คุณยายเจ้าของที่ดินโรงพยาบาลปากเกร็ด
เผยภูมิใจมากที่โรงพยาบาลสร้างเสร็จ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
ถวายที่ดินด้วยมือตนเองกับพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพฯ
จากกรณีข่าวสองตายายน้ำใจประเสริฐ บริจาคที่ดินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท กับเงินสดอีก 2 ล้านบาทให้กับโรงพยาบาลเพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์ และช่วย 1 ล้านบาทสร้างห้องพิเศษ สร้างโรงพยาบาลปากเกร็ด ส่งต่อการให้ แม้ปิดทองหลังพระ ซึ่งทาง ผอ.โรงพยาบาล เผยจะตอบแทนให้ดีที่สุด ดูแลเหมือนญาติผู้ใหญ่ เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณของชาวปากเกร็ด
คุณยายชม้อย เปิดเผยว่า ที่ดินที่ตนบริจาคนั้นเป็นมรดกแม่ และแม่ได้สั่งเสียไว้ว่าห้ามขายเด็ดขาด ทั้งนี้ตนแก่แล้วไม่มีลูก และไม่อยากขายที่ดิน ในครั้งแรกจึงคิดบริจาคเพื่อสร้างอนามัย แต่น้องชายที่ขณะนี้เสียชีวิตไปแล้ว เคยทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอว่าให้บริจาคสร้างโรงพยาบาลดีกว่า ชาวบ้านจะได้มารักษาเวลาที่ไม่สบาย ตนก็เห็นด้วย จากนั้นน้องชายเป็นคนเดินเรื่องมอบที่ดินทั้งหมดโดยได้พาไปถวายแด่สมเด็จพระเทพฯ ด้วยมือตนเอง สร้างความภูมิใจให้ตนอย่างมาก
คุณยายชม้อย เล่าว่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งสร้างโรงพยาบาลแต่เจอปัญหาน้ำท่วมจึงได้มาสร้างอย่างจริงจังเมื่อปี 2557-2558 ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยและเปิดให้บริการแล้ว ตนไม่ได้ต้องการให้รู้ว่าเป็นคนบริจาค ซึ่งหลังจากบริจาคทางโรงพยาบาลดูแลให้ตลอดทั้งค่ารักษา หรือถ้าไปโรงพยาบาลอื่นก็มีเจ้าหน้าที่มารับมาส่งดูแลให้ตลอด ตนรู้สึกภูมิใจมาก ดีใจที่สร้างเสร็จจนน้ำตาไหลที่ประชาชนจะได้ใช้รักษาอีกมากมาย
จากกรณีข่าวสองตายายน้ำใจประเสริฐ บริจาคที่ดินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท กับเงินสดอีก 2 ล้านบาทให้กับโรงพยาบาลเพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์ และช่วย 1 ล้านบาทสร้างห้องพิเศษ สร้างโรงพยาบาลปากเกร็ด ส่งต่อการให้ แม้ปิดทองหลังพระ ซึ่งทาง ผอ.โรงพยาบาล เผยจะตอบแทนให้ดีที่สุด ดูแลเหมือนญาติผู้ใหญ่ เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณของชาวปากเกร็ด
ล่าสุดวันที่ 2 ธันวาคม 2559
มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (1 ธันวาคม) เวลาประมาณ 17.30 น.
ผู้สื่อข่าวเวิร์คพ้อยท์ทีวี ได้เดินทางเข้าพบ นายสวิง ทองคำ อายุ 80 ปี
และนางชม้อย ทองคำ อายุ 87 ปี คุณตาคุณยายผู้ปิดทองหลังพระ
บริจาคที่ดินสร้างโรงพยาบาล
โดยบ้านพักของคุณตาคุณยายนั้น
เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกใต้ถุนสูง
อยู่กลางสวนด้านหลังโรงพยาบาลปากเกร็ดแห่งใหม่
ภายในบ้านรายล้อมไปด้วยพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ส่วนข้างของเครื่องใช้เป็นแบบชาวบ้านสมัยก่อน และมีการหุงข้าว
ทำกับข้าวด้วยฟืน อาศัยเก็บผักในสวนรับประทาน
เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านมีเพียงตู้เย็นเก่า ๆ และพัดลม
คุณตาคุณยายใช้วิธีรับฟังข่าวสารจากวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า 1 เครื่องคุณยายชม้อย เปิดเผยว่า ที่ดินที่ตนบริจาคนั้นเป็นมรดกแม่ และแม่ได้สั่งเสียไว้ว่าห้ามขายเด็ดขาด ทั้งนี้ตนแก่แล้วไม่มีลูก และไม่อยากขายที่ดิน ในครั้งแรกจึงคิดบริจาคเพื่อสร้างอนามัย แต่น้องชายที่ขณะนี้เสียชีวิตไปแล้ว เคยทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอว่าให้บริจาคสร้างโรงพยาบาลดีกว่า ชาวบ้านจะได้มารักษาเวลาที่ไม่สบาย ตนก็เห็นด้วย จากนั้นน้องชายเป็นคนเดินเรื่องมอบที่ดินทั้งหมดโดยได้พาไปถวายแด่สมเด็จพระเทพฯ ด้วยมือตนเอง สร้างความภูมิใจให้ตนอย่างมาก
คุณยายชม้อย เล่าว่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งสร้างโรงพยาบาลแต่เจอปัญหาน้ำท่วมจึงได้มาสร้างอย่างจริงจังเมื่อปี 2557-2558 ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยและเปิดให้บริการแล้ว ตนไม่ได้ต้องการให้รู้ว่าเป็นคนบริจาค ซึ่งหลังจากบริจาคทางโรงพยาบาลดูแลให้ตลอดทั้งค่ารักษา หรือถ้าไปโรงพยาบาลอื่นก็มีเจ้าหน้าที่มารับมาส่งดูแลให้ตลอด ตนรู้สึกภูมิใจมาก ดีใจที่สร้างเสร็จจนน้ำตาไหลที่ประชาชนจะได้ใช้รักษาอีกมากมาย