมดซะแล้ว ขนมโคปักษ์ใต้มีส่วนผสมที่ไม่ซับซ้อนและไม่ได้กินแบบราดกะทิเหมือนกับที่เราเห็นทั่วไป แต่จะบอกว่าอันไหนอร่อยกว่ากันนี้คงเทียบไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคลเนอะ ^^
เกริ่นมาเยอะแล้วให้ดูหน้าตากันซะหน่อย
พอดีที่บ้านเราไม่มีกระต่ายขูดมะพร้าวค่ะ เลยพยายามเอาเนื้อมะพร้าวมาสับๆซอยๆเลยออกมาหน้าตาได้แบบที่เห็นแต่ก็อร่อยดีไปอีกแบบ และพอดีว่าวันที่ไปจ่ายตลาดบังเอิญได้เผือกหอมมาด้วยเลยเอาเผือกมาผสมกับแป้ง แต่ถ้าใครไม่มีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ะ ส่วนสีชมพูที่ได้ก็มาจากการผสมน้ำเฮลบลูบอยสีแดงเข้าไปเล็กน้อย ถ้าใครอยากได้สีอื่นๆ เช่น สีเขียว หรือฟ้าก็สามารถใช้น้ำใบเตยคั้นหรือน้ำดอกอัญชันได้ตามสบายเลยค่ะ
พูดมาเยอะแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่า
ส่วนผสม
๑.แป้งข้าวเหนียว
๒.น้ำตาลแว่น
๓.มะพร้าวขูด(เราใช้มะพร้าวทึนทึก)
๔.เผือกหอมนึ่ง
๕.เกลือป่นเล็กน้อย (ใช้สำหรับคลุกกับมะพร้าวขูด)
๖.น้ำเฮลบลูบอยสีแดง/สีอื่นๆ/น้ำคั้นจากผักสีธรรมชาติ(ไม่ใส่ก็ได้)
อ๊ะๆ มาถ่ายรูปหมู่กันหน่อย
รูปเดี่ยวของเผือกก่อนนึ่ง เผือกจะต้องล้างให้สะอาดและเอายางออกให้หมดนะคะ ไม่งั้นเวลากินอาจจะคันหรือแพ้ได้
เผือกที่นึ่งแล้ว ก่อนนำไปนึ่งเราหั่นเป็นชิ้นๆจะได้สุกเร็วขึ้นค่ะ..
น้ำตาลแว่นที่ได้มาต้องตัดแบ่งอีกครั้งเพื่อนำไปทำไส้ กะขนาดอย่าให้ใหญ่เกินไปนะคะ ไม่งั้นขนมของเราจะใหญ่ตามไปด้วย
วิธีทำ
๑. ใช้ช้อนส้อมบดเผือก นำไปผสมกับแป้งข้าวเหนียวแล้วนวดจนได้เป็นก้อน ถ้าส่วนผสมแห้งเกินไปก็สามารถเติมน้ำเข้าไปได้ค่ะ ถ้ารู้สึกว่าเหนียวไปก็ต้องเติมแป้งเพิ่ม ขั้นนี้เราอาศัยการกะประมาณเอาล้วนๆเมนูนี้เลยไม่ได้มีอัตราส่วนมาให้ดูกัน ต้องขออภัยด้วยค่ะ ส่วนแป้งที่ต้องการให้ได้สีชมพูก็นำน้ำเฮลบลูบอยผสมน้ำเปล่าแล้วนวดให้เข้ากันกับแป้งข้าวเหนียว ขั้นตอนนี้มือเราเลอะเลยไม่ได้ถ่ายเอาไว้เลย
๒.แบ่งแป้งเป็นก้อนกลมๆ ปริมาณของแป้งจะต้องมากพอที่จะหุ้มน้ำตาลที่เราตัดเตรียมไว้ได้นะคะ เมื่อปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วก็แผ่เป็นแผ่นให้บางลงตามรูปเลยค่ะ กะความหนาให้พอดี สำหรับเราถ้าแป้งหนาไปรู้สึกว่ารสชาติมันไม่พอดีค่ะ แต่ถ้าแป้งบางไปไส้น้ำตาลจะทะลักได้
๓.วางน้ำตาลลงไปแบบนี้แล้วก็คลึงให้เป็นก้อนกลมๆอีกครั้งนึงค่ะ
ปั้นเสร็จแล้วหน้าตาจะเป็นแบบนี้..
๔.ขั้นต่อไปเรามาเตรียมน้ำสำหรับลวกขนมกันค่ะ ใช้หม้อเติมน้ำสะอาดตั้งไฟกลางรอจนน้ำเดือด อย่าลืมกะขนาดของหม้อและปริมาณของน้ำให้เหมาะกับปริมาณของขนมที่จะนำลงไปลวกด้วยนะคะ
๕.เมื่อน้ำเดือดได้ที่แล้วนำขนมโคลงไปลวก ตอนลงไปใหม่ๆตัวขนมจะจมอยู่ก้นหม้อค่ะ เมื่อเห็นขนมลอยขึ้นมาแล้วให้เตรียมกระชอนไว้ตักได้เลย
ตักขึ้นมาอย่างกับไข่งานกาชาด อิอิ
๖.นำขนมที่สุกแล้วไปแช่น้ำเย็นไว้ครู่หนึ่งกันขนมติดกันค่ะ (เราไม่ชอบให้ขนมมันติดๆกันเลยใช้วิธีทีนี้ แต่สูตรเดิมคือไม่ต้องแช่น้ำค่ะ เราอธิบายไว้เพิ่มเติมด้านล่างนะคะ)
๗.ขั้นสุดท้ายนี้ ตักขนมขึ้นมาเตรียมเสิร์ฟในจาน นำมะพร้าวขูดคลุกกับเกลือกป่นเล็กน้อยพอให้มีรสเค็มๆมันๆแล้วนำไปคลุกกับตัวขนมหรือจะโรยแบบเราก็ได้เลยค่ะ
รับขนมโคไปกินสักลูกไหมคะ ^^ อยากจะบอกว่ารสเค็มๆมันๆของมะพร้าวตัดกับความหวานของน้ำตาลแว่นและความหนึบของแป้งได้เป็นอย่างดี ทำกินเมื่อไรแป๊บๆก็หมดเร็วทุกที
ป.ล.ส่วนผสมและวิธีทำข้างต้นนี้เราอาศัยครูพักลักจำจากแม่มานะคะ ใครอยากแนะนำหรือติชมอะไรเพิ่มเติมก็บอกกันได้ตามอัธยาสัยเลยค่ะ ไว้เจอกันใหม่กระทู้หน้านะคะ ขอบคุณค่ะ
ที่มา http://pantip.com/topic/35852881