ข่าว Edit แค่โพสต์เห็นด้วยกับปชช.!! "พ.ต.ท.เอกราช" งานเข้าหนัก ถูกสั่งห้ามคุยสื่อเด็ดขาด ให้ส่งหนังสือชี้แจงด่วนงานนี้อาจโดนลงโทษแน่ ปชช.ว่าไง!? วันที่ 5 เมย.60 จากกรณีที่ พ.ต.ท.เอกราช หุ่นงาม สว.อก.สภ.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับกฎหมายห้ามนั่งกระบะท้ายรถปิกอัพจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดในโลกโซเชียลฯ จนกระทั่งมีการแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก นั้น ได้ระบุข้อความว่า “การออกกฎหมาย ไม่ควรก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับชีวิตคน ดังนั้น ควรรับฟังเหตุผลของคนทุกระดับชั้น ว่าออกแบบไหนเขารับได้หรือออกแบบไหนเขาจะเดือดร้อน เพราะถ้าคนชั้นสูงและร่ำรวยออกกฎหมายจะคิดไม่ถึงถึงความลำบากของคนจน และถ้าออกโดยคนจนล้วนๆก็จะไม่รู้ถึงภาพกว้างในสังคมระดับใหญ่ ที่สำคัญการออกกฎหมายควรกำหนดเป้าหมายความต้องการให้ชัดเจนหลายๆด้านแล้วนำมาประชุมหารือสรุปว่าจะเอาด้านไหนที่เหมาะสมที่สุดเช่น จะเอาเป็นผลประโยชน์ด้านทรัพย์สินเข้าส่วนรวม หรือจะเอาประโยชน์ด้านความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นหลัก เหมือนครั้งหนึ่งเคยบอกให้รวมๆกันไปรถคันเดียวหลายๆคนเพื่อนลดรถบนถนนจราจรจะได้ไม่ติดขัดและเป็นการประหยัดน้ำมันช่วยชาติ แต่ตอนนี้ห้ามนั่งรถเกินสี่คนต่อคันรวมถึงห้ามนั่งกระบะหลัง โดยมองถึงความปลอดภัย แต่ผมมองว่าความปลอดภัยน่าจะห้ามความเร็วมากกว่า เศรษฐกิจตอนนี้ควรผ่อนปรนกันแบบกลางๆจะมีความสุขกว่า ไว้เศรษฐกิจดีดีเมื่อไรค่อยทำก็ยังทัน ผมแค่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะประชาชนคนหนึ่งเองนะครับ!!” พ.ต.อ.วิมล พิทักษ์บูรพา รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นการไม่เหมาะไม่ควร เนื่องจากข้าราชการตำรวจมีหน้าที่ในการรักษากฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล แต่ไม่ใช่เป็นผู้ที่ออกมาต่อต้านกฎหมายเสียเอง หลังกรณีดังกล่าวปรากฏว่าเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ และทางสังคมออนไลน์ พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จว.ชุมพร จึงได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.เอกราช ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงมายัง ภ.จว.ชุมพรทันที หาก ภ.จว.ชุมพรพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำความผิดจริงตามที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ก็คงต้องมีการตั้งกรรมการเพื่อสอบสวนทางวินัย เพราะข้าราชการตำรวจมีวินัยในการควบคุมดูแลอยู่ ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.เอกราชระบุว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะประชาชนคนหนึ่ง แต่มาโพสต์ในเฟซบุ๊กที่เป็นสาธารณะทั้งที่ตนเองยังเป็นตำรวจอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในเรื่องนี้ เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติทุกนายมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยกำชับว่าในเบื้องต้นที่มีการบังคับใช้กฎหมายนี้คือตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2560 หากพบว่าประชาชนยังไม่ปฏิบัติกฎหมายก็จะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก นั่นคือ 1.อะลุ้มอล่วยไปก่อนหากเห็นว่าไม่เป็นอันตรายจนเกินไป 2.ใช้วิธีกล่าวตักเตือน ขอให้ผู้ทำความผิดไปแก้ไข เปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง เพื่อมิให้มีการกระทำผิดอีก และ 3.พยายามรณรงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้แก่ประชาชน” พ.ต.อ.วิมล กล่าว ซึ่งในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์สเตตัสที่โพสต์โดย Aggarach Hoonngaum ซึ่งเป็นเฟสบุ๊กของพ.ต.ท.เอกราช หุ่นงาม สภ.สลุย จ.ชุมพร โดยระบุถึงนโยบายห้ามคนนั่งกระบะหลังว่าการออกกฎหมายไม่ควรก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนและควรฟังเหตุผลของคนทุกระดับ ซึ่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊กกดไลก์มากกว่า 118,000 ครั้ง และกดแชร์มากกว่า 42,300 ครั้ง ได้พยายามติดต่อเพื่อคุยกับนายตำรวจคนดังกล่าว ได้รับคำชี้แจงว่า ห้ามไม่ให้นายตำรวจคนดังกล่าวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างเด็ดขาด ที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร นายฉลองชาติ ยังปักษี อายุ 60 ปี 120 หมู่ที่ 15 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร อาชีพ ทำสวน กล่าวว่า การมีรถกะบะและนั่งรถไปด้วยกัน หลายๆคน หลายบ้าน เป็น การลดพลังงาน เมื่อออกกฎหมายมาไม่ให้นั่ง กะบะ เห็นว่า มันตึงเกิน ไป อาจจะเหมาะสม กับเมืองใหญ่ๆ ที่มีการท่องเที่ยว ถ้ามีการนำคนมานั่งในกะบะหลัง ก็เห็นว่าสมควร แต่ ควรยกเว้น ในภาคเกษตรกร ที่ต้องนำแรงงานไปใช้ในการเกษตร ที่ไม่ใช่ นำคนไปเที่ยว จึงควร แบ่งโซนในการบังคับใช้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการใช้บังคับได้จริง ภาพ/ข่าว สาธิต ศรีหฤทัย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชุมพร เรียบเรียงโดย