สูตินรีแพทย์ชื่อดัง
โพสต์เกร็ดความรู้การอยู่ไฟ..Thailand Only
เผยความเป็นจริงหลังอยู่ไฟไม่ได้งามหุ่นดีอย่างแม่การะเกด
แต่สภาพเหมือนแม่ผักกระเฉดแห้งเหี่ยวมากกว่า แถมมากับสารพัดโรค
ชี้ประเทศอื่นไม่มีการอยู่ไฟ แล้วทำไมไทยแลนด์ถึงมี
แถมมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว
แม้ว่าละครน้ำดี ที่แฝงความรู้ประวัติศาสตร์อย่าง บุพเพสันนิวาส จะลาจอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เชื่อว่าหลาย ๆ ฉากในละครจะยังคงอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ยกตัวอย่างของฉากแม่การะเกดอยู่ไฟหลังคลอดลูกแฝด ที่ทางทีมงานถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงามและสมจริงมาก ทำให้รับรู้ได้ว่าการอยู่ไฟมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
ทว่า เคยสงสัยหรือไม่ว่า "การอยู่ไฟ" นั้น มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ใครเป็นคนริเริ่ม แล้วประเทศอื่น ๆ
มีการอยู่ไฟกันบ้างหรือเปล่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ (12 เมษายน 2561)
นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์ สูตินรีแพทย์ชื่อดัง
ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับการอยู่ไฟที่บอกเลยว่า Thailand Only
ประเทศอื่นไม่มีการอยู่ไฟนะจ๊ะ
ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีนที่มีวัฒนธรรมยาวนานถึง 4,000 ปี ญี่ปุ่น เกาหลี
อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮอลันลา ก็ล้วนไม่มีการอยู่ไฟ
แล้วใยทำไมกรุงศรีอยุธยาดันมีอยู่ไฟ
รวมถึงความเชื่อที่ว่า อยู่ไฟแล้วคุณแม่หลังคลอดจะกับมาฟิตกระชับ หุ่นดีอย่างแม่การะเกดนั้น ถือเป็นความคิดที่ผิด เพราะความจริงแล้ว ถ้าไฟแรงไป อยู่ในที่อบเกินไป คุณแม่หลังคลอดบางคนก็งอมมาเลย ทั้งปากแห้ง หน้าซีด ตาโบ๋ ผมกรอบฟู สภาพน่าจะเป็นแม่ผักกระเฉดแห้งเหี่ยวมากกว่า และหมอบรัดเลย์ แพทย์ชาวอเมริกันผู้นำวิทยาการการแพทย์ตะวันตกมาเผยแพร่ ยังบอกอีกว่า ยิ่งอยู่ไฟ ยิ่งทำให้จับไข้ เกิดโรคตามมา และในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ยังมีนโยบายที่ชักชวนให้คนไทยเลิกอยู่ไฟ เพราะมองว่านี่คือ "อาชญากรรมอันโหดร้ายทารุณ และโง่เขลาเบาปัญญาที่ผู้หญิง ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้" ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้ผู้หญิงในราชสำนัก เลิกอยู่ไฟแต่ประการใด แต่เมื่อ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถประสูติพระราชโอรส ใน พ.ศ. 2432 พระองค์ได้เลิกการอยู่ไฟ และรักษาตามแบบตะวันตก นั่นจึงทำให้คนในราชสำนักเลิกอยู่ไฟกันมากขึ้น
คิดถึงยามอากาศร้อน ต้องไป ย่างไฟกันอีก (..แถวบ้านผมเรียก ย่าง คงเห็นภาพนะครับ....) แค่คิดก็ปากแห้งเหนียวคอแล้วใช่ไหมครับ ปัจจุบันก็เห็นว่า การแพทย์แผนไทยมีการปรับเปลี่ยน ประยุกต์ให้เหมาะสม ปลอดภัยมากขึ้น ไฟเบาลง ทำไม่นานระยะเวลาเป็นชั่วโมง ไม่ใช่เป็นวัน ๆ เหมือนเมื่อก่อน ... ก็เรียกว่าอยู่ไฟกันเล่น ๆ ก็แล้วกันนะครับ
อย่างไรก็ตามการอยู่ไฟนั้น ปัจจุบันจะเห็นว่าการแพทย์แผนไทยมีการปรับเปลี่ยน ประยุกต์ให้เหมาะสมปลอดภัยมากขึ้น แต่ทั้งนี้การอยู่ไฟ ยังคงเป็นปริศนาของการแพทย์ที่ยังหาต้นตอคนริเริ่มของความเชื่อนี้ที่มีแค่ Thailand Only ยังไม่ได้เลย
ภาพจาก Broadcast Thai Television, mello.me
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์
แม้ว่าละครน้ำดี ที่แฝงความรู้ประวัติศาสตร์อย่าง บุพเพสันนิวาส จะลาจอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เชื่อว่าหลาย ๆ ฉากในละครจะยังคงอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ยกตัวอย่างของฉากแม่การะเกดอยู่ไฟหลังคลอดลูกแฝด ที่ทางทีมงานถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงามและสมจริงมาก ทำให้รับรู้ได้ว่าการอยู่ไฟมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
รวมถึงความเชื่อที่ว่า อยู่ไฟแล้วคุณแม่หลังคลอดจะกับมาฟิตกระชับ หุ่นดีอย่างแม่การะเกดนั้น ถือเป็นความคิดที่ผิด เพราะความจริงแล้ว ถ้าไฟแรงไป อยู่ในที่อบเกินไป คุณแม่หลังคลอดบางคนก็งอมมาเลย ทั้งปากแห้ง หน้าซีด ตาโบ๋ ผมกรอบฟู สภาพน่าจะเป็นแม่ผักกระเฉดแห้งเหี่ยวมากกว่า และหมอบรัดเลย์ แพทย์ชาวอเมริกันผู้นำวิทยาการการแพทย์ตะวันตกมาเผยแพร่ ยังบอกอีกว่า ยิ่งอยู่ไฟ ยิ่งทำให้จับไข้ เกิดโรคตามมา และในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ยังมีนโยบายที่ชักชวนให้คนไทยเลิกอยู่ไฟ เพราะมองว่านี่คือ "อาชญากรรมอันโหดร้ายทารุณ และโง่เขลาเบาปัญญาที่ผู้หญิง ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้" ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้ผู้หญิงในราชสำนัก เลิกอยู่ไฟแต่ประการใด แต่เมื่อ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถประสูติพระราชโอรส ใน พ.ศ. 2432 พระองค์ได้เลิกการอยู่ไฟ และรักษาตามแบบตะวันตก นั่นจึงทำให้คนในราชสำนักเลิกอยู่ไฟกันมากขึ้น
คิดถึงยามอากาศร้อน ต้องไป ย่างไฟกันอีก (..แถวบ้านผมเรียก ย่าง คงเห็นภาพนะครับ....) แค่คิดก็ปากแห้งเหนียวคอแล้วใช่ไหมครับ ปัจจุบันก็เห็นว่า การแพทย์แผนไทยมีการปรับเปลี่ยน ประยุกต์ให้เหมาะสม ปลอดภัยมากขึ้น ไฟเบาลง ทำไม่นานระยะเวลาเป็นชั่วโมง ไม่ใช่เป็นวัน ๆ เหมือนเมื่อก่อน ... ก็เรียกว่าอยู่ไฟกันเล่น ๆ ก็แล้วกันนะครับ
อย่างไรก็ตามการอยู่ไฟนั้น ปัจจุบันจะเห็นว่าการแพทย์แผนไทยมีการปรับเปลี่ยน ประยุกต์ให้เหมาะสมปลอดภัยมากขึ้น แต่ทั้งนี้การอยู่ไฟ ยังคงเป็นปริศนาของการแพทย์ที่ยังหาต้นตอคนริเริ่มของความเชื่อนี้ที่มีแค่ Thailand Only ยังไม่ได้เลย
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์