ทุกบ้านที่ใช้กระติกน้ำร้อน คงรู้ว่าปัญหาอย่างหนึ่งของการใช้งานกระติกน้ำร้อนไปนานๆคือ “คราบตะกรัน” และคราบตะกรันนี้มักจะติดอยู่ตามผนังกระติกน้ำร้อนด้านใน หรือตกตะกอนตามก้น ซึ่งทำให้เรากังวลใจว่าน้ำในกระติกจะไม่สะอาด และอาจปะปนกับอาหารที่ใช้น้ำร้อน ในกระติกน้ำร้อนในการปรุง
ซึ่ง “คราบตะกรัน” นี้เป็นคราบที่เกิดจากการสะสมของน้ำ ที่มีความกระด่าง เกลือ และแมกนีเซียมปะปนกันอยู่ และเมื่อสะสมกันไปนานๆ จะทำให้เกิดคราบตะกันซึ่งมีลักษณะป็นขุ่น อาจทำให้น้ำขุ่น แต่ไม่ต้องกังวลไป วันนี้เรามีวิธีทำความสะอาด ขจัดคราบตะกรัน!! ที่เกาะผนังกระติกน้ำร้อน มาฝากกัน ซึ่งเป็นวิธีแบบง่ายๆสามารถลงมือทำได้เลยตอนนี้
วิธีการทําความสะอาด กระติกน้ำร้อน ขจัด!! “คราบตะกรัน” เกาะติดผนังกระติกน้ำร้อน แบบง่ายๆ
“คราบตะกรัน” คือ คราบที่เกิดจากการสะสมของน้ำ เนื่องจากในน้ำมีความกระด่าง เกลือ และแมกนีเซียมปะปนกันอยู่เมื่อสะสมกันไปนานๆ จะทำให้เกิดคราบตะกันซึ่งมีลักษณะป็นขุ่น อาจทำให้น้ำขุ่น และคราบตะกรันนี้จะติดอยู่ตามผนังกระติกน้ำร้อนด้านใน หรือตกตะกอนตามก้น ซึ่งทำให้เรากังวลใจว่าน้ำจะไม่สะอาด และอาจปะปนกับอาหารที่ใช้น้ำร้อน ในกระติกน้ำร้อนในการปรุง ดังนั้นปัญหาเหล่านี้จะหมดไป
1.ทำความสะอาดกระติกน้ำร้อนด้วยเปลือกไข่
โดยนำเปลือกไข่ล้างสะอาดจำนวน
2 ฟอง มาบดให้ละเอียด
จากนั้นเติมน้ำสะอาดลงไปในกระติกน้ำร้อนที่มีคราบตะกรัน
ปริมาณน้ำให้พอดีกับบริเวณที่เกิดคราบตะกรัน
และทำการเขย่าน้ำโดยปิดล็อคฝากระติกน้ำร้อนให้สนิท
จากนั้นเสียบปลั๊กต้มน้ำให้เดือด และทิ้งไว้ประมาณ 4-5
ชั่วโมงแล้วเทน้ำทิ้งคราบตะกรันจะหลุดออก
2.ทำความสะอาดกระติกน้ำร้อนด้วยโซดา
เติมน้ำสะอาดลงไปในกระติกน้ำร้อนประมาณครึ่งกระติก
จากนั้นเทโซดาลงไปประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ และเติมน้ำร้อนลงไปจนเต็ม
จากนั้นเขย่าเพื่อขจัดคราบตะกรันในกระติกน้ำร้อน
3.ทำความสะอาดกระติกน้ำร้อนด้วยเกลือ
โดยต้มน้ำให้เดือด
เมื่อน้ำเดือดแล้วจึงเติมเกลือปนลงไปประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ประมาณ 10
นาทีแล้วจึงเทน้ำทิ้ง แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
เพื่อขจัดคราบตะกรันภายในกระติกน้ำร้อน
4.ทำความสะอาดกระติกน้ำร้อนด้วยน้ำส้มสายชู
โดยการนำน้ำส้มสายชูประมาณ
4-5 ช้อนโต๊ะใส่ลงไปในน้ำแล้วต้มน้ำให้เดือด ทิ้งไว้อีกประมาณ 4-5 ชั่วโมง
จากนั้นเทน้ำทิ้งและล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง คราบตะกรันจะหลุดออกโดยง่าย
เมื่อล้างเสร็จแล้วเติมน้ำสะอาดและใช้งานได้
ขอขอบคุณที่มาจาก: www.yaimouth.com