ตากผ้าไม่แห้ง มีกลิ่นอับชื้น เสื้อผ้าเหม็น ทำไงดี...วันนี้มีวิธีมาบอก
ช่วงนี้ฝนตกกันมาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน หลายคนก็คงจะเริ่มรักษาสุขภาพกันมากขึ้น เพราะช่วงหน้าฝนนั้นเป็นช่วงที่ใครๆ ก็เป็นหวัดกันได้ง่ายเหลือเกิน นอกจากเรื่องของไข้หวัดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ตามมากับช่วงหน้าฝนทุกครั้งก็คือ ปัญหาของเสื้อผ้ามีกลิ่นอับชื้น เนื่องจากว่าไม่สามารถตากผ้ากันได้นั้นเอง แต่ปัญหากลิ่นอับชื้นในเสื้อผ้านั้นจะหมดไป เพราะวันนี้เรามีวิธีดีๆ ในการทำให้กลิ่นอับชื้นของเสื้อผ้านั้นหายไป โดยวิธีที่จะแนะนำนั้นทำได้ง่ายและไม่ว่าใครๆ ก็สามารถทำได้
1. แยกผ้าเปียกออก
ถ้าหากคุณไปตากฝนเพื่อที่จะต้องรีบกลับบ้าน ทำให้เสื้อผ้าของคุณเปียกไปหมดทั้งชุด อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงบ้านแล้ว ขอให้แยกชุดที่เปียกเหล่านั้นออกจากตะกร้าผ้าแห้งที่รอซักตัวอื่นๆ หรือถ้าเป็นไปได้ให้รีบซักทันที เนื่องจากว่าผ้าเปียกๆ เหล่านี้ ถ้าหากนำไปกองรวมกันจะทำให้เกิดเชื้อราขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นตามมาได้
2. แกว่งสารส้ม
สำหรับใครที่ซักผ้าด้วยมือเป็นประจำลองใช้วิธีนี้ดู โดยก่อนจะนำผ้าลงไปซัก ให้เรานำสารส้มลงไปแกว่งในน้ำประมาณ 3 นาที แล้วทิ้งไว้อีกประมาณ 10 นาที จึงค่อยใส่ผงซักฟอกและนำผ้าซักตามปกติ สารส้มจะช่วยกำจัดกลิ่นอับชื้อในเสื้อผ้าของคุณได้
ซักผ้าด้วยน้ำร้อน
วิธีนี้จะเหมาะสำหรับบ้านใครที่มีเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า เพราะเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้านั้นมักจะมีระบบการซักด้วยน้ำร้อน รวมไปถึงการอบผ้าด้วยความร้อนจะยิ่งช่วยให้ผ้าหายอับชื้นและแห้งไวอีกด้วย
ใช้เบคกิ้งโซดา
เพียงแค่คุณใส่แบคกิ้งโซดาไปพร้อมกับ ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม หลังจากนั้นก็ทำการซักปกติ ที่สำคัญคือต้องตากให้โดนแดดจัดๆ เมื่อลองทำดูแล้วคุณจะพบว่ากลิ่นอับชื้นบนเสื้อของคุณนั้นหายไปโดยปริยาย
น้ำส้มสายชู น้ำส้มสายชูเป็นอีก 1 สิ่งที่สารพัดประโยชน์ซึ่งการกำจัดกลิ่นอับชื้อนั้น น้ำส้มสายชูก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งวิธีนี้สามารถทำได้สองแบบคือ นำน้ำส้มสายชูมาผสมกับผงซักฟอก แล้วจึงทำการซักตามปกติ หรืออีกวิธีหนึ่งคือ แช่ผ้าด้วยน้ำส้มสายชูและน้ำเปล่า เป็นเวลา 3 ชั่วโมงแล้วจึงนำมาซัก น้ำส้มสายชูจะช่วยให้กลิ่นอับชื้นของเสื้อผ้าคุณนั้น หายไป
สำหรับ 5 วิธีที่เราแนะนำกันในการกำจัดกลิ่นอับชื้อของเสื้อผ้านั้น เป็นวิธีที่ทำได้ไง และใช้วัตถุดิบที่หาง่ายและมีวางขายตามร้านค้าสะดวกซื้อ อย่างไรก็ตามช่วงหน้าฝนนี้ถ้าไม่อยากให้เสื้อผ้าของเรามีกลิ่นอับชื้น ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการตากฝน หรือโดนละอองฝน แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ลองนำเอาวิธีที่เราแนะนำไปใช้กันดูนะครับ
เครดิต: magazine.orami.co.th