ชอบทำบุญ แต่ “ไร้น้ำใจ” มิใช่เป็นเรื่องแปลก ในสังคมไทย
เป็นอีกหนึ่งบทความ ที่อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและลองพิจารณาดูว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จริงน้อยเพียงใด และท่านคิดอย่างไร
โดยเรื่องนี้มีอยู่ว่า คุณนายแก้ว เธอเป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งหนึ่ง
คุณนายแก้ว ชอบทำบุญมาก เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าทอดกฐินอยู่เนืองๆ
ใครมาบอกบุญสร้างโบสถ์วิหารที่ไหน ไม่เคยปฏิเสธ เธอปลื้มปิติมาก
ที่ถวายเงินนับแสน สร้างหอระฆัง ถวายวัดข้างโรงเรียน
แต่เมื่อได้ทราบว่านักเรียนคนหนึ่ง ไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน
ค้างชำระมาสองเทอมแล้ว เธอตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้นออกจากโรงเรียนทันที
ขณะที่ สายใจ พาป้าวัย ๗๐ และเพื่อนซึ่งมีขาพิการไปถวาย ภัตตาหารเช้า
ที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าอาวาส เป็นที่ศรัทธานับถือ ของประชาชนทั่วประเทศ
เช้าวันนั้น มีคนมาทำบุญคับคั่ง จนลานวัดแน่นขนัดไปด้วยรถ
เมื่อได้เวลาพระฉัน ญาติโยมก็พากันกลับ สายใจพาหญิงชรา และ เพื่อนผู้พิการ
เดินฝ่าแดดกล้า ไปยังถนนใหญ่ เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน
ระหว่างนั้นมีรถเก๋งหลายสิบคัน แล่นผ่านไป แต่ตลอดเส้นทางเกือบ 3 กิโลเมตร
ไม่มีผู้ใจบุญคนใด รับขึ้นรถเพื่อ ไปส่งถนนใหญ่เลย
เหตุการณ์ทำนองนี้ มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาด ในสังคมปัจจุบันของเรา
ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ เป็นพฤติกรรม ที่พบเห็นได้ทั่วไป
ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เรานับถือศาสนากันอย่างไร
จึงมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาก เหตุใดการนับถือศาสนา
จึงไม่ช่วยให้คนมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยาก
การทำบุญ ไม่ช่วยให้เรามีเมตตา รู้จักแบ่งปัน หรือ กรุณาต่อผู้อื่นเลย
หากสังเกตดีๆ จะพบว่า การทำบุญของเรานั้น มักจะกระทำต่อสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน
เช่น พระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม พระพุทธเจ้า เป็นต้น
แต่กับสิ่งที่ถือว่าอยู่ต่ำกว่าตน เช่น คนยากจน หรือสัตว์น้อยใหญ่ เรากลับละเลยกันมาก
แม้แต่เวลาไปทำบุญที่วัด เราก็มักละเลยสามเณร แม่ชี และ พระบวชใหม่ แต่กุลีกุจอเต็มที่ กับพระที่มีชื่อเสียง
อะไรทำให้เราชอบทำบุญ กับสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน
ใช่หรือไม่ว่า เป็นเพราะเราเชื่อว่าสิ่งสูงส่งเหล่านั้น สามารถบันดาลความสุข
หรือให้สิ่งดี ๆ ที่พึงปรารถนาแก่ราได้ เช่น ถ้าทำอาหารถวายพระ บริจาคเงินสร้างวัด หรือพระพุทธรูป
ก็จะได้รับความมั่งมีศรีสุข มีอายุ วรรณะ สุข พละ หรือ ช่วยให้มีความสุขสบายมากขึ้น ในชาติหน้า
ดังนั้น ยิ่งทำบุญด้วยท่าทีแบบนี้ ก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น เพราะ
ไม่ได้ทำด้วยจิตใจที่เป็นบุญ แต่ทำบุญเพราะหวังผล หวังแต่จะได้คืนมามากกว่า
ผลคือจิตใจยิ่งคับแคบ ความเมตตา กรุณาต่อผู้อื่น มีแต่จะน้อยลง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การทำบุญแบบนี้ กลับจะทำให้ได้บุญน้อยลง
ดังนั้น เมื่อใดที่เราเห็นคนทุกข์ยาก ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหน
อย่าได้เบือนหน้าหนี ขอให้เปิดใจรับรู้ความทุกข์ของเขา แล้วถามตัวเองว่า
เราจะช่วยเขาได้หรือไม่
เพราะนี้คือโอกาสดีที่เราจะได้ทำบุญ ลดละอัตตาตัวตน จิตที่เป็นกุศล จึงจะได้บุญอย่างแท้จริง