กลิ่นตัวแรง ถึงจะเป็นปัญหาไม่ร้ายแรงถึงขั้นคอขาดบาดตาย
แต่ก็รบกวนจิตใจและสั่นคลอนความมั่นใจอยู่ไม่น้อย
ยิ่งบ้านเราเป็นเมืองร้อน(มาก)แบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งเร่งให้เหงื่อออก
แถมมีกลิ่น ตามมาด้วย เพราะนอกจากสภาพร่างที่มาพร้อมเหงื่อจนเสื้อชุ่ม
เปียกแฉะแล้ว กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่ตามมา ยิ่งทำให้หลายคนเสียความมั่น
และถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถควบคุมไม่ให้มีเหงื่อออกได้
แต่อันดับแซ่บก็มีคำแนะนำในการลดกลิ่นตัวมาฝากค่ะ
กลิ่นตัว คือกลิ่นที่ติดตัวเรา
เกิดขึ้นได้ตามบริเวณต่างๆ ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะจุดที่อับชื้นง่ายๆ เช่น
รักแร้ ท้ายทอย ศีรษะ ข้อพับต่างๆ ขาหนีบ หรือบริเวณอวัยวะเพศ
ซึ่งกลิ่นตัวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ร่างกายเราขับเหงื่อออกมา
แบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังบริเวณที่เหงื่อออกนั้นจะย่อยสลายเหงื่อจนกลายเป็นกรดไขมัน
เกิดเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา สามารถลดกลิ่นตัวลงได้
ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำง่ายๆ ตามนี้
1.รักษาความสะอาดร่างกาย
ลดกลิ่นตัวได้
เริ่มจากการดูแลสุขอนามัยตัวเองก่อน เริ่มจากอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง
(เช้า-เย็น) เน้นการทำความสะอาดในจุดที่มีกลิ่น เช่น รักแร้ ข้อพับต่างๆ
หลังใบหู คอและหลัง เพราะเป็นจุดที่มีเหงื่อออกมาก
หากไม่ทำความสะอาดจะเกิดการหมักหมมและเกิดกลิ่นตามมา
ดูแลเรื่องความสะอาดของร่างกายแล้ว
เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็มีส่วนทำให้เกิดกลิ่นได้เช่นกัน
ดังนั้นควรดูแลทำความสะอาดเสื้อผ้า
ไม่ใส่เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักหรือเปียกชื้นจากเหงื่อ
2.เลี่ยงกินอาหารที่ไม่กระตุ้นให้เกิดกลิ่น
กลิ่นตัว
นอกจากมาจากเหงื่อที่หมักหมมแล้ว
บางครั้งอาหารที่กินเข้าไปก็ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ เช่น กระเทียม พริกไทย
หรือเครื่องเทศ สะตอ ทุเรียน หัวหอม
รวมถึงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิด
ควรเลือกกินอาหารที่ย่อยง่ายเพื่อลดการหมักหมมของอาหารที่ส่งผลให้เกิดกลิ่น
เช่น ผักสด ผักใบเขียว ผลไม้สดชนิดต่างๆ
3.ลดเครียด
ร่างกายเราเมื่ออยู่ในภาวะเครียด
วิตกกังวลมากๆ มักจะหลั่งสารอดรีนาลีนออกมา
ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดกลิ่นตัว สังเกตมั้ยว่า ยิ่งเครียด
ยิ่งกังวลกับเรื่องกลิ่นตัวมากเท่าไหร่ ยิ่งมีกลิ่นตัว
4.นอนให้พอ
อดนอน นอนน้อย ทำบ่อยๆ
นอกจากเสียสุขภาพแล้ว ยังทำให้เกิดภาวะเครียดได้ ยิ่งเครียด
ร่างกายก็ยิ่งหลั่งอดรีนาลีนออกมา กลิ่นตัวก็ยิ่งแรง
5.ไม่ขัดผิวบ่อยเกินไป
การขัดผิวเป็นการขัดเอาเซลล์ผิวเก่าออกแต่สิ่งที่หลุดออกไปด้วยพร้อมเซลล์ผิวเก่า
คือแบคทีเรียนิสัยดีที่อยู่กับผิวเรา ส่งผลให้เกิดกลิ่นตัวมากกว่าเดิม
ขัดผิวแต่พอดี สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็พอ
6.ดีท็อกซ์ล้างพิษ
การดีท็อกซ์หรือล้างพิษในร่างกาย
เป็นการทำความสะอาดร่างกายจากภายในอีกวิธีหนึ่ง
ซึ่งจะช่วยล้างเอาสิ่งหมักหมมที่เป็นสาเหตุของกลิ่นตัวที่อยู่ในร่างกายออกมา
7.เพิ่มวิตามินให้กับร่างกาย
วิตามินซี
นอกจากช่วยบำรุงให้ผิวพรรณดีแล้ว ยังช่วยในเรื่องของลดความเครียดได้
รวมถึงวิตามินบี1 วิตามินบีคอมเพล็กซ์ วิตามินบี6 สังกะสีและแมกนีเซียม
กลิ่นตัวหรือกลิ่นเต่า
แม้จะเป็นปัญหาที่คนเมืองร้อนยากจะหลีกเลี่ยงได้แล้ว
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขอนามัยส่วนตัว
การงดกินอาหารที่มีกลิ่นฉุนรุนแรง
การสร้างสิ่งผ่อนคลายจากความเครียดให้ตัวเอง ตามที่ได้อธิบายมาแล้ว
ก็เป็นวิธีที่จะบรรเทาปัญหา ลดการเกิดกลิ่นที่รุนแรงลงได้บ้าง
ลองนำไปปฏิบัติกันดูนะคะ