ยันต์วิรุฬจำบัง หลวงพ่อคง วัดบางกระพร้อม
ได้จัดสร้างขึ้นเป็นเสื้อจึงได้เรียกกันว่า เสื้อยันต์วิรุฬจำบัง ให้กับลูกศิษย์ของท่านชื่อว่า
แกละ เพื่อติดตัวไปเป็นทหารรับใช้ประเทศชาติ ต่อมาออกจากราชการทหาร
กลายมาเป็นเสือแกละออกเที่ยวปล้นจนมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองแม่กลอง
ตำรวจได้ทราบแหล่งกบดานของเสือแกละจึงได้เข้าล้อมจับ และต่อสู้กัน
หลายครั้งต่อหลายครั้งไม่สามารถเข้าจับกุมได้
เพราะเสือแกละได้ใช้เสื้อยันต์วิรุฬจำบังเดินฝ่าวงล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างง่ายดายโดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เห็นตัว
หลวงพ่อคง
ท่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้สร้างเสื้อยันต์ให้กับเสือแกละ
โดยมิได้ตั้งข้อห้าม หรือให้สัตย์สาบาน จึงได้เรียกเสือแกละมาพบ
และสุดท้ายเสือแกละได้สาบานเลิกปล้น พร้อมกับคืนเสื้อยันต์ให้กับหลวงพ่อ
เสื้อยันต์ที่สร้างขึ้นเป็นรุ่นแรก เป็นเสื้อกั๊กกำมะหยี่ดำ
ด้านในเป็นผ้าสีขาว มีกระดุม ๕ เม็ด ต่อมาได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้น
ลูกศิษย์จึงเกิดความต้องการมากไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ดังนั้นหลวงพ่อท่านจึงได้นำผ้าดิบหนาย้อมดำซับด้วยผ้าดิบขาว
เพื่อให้พอต่อความต้องการ โดยได้นำเสื้อมาลงยันต์และเพิ่มยันต์เกราะแก้วว่า
พุทธัง เพชรคงคัง อิมังพันธัอธิษฐามิ เข้าไปด้วยเพื่อกันระเบิด
กระดุมเริ่มหายากจึงได้ใช้เชือกมัดแทน เสื้อนั้นจะมีเฉพาะสีขาวดำเท่านั้น
และจะลงอักขระมีทั้งแบบหมึกและดินสอ
ยันต์วิรุฬจำบัง
เป็นวิชาการบังกาย หายตัวได้อึดใจหนึ่ง คือเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน
ให้กลั้นใจ แล้วว่าคาถา วิรุฬจำบัง ข้าศึกจะมองไม่เห็นทั้งตัวทั้งเงา
ไปได้ชั่วอึดใจ ชั่วอึดใจหนึ่งนี้เขาไม่สามารถมองเห็นเราได้
นี่ก็คือการใช้พลังจิตอย่างหนึ่ง
หลวงพ่อคงท่านได้ไปศึกษาวิชาการทำตะกรุดวิรุฬจำบัง จากหลวงพ่อปาน
วัดโรงธรรม การที่นำเอาตัวละครในเรื่อง รามเกียรติ์ นำมาใช้เขียนยันต์
เชื่อว่าภาพนั้นจะมีพุทธคุณโดดเด่นเช่นเดียวกับตัวละคร มีเรื่องราวว่า
วิรุฬจำบัง เป็นโอรสของพญาทูษณ์ กษัตริย์เมืองจารึก องค์ที่ 1 ของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา
น้องชายร่วมบิดามาดาของทศกัณฐ์ วิรุฬจำบัง มีม้าทรงคู่ใจตัวดำปากแดงชื่อ
นิลพาหุ ซึ่งสามารถหายตัวได้ทั้งตนและม้า วิรุฬจำบัง รับอาสาทศกัณฐ์
ยกทัพไปทำสงครามกับพระราม
และพลวานรซึ่งมุ่งหน้ามาที่กรุงลงกาเพื่อทวงนาสีดาคืน
โดยไปสมทบกับท้าวสัทธาสูร เจ้าเมืองอัสดง สหายอีกตนของ ทศกัณฐ์
ซึ่งต่อมาได้ถูกฆ่าตาย เมื่อวิรุฬจำบัง ไปรบ พลยักษ์ถูกพลวานรฆ่าตายหมด
วิรุฬจำบัง ผู้เป็นแม่ทัพจึงร่ายเวทมนต์กำบังตัวเองและม้า
เข้าไปสังหารฝ่ายวานรล้มตายจำนวนมากพระรามเห็นความไม่ชอบมาพากลจึงตรัสถาม พิเภก พิเภกจึงได้ตอบว่าขณะนี้ วิรุฬจำบัง ใช้เวทมนต์หายตัวเข้ามาในกองทัพ พิเภก ถวายคำแนะนำ ให้ พระราม แผลงศรไปฆ่าม้านิลพาหุเสีย เมื่อพระรามแผลงศรพรหมาสตร์ออกไปถูกม้าทรงของวิรุฬจำบังตาย วิรุฬจำบัง เห็นว่าสู้ไม่ได้จึงคิดหนี โดยร่ายเวทมนต์เสกผ้าโพกศีรษะเป็นหุ่นพยนต์ซึ่งมีรูปกายเหมือนตน แล้วหลบหนีไปจนพบนาง วานรินทร์ ที่ในถ้ำกลางป่า นางวานรินทร์ แนะให้ไปซ่อนตัวอยู่ในฟองน้ำที่นทีสีทันดร ฝ่ายพระรามทรงรู้กลศึก แผลงศรเป็นตาข่ายเพชรทำลายรูปนิมิต แล้วสั่งให้หนุมานติดตามไปสังหาร หนุมานติดตามจนมาจนได้พบกับ นางวานรินทร์ เข้าเกี้ยวพาราสี และทราบว่าเป็นนางฟ้าที่ทำผิดจึงได้ถูกสาป เนื่องจากมีหน้าที่รักษาประทีป แล้วปล่อยให้ประทีปดับ และจะพ้นคำสาปเมื่อได้พบทหารเอกของพระราม เมื่อนางวานรินทร์ บอกที่ซ่อนของวิรุฬจำบัง แล้วจึงถูกส่งกลับสวรรค์ หนุมานจึงตามไปสังหารวิรุฬจำบังได้สำเร็จ
ที่มา ศิษย์มีครู
appgeji.com
เรียบเรียงโดย