Home »
ข่าว
»
เตรียมแล้ว ยกเลิกเงินรางวัลค่าปรับ เปลี่ยนเป็นเป็นโอทีต่อชั่วโมง หมดปัญหาส่วนแบ่ง
เตรียมแล้ว ยกเลิกเงินรางวัลค่าปรับ เปลี่ยนเป็นเป็นโอทีต่อชั่วโมง หมดปัญหาส่วนแบ่ง
สวัสดีจ้าวันเรามีเรื่องราวที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับสิ่งที่ทุกคนนั้นต้องเคยมาเเน่ๆเลยทีเดียวนั้นเองซึ้งเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ
ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านงานจราจร นั้นเอง
เพราะว่าตอนได้มีจ่อที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ
การจ่ายค่าปรับนั้นก็คือยกเลิกการปรับค่าปรับนั้นเองซึ้งเรื่องราวทั้งหมดนั้นจะเป็นอย่างไรไปฟังพร้อมกันเลยจ้า
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา (รองผบช.ศ.)
ในฐานะคณะ ก s s ಖ การแก้ไข ก ฎ ห ม า ย จราจร
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ก ล่ า ว ว่า ตามที่
สตช.มีแนวคิดที่จะยกเลิกเงินรางวัลค่าปรับ พ.ร.บ.จราจรทางบก
โดยที่ผ่าuมามีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์
เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมบัญชีกลางกำหนด
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ก ล่ า ว ต่อว่า
สำหรับรายละเอียดที่ได้ทำการศึกษาไว้นั้uมีดัง ยกเลิกรางวัลนำ จั บ
โดยคิดค่าตอบเป็นค่าล่วงเวลา(โอที)แทนในอัตราชั่วโมงละ 50 บาท
โดยตามระเบียบจะให้โอทีได้ไม่เกินวันละไม่เกิน 4 ชั่วโมง
รวมเป็นเงินโอทีต่อเดือนสูงสุดไม่เกิน 7,400 บาท
จากเดิมที่ให้การให้เงินรางวัลค่าปรับแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและฝ่ายอำนวยการที่ชั้น
ย ศ ไม่เกินพันตำรวจโท ได้ไม่เกิน 10,000 ต่อคนต่อเดือน
ส่ววนการส่งเงินค่าปรับยังคงส่งให้ท้องถิ่นร้อยละ 50
และส่งให้เป็นเงินรายได้แผ่นดินร้อยละ 5
ส่วนที่เหลือจากเดิมที่เป็นเงินรางวัลของเจ้าหน้าที่ก็จะปรับมาเป็นส่งให้คลังแล้วขอจัดสรร
คื u มาเพื่อใช้งานในเรื่องการบริหารจัดการงานจราจรทั่วประเทศ
ซึ่งจะต้องพิจารณาก่อนว่ามีการตั้งเป็นกองทุนหรือหรือในรูปแบบใดที่เหมาะสม
ทั้งแนวทางดัง ก ล่ า ว
ยังจะต้องรอคณะทำงานสรุปและพิจารณาเห็นชอบในหลักการอีกครั้ง
ซึ่งรายละเอียดที่ได้ศึกษาไว้จะนำเข้าที่ประชุมในวันที่ 7 มิ.ย.
โดยทางพล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม จะเป็นประธานการประชุม
เพื่อพิจารณาผลการศึกษาดัง ก ล่ า ว
และตรวจสอบรายละเอียดให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อน จากนั้นตามขั้นตอน
จะเสนอผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เซ็นอนุมัติเห็นชอบ
และส่งเรื่องไปยัง ก ร ะ ท ร ว ง การคลังเพื่อขอแก้ไขระเบียบ
ก็จะสามารถประกาศใช้ได้
เป็นอย่างไรกันบ้างเกี่ยวกับข้อมูลดัง ก ล่ า ว ถ้าชอบอย่าลืมกดไลค์หรือกดเเชร์นะคะ
ขอบคุณที่มา : https://bit.ly/2Zb1eeD