เปิดความในใจ “เพชรา เชาวราษฎร์” เอาเงินค่าตัวบริจาคให้มูลนิธิคนมองไม่เห็น

เปิดความในใจ “เพชรา เชาวราษฎร์” เอาเงินค่าตัวบริจาคให้มูลนิธิคนมองไม่เห็น

ทางด้านนางเอก นัยน์ตาหยดน้ำผึ้ง คุณ เพชรา เชาวราษฎร์ ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปีในช่วง 2561 ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งและสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองและคนทั่วไป

สำหรับนางเอกขวัญใจมหาชนในช่วงยุคมิตรชัยบัญชา เพชรา เชาวราษฎร์ ซึ่งภายหลังจากการที่เสียตาทั้งสองข้าง พวกเราแทบจะไม่เห็นเธอปรากฏตัวที่ไหนอีกเลย

จนเมื่อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอเริ่มทำงานช่วยเหลือสังคม พร้อมกับให้สัมภาษณ์กับสื่อ “นิตยสารแพรว” ทำให้เราได้รู้ความจริงในใจของเธอ ที่หลายคนอาจไม่เคยจะรู้มาก่อน

6 ความในใจที่คุณอาจไม่เคยรู้

1. ชาตินี้หมดหวังที่จะมองเห็นได้อีก”

“ดิฉันไม่เคยหมดหวังที่จะมองเห็น เพราะอยากกลับไปออกงานสังคมอีกครั้ง แต่เช็กครั้งสุดท้ายพบว่า ชาตินี้หมดหวังที่จะมองเห็นได้อีก ก็เลยทำใจ ดิฉันยังโชคดีที่มีคนให้กำลังใจ มีที่อยู่อาศัย มีหลักกำบังแดดฝน ให้ความอบอุ่น คุณชรินทร์ นันทนาคร ก็ดูแลเป็นอย่างดี”

2. สนับสนุนมูลนิธิเกี่ยวกับดวงตา บริจาคเงิน”

“ในเมื่อยังไม่ถึงที่.. ก็ตั้งใจว่าอยากทำประโยชน์ให้สังคม หรือที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดิฉันมีความในใจติดอยู่ ตั้งแต่คุณชรินทร์ปรารภว่า จะเปิด ‘มูลนิธิดวงตาเพชรา เชาวราษฎร์’ แต่ไม่สำเร็จสักที เพราะในความเป็นจริงมีกระบวนการในการจัดตั้งมูลนิธิอีกมากมาย จนเมื่อมีคนถามมากๆ ทำให้ดิฉันรู้สึกอาย เมื่อเครื่องสำอางมิสทินติดต่อให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยจะสนับสนุนมูลนิธิเกี่ยวกับดวงตา ดิฉันจึงตอบตกลงทันที โดยนำเงินค่าตัว 5,000,000 บาท บริจาคให้มูลนิธิคน ต า บ อ ด ในพระบรมราชินูปถัมภ์”

เมื่อครั้งเป็นนางเอกขวัญใจมหาชน ที่ไม่อาจมีใครเทียบรัศมีได้

3. รณรงค์เรื่องตับ”

“หลังจากถ่ายโฆษณามิสทินเสร็จสิ้นไปสิบปีที่แล้ว เพชราก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านย่านรามคำแหง ไปทำบุญที่วัดบ้าง แต่เพราะได้ยินข่าวคนวงการบันเทิงจากไปด้วย โ ร ค ตั บ เช่น คุณดอน จมูกบาน, คุณสายัณห์ สัญญา และคุณยอดรัก สลักใจ ฯลฯ ในฐานะที่เราเป็นคนวงการบันเทิงคนหนึ่ง จึงตอบรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ ‘ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคตับ’ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อรณรงค์ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของตับ

4. แทบเอาชีวิตไม่รอด”

“ย้อนไปราวปี 2520 ดิฉันผ่านความเจ็บป่วยที่สุดจนแทบเอาชีวิตไม่รอด เพราะมีอาการแพ้ยารุนแรง ถึงขั้นผมร่วง ตัวบวม หายใจลำบาก กลืนน้ำไม่ได้ พยายามบริหารร่างกายด้วยการว่ายน้ำ แต่แทนที่ร่างกายจะแข็งแรง กลับหนักกว่าเก่า หมอบอกว่าต้องรอเวลา 7 เดือนหรือ 1 ปีจึงจะหาย ปรากฏว่าอาการมีแต่ทรงกับทรุด รู้สึกทรมานมาก รำพึงถึงคนนั้นคนนี้ตามประสาคนป่วย ที่อยากหาคนปลอบใจ ให้กำลังใจ เพราะเวลานั้นดิฉันอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวเลย พร้อมกับตาที่ค่อยๆมืดลง ระหว่างนั้นก็ฟุ้งซ่านว่าหากคนรอบข้างรับเราไม่ได้ แล้วจะอยู่อย่างไร อย่าว่าแต่เพื่อนฝูงเบื่อเลย ดิฉันยังรับตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงสอนว่าการทำให้ตัวเองจากไปเป็นบาป ทางเดียวก็คือต้องรักษาให้ถึงที่สุด สุดท้ายก็หาย”

5. ขอบคุณทุกท่านที่ยังไม่ลืม”

เพชรา เชาวราษฎร์ ยังให้กำลังใจทุกครั้งที่เจอกัน ดิฉันอยากเห็นหน้าคนที่รักกันทุกคนเลย และพยายามไม่ทุกข์แล้ว ให้กำลังใจตัวเองอยู่ตลอดเหมือนกัน ด้วยการไหว้พระสวดมนต์ ใช้เวลาแต่ละวันหมดไปกับการฟังสารคดี ละคร รายการต่างๆ รวมทั้งฟังข่าวสารการเมือง ข่าวบันเทิง ข่าวชาวบ้าน แม้กระทั่งสภาพอากาศก็ฟัง แล้วเราก็นั่งจินตนาการไปตามเรื่องราว รู้สึกมีชีวิตชีวา เหมือนเราได้เห็นภาพจริงๆ”

6. อย่าลืมรักษาสุขภาพ”

เพราะทำให้ชีวิตมีความสุข หมั่นดูแลคนในครอบครัว เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าลืมดูตัวเองด้วยว่ารับไหวไหม หากประมาทจะเหมือนเพชรานี่ละ ที่ยังฝืนรับงานทั้งที่ร่างกายไม่ไหว ด้วยความเกรงใจผู้สร้างภาพยนตร์มากกว่ารักตัวเอง จนต้องสูญเสียดวงตา ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ หากเจ็บป่วย ก็รักษาไปตามโรคที่เป็น  อย่าท้อถอย ท้อแท้ อย่าหมดอาลัย กำลังใจสามารถสร้างขึ้นเองได้ เหมือนอย่างที่เพชราทำมาตลอดชีวิต”

ขอบคุณหัวใจที่งดงามของนางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้งคนนี้ ‘เพชรา เชาวราษฎร์’ ที่ตั้งใจทำเพื่อผู้อื่นเสมอมา และขอแสดงความยินดีกับการได้รับตำแหน่งที่ทรงเกียรติของประเทศ ในฐานะศิลปินแห่งชาติปี 2561 ค่ะ

ขอขอบคุณ : praew, FB เพชรา เชาวราษฏร์, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์