ไม่เพียงแต่ซัมซุงผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนในเมืองไทยเท่านั้นที่เตรียมส่ง ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ เพราะแม้แต่น้องใหม่ในตลาดสมาร์ทโฟนอย่างเลอโนโว ก็พร้อมที่จะส่งมือถือเข้ามาท้าชิงเช่นกัน โดยตั้งเป้าจะนำเสนอสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมากถึง 30-40 รุ่นในปีนี้ เพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาดในเมืองไทยให้เพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.5% เช่นเดียวกับไอ-โมบาย มือถือแบรนด์ไทยที่พร้อมนำเสนออีกหลากหลายรุ่น และเพิ่มช่องทางการขายที่จะช่วยเจาะตลาดเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน จีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปิดตัวสมาร์ทโฟนเลอโนโวที่ผ่านมา ยังเป็นเครื่องที่สามารถรองรับการใช้งาน 3G ความถี่ 900 MHz และ 2100 MHz เท่านั้น แต่เนื่องจากตลาดในเมืองไทยมีผู้ใช้งาน 3G ความถี่ 850 MHz เป็นจำนวนมากเช่นกัน เลอโนโวจึงได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Lenovo Vibe Z เพื่อรองรับความถี่ดังกล่าว ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้เป็นที่รับรู้ว่าสมาร์ทโฟนของเลอโนโวรองรับทุกคลื่นความถี่ ***เลอโนโวพร้อมรบเพิ่มส่วนแบ่งรายได้มือถือ เดิมผู้บริโภคมักคุ้นเคยชื่อเลอโนโวในฐานะแบรนด์คอมพิวเตอร์ และมีแท็บเล็ตออกมาให้ได้งานกันอย่างประปราย แต่นับจากนี้เลอโนโวจะกลายเป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์มือถือ เพราะจะหันมาบุกตลาดอย่างจริงจัง โดยนอกจากจะตั้งเป้าหมายที่จะก้าวสู่อันดับที่ 3 ของแบรนด์มือถือในเมืองไทยในอีก 2 ปีข้างหน้านี้แล้ว ยังจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากมือถือที่ปัจจุบันมีอยู่ 30% เป็น 50% ของยอดขายรวมทั้งหมด 'จริงๆ แล้วในตลาดโลก เลอโนโวมีโทรศัพท์มือถือจำหน่ายมากว่า 2 ปี แล้ว โดยมียอดขายมากกว่า 14 ล้านเครื่อง และมีอัตราการเติบโตมากถึง 47% ในปีที่ผ่านมา และมีส่วนแบ่งการตลาดในลำดับที่ 4 ของแบรนด์ทั่วโลก ส่วนประเทศไทยเพิ่งจะแนะนำตัวไปเมื่อไตรมาส 3 ของปี 2556 และมียอดขายสะสมกว่า 20,000 เครื่อง' ด้านการตลาดเพื่อให้ผู้บริโภครู้จักได้อย่างรวดเร็วนั้นส่วนหนึ่งได้ ร่วมมือกับทรูมูฟเอช ในการทำตลาดมือถือรุ่น Lenovo Vibe Z ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด และเป็นรุ่นแรกของเลอโนโวที่รองรับ 4G LTE โดยมาพร้อมกับแพกเกจโปรโมชันที่มีราคาจูงใจ เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งาน หลังจากที่คุ้นเคยกับความเป็นแบรนด์คอมพิวเตอร์มาก่อนหน้านี้ Lenovo Vibe Z รองรับการส่งผ่านข้อมูลแบบ LTE ให้กำลังอัปโหลดสูงถึง 50 Mbit/sและ150 Mbit/s สำหรับการดาว์นโหลด รองรับเครือข่ายระบบ 4G LTE GSM/UMTS ความถี่ 2100 MHz เชื่อมต่อ WiFi 802.11ac และบลูทูธแบบ 4.0หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 5.5 นิ้ว IPS Full HD 1920x1080 ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 Quad-core ความเร็ว 2.2 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการบนระบบAndroid 4.3 Jelly Bean นอกเหนือไปจากความร่วมมือกับ โอเปอเรเตอร์แล้ว เลอโนโวยังได้เตรียมลงทุนทางด้านช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีก และคาดว่าจะใช้งบประมาณในการส่งเสริมการขายกับตัวแทนจำหน่ายที่ได้ทำการแต่ง ตั้งไว้ประมาณ 500 ล้านบาท ด้วยการมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ในแบรนด์ โดยจะมีการจัดทำดิสเพลย์ ที่จุดขาย และกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่นๆ ถึงแม้ตลาดในกรุงเทพฯจะอ่อนแรงลงไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นตลาดหลักของเลอโนโว ในขณะที่ตลาดต่างจังหวัดนั้น เลอโนโวก็พร้อมที่จะบุกมากขึ้นเช่นกันเพราะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยไอดีซีคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะมียอดขายมือถือทั้งสิ้นประมาณ 18-19 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้จะเป็นสมาร์ทโฟนถึง 12-13 ล้านเครื่อง ซึ่งการที่เลอโนโวเป็นแบรนด์ใหม่ของตลาด ดังนั้นการเข้ามาในครั้งนี้จึงถือว่ายังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก 'เลอโนโวกำหนดไลฟ์ไซเคิลของสินค้าไว้ที่ประมาณ 4 เดือนจึงจะออกรุ่นใหม่ๆ ออกมา จึงไม่จำเป็นต้องตั้งราคาไว้สูงเพื่อรอให้ลดลงในภายหลัง สามารถนำเสนอราคาที่สมเหตุสมผล และการนำเสนอสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดนั้นจะมีทุกรุ่นทุกราคาเพื่อตอบสนองได้ตรงทุกกลุ่มเป้าหมายและจะ มีสินค้าเรือธงในแต่ละเซ็กเมนต์ คาดว่าในปลายไตรมาสนี้จะเห็นสมาร์ทโฟนราคาต่ำกว่า 2,000 บาท' | |||
แบรนด์อันดับ 1 ของ ไทยอย่างซัมซุง แม้จะไม่บอกว่าจะมีมือถือออกใหม่กี่รุ่น เพราะในแต่ละเดือนซัมซุงต่างมีผลิตภัณฑ์นำเสนอออกมาอย่างหลากหลาย พร้อมด้วยโปรชันที่ทำร่วมกับโอเปอเรเตอร์ค่ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในปีนี้ซัมซุงจึงได้เตรียมให้ความรู้กับตลาดเกี่ยวกับเทคโนโลยี มากกว่า ซึ่งวิชัย พรพระตั้ง รองประธานธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า นับจากนี้ซัมซุงจะเน้นการสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคในการใช้งานมือถือที่ ถูกต้อง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้งานสินค้าที่ซื้อไปได้อย่างคุ้มค่า 'ปัจจัยบวกจากการเปลี่ยน เครือข่ายจาก 2G มาเป็น 3G ทำให้ผู้บริโภคต้องหันมาใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น ทำให้ซัมซุงมองเห็นว่าการจะเปลี่ยนการใช้งานจากฟีเจอร์โฟนดังกล่าวต้องได้ รับการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี ซัมซุงจึงได้สร้างการเรียนรู้ด้วยการจัดให้มีการสอนการใช้งานสมาร์ทโฟนแอนดร อยด์ และแนะนำการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ เพราะปัจจุบันยังมีผู้ใช้งานฟีเจอร์โฟนอยู่เป็นจำนวนมาก' นอกจากนี้ซัมซุงจะเน้นนำคอนเทนต์ที่ตอบสนองสำหรับคนไทย โดยทำการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจึงสามารถนำเสนอน วัตกรรมใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี เพราะในตลาดที่มีการแข่งขันสูงการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าถือเป็น ข้อได้เปรียบ ซึ่งซัมซุงมองว่าหากขายสินค้าที่มีราคาสูง คอนเทนต์ต้องดีด้วย และที่สำคัญผู้จ่ายต้องใช้เป็นทุกฟีเจอร์ นับจากนี้นอกจากสมาร์ทโฟนจอใหญ่ที่จะเน้นนำเสนออย่างต่อเนื่องแล้ว คอนเทนต์และนวัตกรรมใหม่ๆ จะเป็นสิ่งที่ซัมซุงเน้นใส่เข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี NFC อันเป็นเทคโนโลยีในการรับส่งข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อแบบไร้สาย สามารถใช้โทรศัพท์แทนเงินสดได้ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการนำไปใช้ในธุรกิจที่หลากหลาย หรือแม้แต่เทคโนโลยีอย่าง LTE ซึ่งก็มีในมือถือของซัมซุงแล้วหลายรุ่นเช่นกัน ดังนั้นจากนี้แอปพลิเคชันและคอนเทนต์จะเป็นปัจจัยหลักในการนำเสนอสมาร์ทโฟน ของซัมซุง | |||
ไอ-โมบาย ทางเลือกของผู้บริโภค ที่อยากได้สมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าในราคาไม่แพง มีให้เลือกตั้งแต่ระดับราคาเพียง 3-4 พันบาทเท่านั้น แต่นับจากนี้นอกเหนือไปจากการนำเสนอสมาร์ทโฟนราคาประหยัดแล้ว ไอ-โมบายจะเน้นการนำเสนอมือถือทรงพลัง หน้าจอใหญ่ มาจำหน่ายมากขึ้น รวมไปถึงจะเน้นการขายมือถือพรีเมียมอย่างจริงจัง ผ่านช่องทางจำหน่ายที่ในปีนี้ยังคงเน้นเจาะหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็นช่อง ทางหลักอย่าง การขายผ่านตู้มือถือโมเดิร์นเทรด การจับมือกับโอเปอเรเตอร์เพื่อทำตลาดแล้ว ไอ-โมบายยังได้เตรียมขายผ่านช่องทางอย่างอีคอมเมิร์ซ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทดลองไปแล้วกับเว็บของไอ-โมบายเอง รวมไปถึงช่องทางอื่นๆ อย่าง Lazada และจะมีการขยายไปสู่ช่องทางอีคอมเมิร์ซอื่นๆ ต่อไป สุภสิทธิ์ รักกสิกร หัวหน้าคณะผู้บริหารการตลาด บริษัท สามารถไอ-โมบาย กล่าวว่า ในปีนี้ไอ-โมบายจะนำเสนอมือถือรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดประมาณ 40-60 รุ่น โดยจะเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ฟีเจอร์ใหม่ที่เหมาะกับคนไทยมากขึ้น อย่างเช่นล่าสุดที่ได้นำเสนอ IQ X OCTO ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีหน่วยประมวลผลพร้อมกัน 8 คอร์ ซีพียู 1.7 GHz มาพร้อมกับกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 18 ล้านพิกเซล เป็นต้น และในปีนี้ผู้บริโภคจะได้เห็นมือถือทรงพลังอีกหลายรุ่น นอกจากนี้ยังมีในส่วนของแท็บเล็ตก็จะมีการนำเสนอเพิ่มขึ้นเช่นกัน และเปลี่ยนจากชื่อ ไอโน้ตเป็นไอแท็บ โดยจะจัดเป็นกลุ่มการใช้งานอย่างเช่น ไอแท็บที่ใช้เล่นเกม ไอแท็บที่ใช้ดูทีวี เป็นต้น ทั้งนี้คาดว่ายอดขายตลอดทั้งปีจะอยู่ที่ 4 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 3.7 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นมือถือสมาร์ทโฟน 60% ฟีเจอร์โฟน 30% และแท็บเล็ต 10% และผู้บริโภคจะได้เห็นมือถือควอดคอร์ในราคาเพียง 4 พันบาท โดยไอ-โมบายตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 13,000 ล้านบาท ทั้ง3 แบรนด์มือถือนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตลาดสมาร์ทโฟนในเมืองไทยเท่านั้น แต่ก็นับได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ตลาดนี้มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อ เนื่อง และคาดว่าไม่ต้องรอไปจนถึงปลายปีถึงจะเห็นสงครามที่ร้อนแรงแบบที่ห้ามกระ พริบตา เพราะเพียงแค่ครึ่งปีแรกความระอุของตลาดนี้ก็คงเริ่มเด่นชัดขึ้นแล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน แต่มีความต้องการเดียวกันคือสร้างยอดขายให้ได้ตามที่ตั้งไว้ ยังไม่นับรวมมือถือที่คุ้นเคยอย่างโนเกีย ที่กำลังจะนำเสนอระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เข้ามาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะเข้ามาตอกย้ำความร้อนแรงของการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนไทย |
http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000020693