ท่านอนที่ดีที่สุด คือ การนอนตะแคงขวา อ่านจบแล้ว บอกเพื่อนๆต่อเลย!

ท่านอนที่ดีที่สุด คือ การนอนตะแคงขวา อ่านจบแล้ว บอกเพื่อนๆต่อเลย !!


แพทย์โรงพยาบาลศิริราช ได้แนะนำ ท่านอนที่จะทำให้สามารถนอนหลับได้อย่างสบาย ตื่นขึ้นมาก็สดชื่น นั่นก็คือ “นอนตะแคงขวา” ซึ่งจะช่วยทำให้หัวใจเต้นได้สะดวก ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง

ส่วนผู้ที่ถนัด การนอนตะแคงซ้าย อาจจะทำให้เกิดลมจุกเสียดที่ลิ้นปี่ จึงควรที่จะนอนกอดหมอนข้างพร้อมกับเอาขาพาด เพื่อป้องกันอาการขาชาจากการนอนทับเป็นเวลานานๆ

นพ.ชนินทร์ ลีวานันท์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู

คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ได้กล่าวไว้ว่า การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือ การนอนหลับ มนุษย์นั้นใช้เวลาเพื่อนอนหลับถึง 1 ใน 3 ของอายุขัย ในขณะที่นอนหลับนั้น ท่านอนจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้ผู้นอนนั้น หลับได้สนิทตลอดคืนหรือไม่ เมื่อตื่นนอนขึ้นมาจะรู้สึกเพลียหรือตื่นมาอย่างสดชื่น รู้สึกปวดหลังหรือไม่รู้สึกปวดเมื่อย

ซึ่งโดยปกติแล้ว ทั่วๆ ไปคนเรานั้น นิยมที่จะนอนหงาย เพราะเป็นท่านอนที่มาตรฐาน การนอนหงายที่เหมาะสมนั้น ควรจะใช้หมอนต่ำและต้นคอของคุณควรจะอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว เพื่อไม่ให้รู้สึกปวดคอ

อย่างไรก็ตาม ท่านอนหงายนั้น ก็ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดและโรคหัวใจ เพราะว่ากล้ามเนื้อกระบังลมจะลงมากดทับปอดทำให้คุณหายใจไม่สะดวก ส่งผลทำให้การทำงานของหัวใจนั้น ทำงานได้ลำบากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการปวดหลัง การนอนหงายในท่านอนราบ จะทำให้อาการปวดทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับท่านอนที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับท่านอนอื่นๆ แล้ว ก็คือท่านอนตะแคงขวา เพราะว่าจะช่วยทำให้หัวใจเต้นได้สะดวก และอาหารจากกระเพาะอาหารจะถูกบีบลงไปลำไส้เล็กได้ดีขึ้นด้วย ทั้งยังจะช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วยเช่นกัน

ส่วนท่านอนตะแคงซ้าย ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหลังได้ก็จริง แต่ก็ควรจะกอดหมอนข้าง และพาดขาไว้ด้วย เพื่อจะได้ป้องกันอาการชาที่ขาซ้าย ที่เกิดจากการนอนกดทับเป็นเวลานานๆ ท่านอนตะแคงซ้ายนั้น อาจจะทำให้เกิดลมจุกเสียดที่บริเวณลิ้นปี่ เนื่องจากอาหารที่ยังย่อยไม่หมดในช่วงก่อนเข้านอนนั้น ยังคั่งค้างในกระเพาะอาหาร

ส่วนท่านอนคว่ำนั้น เป็นท่าที่จะทำให้การหายใจติดขัด ทั้งยังจะทำให้รู้สึกปวดที่ต้นคอด้วย เพราะจะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลังหรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่งเป็นระยะเวลานานๆ ดังนั้น ถ้าจำเป็นจะต้องนอนคว่ำ จึงควรจะใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อที่จะป้องกันอาการปวดเมื่อยที่ต้นคอ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก shape Cr.SAOYAI สารพันสิ่งดีๆ