ใครขาเป็นตะคริวบ่อยๆในตอนกลางคืน ทำแบบนี้จะช่วยให้หายได้นะ!

ใครขาเป็นตะคริวบ่อยๆในตอนกลางคืน ทำแบบนี้จะช่วยให้หายได้นะ!!

หลายคนเคยเป็นตะคริวด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเป็นตะคริว กล้ามเนื้อจะมีการหดตัวและกระชับแน่น ซึ่งเป็นสาเหตุของความเจ็บปวดและไม่สบายตัว อาการนี้จะเกิดขึ้นในเวลาแค่ไม่กี่วินาที คนส่วนใหญ่ที่เคยมีประสบการณ์ ก็มักจะตื่นขึ้นมาก่อน หรือไม่ก็เดินเล่นก่อนที่จะเข้านอน

เหตุผล – ตะคริวไม่ถือเป็นอาการที่ร้ายแรงทางการแพทย์ เพราะมันสามารถเกิดจากปัญหาสุขภาพได้หลายสาเหตุ ภาวะขาดน้ำคือหนึ่งในนั้น ในเวลาอื่นๆ ตะคริวสามารถเกิดขึ้นได้เพราะการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปหรือเกิดจากโรคเท้าแบน ในกรณีที่ร้ายแรงกว่านั้น พวกเขาจะถูกบ่งชี้ว่าเป็นโรคไต ตะคริวเกิดขึ้นเนื่องมาจากผลของการฝึกหนัก กล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บ และขาดการออกกำลังกายเป็นระยะเวลานาน

ในกรณีที่รุนแรงกว่านั้น มันอาจเกิดมาจากผลของการกินยาที่เกี่ยวข้องกับการคุมกำเนิด ยาขับปัสสาวะ และสเตียรอยด์ ขณะเดียวกัน การขาดโพแทสเซียมในร่างกายหรือสภาพอากาศหนาวเย็นก็สามารถทำให้เกิดตะคริวได้



สูตรแก้ไขตะคริวที่คุณสามารถทำเองได้ที่บ้าน


1. ดีเกลือ

ดีเกลือมีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านทั่วๆไปและช่วยรักษากล้ามเนื้อเป็นตะคริวได้ดี

- ใส่ดีเกลือลงในอ่างน้ำร้อนและคนให้เข้ากัน แช่ในน้ำเป็นเวลา 20 นาทีเพื่อบรรเทาอาการปวด

- หากคุณทำแล้วไม่ได้ผลในครั้งแรก ทำซ้ำอีกครั้งในวันถัดไป

2. มัสตาร์ดเหลือง

เพราะมัสตาร์ดเหลืองเต็มไปด้วยแมกนีเซียม มีประโยชน์อย่างมากในการรักษาตะคริวที่ขา มัสตาร์ดคือตัวช่วยที่น่ามหัศจรรย์ นักกีฬาที่มีชื่อเสียงหลายคนใช้มันเมื่อพวกเขาเป็นตะคริว โดยทั่วไปแล้วคุณควรบริโภคมัสตาร์ดครั้งละสองช้อนเพื่อรักษาอาการขาเป็นตะคริว มัสตาร์ดมีกรดอะซิติก ซึ่งเป็นตัวผลิตแอซิติลโคลีนในร่างกาย สารนี้จะช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อกระปรี้ประเปร่าและช่วยให้พวกเขามีสุขภาพที่ดี

3. สูตรบรรเทาอาการกล้ามเนื้อเป็นตะคริว

- ออริกาโน หนึ่งช้อนโต๊ะ
- โรสแมรี่ หนึ่งช้อนโต๊ะ
- เมล็ดโป๊ยกั๊ก หนึ่งช้อนโต๊ะ
- กานพลู หนึ่งช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการเตรียม: นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในน้ำร้อนสองถ้วยตวง และนำไปเคี่ยว เมื่อน้ำลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง ดื่มน้ำที่เหลืออยู่ เวลาที่ดีที่สุดในการบริโภคคือก่อนนอน หมายเหตุ: เพื่อหลีกเลี่ยงอาการกล้ามเนื้อเป็นตะคริว อย่าปล่อยให้ร่างกายของคุณขาดน้ำ และนี่ยังช่วยคุณควบคุมปัญหาในเรื่องของการขับเหงื่อและคลื่นความร้อนอีกด้วย

อ้างอิง : healthyfoodhouse.com
บทความโดย : http://www.deethojai.com/