รู้แล้วอย่าทำ 23 ข้อภัยใกล้ตัวบนโลกออนไลน์ชาวโซเชียลควรอ่าน (อย่าลืมแชร์ให้คนที่คุณรัก)
1.ไม่ควรแจ้งกำหนดการอย่างละเอียด หรือความเคลื่อนไหวของเราทุกฝีก้าวบนโลกออนไลน์ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สิน
2. อย่าอวดรวย จนเป็นภัยต่อตัวเอง
3. “ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า” เรื่องภายในครอบครัว ควรคุยกันในครอบครัว ไม่ควรนำมาประจานกันเองให้สังคมรับรู้ เพราะจะทำให้ผู้คนไม่นับถือ และยิ่งจะทำให้รอยร้าวขยายใหญ่ขึ้นและบานปลายออกไป
4. ระวังมิจฉาชีพจะใช้ความโลภมาเป็นเหยื่อล่อให้เราติดกับดัก เช่น บอกว่าเราได้รับรางวัลที่มีมูลค่าสูง แต่มีค่าธรรมเนียมบางอย่างที่เราต้องโอนเงินให้ก่อนจึงจะได้รับรางวัล ซึ่งเมื่อเราดูจำนวนเงินแล้วน้อยกว่ารางวัลมาก หากเราหลงกลก็จะโอนเงินให้มิจฉาชีพไป หลังจากนั้นก็จะติดต่อไม่ได้อีกเลย
5. ควรหลีกเลี่ยงการวิจารณ์เจ้านายหรือการวิจารณ์องค์กรของตัวเองบนโลกออนไลน์ (ถ้ายังอยากมีการมีงานทำ ^_^) แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่ควรพูด เพราะมันเป็นเรื่องของมารยาทและกาลเทศะ หากเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอาจถูกฟ้องร้องและอาจผิด พรบ. คอมพิวเตอร์อีกด้วย
6.Facebook เป็นพื้นที่สาธารณะ เรื่องส่วนตัวของเราอาจกลายเป็นเรื่องสาธารณะได้ และข้อมูลบางอย่างอาจนำภัยร้ายมาสู่เราได้ จึง “อย่างโพสต์ทุกเรื่องที่คิด จงคิดทุกเรื่องที่โพสต์”
7. เห็นลิ้งค์อะไรลอยมาอย่าเพิ่งรีบแตะ เพราะอาจเป็นลิ้งค์ที่เป็นไวรัส หรืออาจเป็นลิ้งค์ของมิจฉาชีพหรือแฮคเกอร์ที่ต้องการขโมยข้อมูลหรือขโมยบัญชี Facebook ของเรา เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิด หรืออาจสร้างความเสียหายทางการเงินให้กับเราได้
8.เมื่อใช้งาน Facebook ด้วยเบราว์เซอร์ เช่น Google Chrome ฯลฯ ให้พิมพ์ URL ของ Facebook โดยตรง คือhttps://www.facebook.com/ ให้สังเกตว่า https จะมีตัว “s” ด้วย
9.ก่อนที่จะรับใครเป็นเพื่อน หรือก่อนที่เราจะขอเป็นเพื่อนกับใคร จงดูบัญชี Facebook ของคนๆนั้นอย่างละเอียดเสียก่อน ดูให้แน่ใจว่าเป็นคนดีน่าคบหาหรือไม่ ส่วนเพื่อนที่มีอยู่แล้ว ให้เข้าไปดูว่ามีใครบ้างที่เราควรกดปุ่ม “เลิกเป็นเพื่อน”
10. เรื่องที่ควรให้รับรู้เฉพาะคนในครอบครัว, คนพิเศษ หรือเพื่อนสนิท จงตั้งค่าความส่วนตัวให้เหมาะสม เพื่อความปลอดภัย อย่าโพสต์เรื่องราวเหล่านั้นแบบสาธารณะ
11. เด็กที่เล็กมากๆ หากจำเป็นต้องใช้ Facebook จะต้องมีผู้ปกครองคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนเด็กในวัยเรียน ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำวิธีการใช้ Facebook อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เด็กเสียการเรียนหรือตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
12. อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ถูกส่งต่อๆกันมาโดยไม่ได้ไตร่ตรอง และอย่าส่งต่อโดยไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ เพราะข้อมูลบางอย่างอาจเป็นข่าวลือ, เป็นข้อมูลเท็จ หรือเป็นการแอบอ้าง ที่อาจสร้างความเสียหายให้ผู้อื่นและผิด พรบ. คอมพิวเตอร์
13.อย่าเปิดเผยหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและข้อมูลบัตรเครดิต ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบข้อความหรือเป็นภาพถ่าย เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่จ้องขโมยเงินของเรา
14. เรามีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ควรไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนเสมอ จงแน่ใจว่าความคิดเห็นของเราไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีงามของสังคม
15. เพราะข้อมูลกิจวัตรประจำวัน หากตกถึงมืออาชญากรหรือผู้ไม่หวังดีแล้ว อาจจะนำมาซึ่งอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของเราและคนในครอบครัวได้
16.การเช็คอินคือการระบุตำแหน่งที่อยู่ของเราในเวลานั้น หากเป็นการเช็คอินเพื่อร่วมกิจกรรมบางอย่างที่ไม่ใช่การระบุที่อยู่จริงก็ไม่น่าห่วงมากนัก แต่ถ้าเป็นการระบุตำแหน่งที่อยู่จริงต้องระมัดระวังให้มากๆในเรื่องของความปลอดภัย
17.ไม่ควรตั้งรหัสผ่านบัญชี Facebook ด้วยข้อมูลส่วนตัวที่คาดเดาได้ง่ายๆ เช่น ชื่อ, นามสกุล, เบอร์มือถือ, วันเดือนปีเกิด, ชื่อลูก ฯลฯ เพื่อป้องกันแฮคเกอร์ที่อาจจะมาขโมยบัญชี Facebook ของเรา
18.ถึงแม้ว่าเราจะภูมิใจอวัยวะบางอย่าง หรือภูมิใจในเรือนร่างของตัวเอง ก็ไม่ควรโพสต์ภาพหรือวิดีโอเพื่ออวดสังคมออนไลน์ อย่านำสิ่งที่ควรอยู่ในที่ลับมาเปิดเผยในที่แจ้ง เพราะจะมีคนนำภาพหรือวิดีโอเหล่านั้นไปใช้เพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้กับเรา เช่น นำไปสร้างบัญชีปลอมหรือเพจปลอมโดยแอบอ้างว่าเป็นเรา, นำไปโพสต์ต่อยังเพจต่างๆ ฯลฯ
19. บางคนมาขอเป็นเพื่อนกับเราโดยมีวาระซ่อนเร้น คือไม่ได้ต้องการเพื่อนใหม่ ไม่ได้ต้องการคบเราเป็นเพื่อน แต่ต้องการให้เราเป็นลูกค้า ต้องการเข้ามาหาผลประโยชน์จากเราเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีวัตถุประสงค์อื่นเลย เช่น ต้องการเข้ามาขายของ, ต้องการเข้ามาชวนเราไปทำอะไรบางอย่าง ฯลฯ เพื่อนประเภทนี้อาจมีพฤติกรรมที่ทำให้เราเบื่อหน่ายรำคาญได้
20. เปิดการตรวจสอบแท็ก เพื่อตรวจสอบแท็กทุกครั้งก่อนที่จะปรากฏบน Facebook เพราะหากมีใครมาแท็กเราอย่างไร้มารยาทเพื่อขายของ โพสต์เหล่านั้นอาจแสดงต่อเพื่อนๆของเราได้ ซึ่งอาจจะทำให้เพื่อนๆของเราเบื่อหน่ายรำคาญโพสต์ขายของเหล่านั้น
21.เมื่อเราเปิด Facebook ขึ้นมา จะมีเรื่องราวต่างๆไหลมาในฟีดข่าวของเราอย่างไม่ขาดสาย หากเราไม่ตั้งสติให้ดีอาจเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องจนเสียการเสียงานได้เพราะเรื่องราวเหล่านั้นมักมีข้อความพาดหัวที่ชวนให้เราอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อเข้าไปแล้วอาจเป็นเรื่องไร้สาระที่แค่ต้องการดึงเราเข้าไปดูโฆษณา
22. อย่ารีบเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือความลับทางธุรกิจให้กับเพื่อนใหม่ที่เราเพิ่งรู้จัก เพราะใจคนยากแท้หยั่งถึง บางคนอาจไม่ได้หวังดีกับเรา อาจไม่ได้จริงใจกับเราเหมือนที่เราคิด การไว้ใจใครเร็วเกินไปอาจทำให้เราเสียใจในภายหลังได้
23.อย่าอยู่ในโลกออนไลน์จนลืมชีวิตจริง ควรแบ่งเวลาให้เหมาะสม เพราะคนในครอบครัวต้องการเรา ควรให้เวลากับคนรอบข้างมากกว่าโลกออนไลน์
ขอบพระคุณที่มาของข่าว https://www.facebook.com/www.branding.co.th/?fref=ts
1.ไม่ควรแจ้งกำหนดการอย่างละเอียด หรือความเคลื่อนไหวของเราทุกฝีก้าวบนโลกออนไลน์ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สิน
2. อย่าอวดรวย จนเป็นภัยต่อตัวเอง
3. “ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า” เรื่องภายในครอบครัว ควรคุยกันในครอบครัว ไม่ควรนำมาประจานกันเองให้สังคมรับรู้ เพราะจะทำให้ผู้คนไม่นับถือ และยิ่งจะทำให้รอยร้าวขยายใหญ่ขึ้นและบานปลายออกไป
4. ระวังมิจฉาชีพจะใช้ความโลภมาเป็นเหยื่อล่อให้เราติดกับดัก เช่น บอกว่าเราได้รับรางวัลที่มีมูลค่าสูง แต่มีค่าธรรมเนียมบางอย่างที่เราต้องโอนเงินให้ก่อนจึงจะได้รับรางวัล ซึ่งเมื่อเราดูจำนวนเงินแล้วน้อยกว่ารางวัลมาก หากเราหลงกลก็จะโอนเงินให้มิจฉาชีพไป หลังจากนั้นก็จะติดต่อไม่ได้อีกเลย
5. ควรหลีกเลี่ยงการวิจารณ์เจ้านายหรือการวิจารณ์องค์กรของตัวเองบนโลกออนไลน์ (ถ้ายังอยากมีการมีงานทำ ^_^) แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่ควรพูด เพราะมันเป็นเรื่องของมารยาทและกาลเทศะ หากเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอาจถูกฟ้องร้องและอาจผิด พรบ. คอมพิวเตอร์อีกด้วย
6.Facebook เป็นพื้นที่สาธารณะ เรื่องส่วนตัวของเราอาจกลายเป็นเรื่องสาธารณะได้ และข้อมูลบางอย่างอาจนำภัยร้ายมาสู่เราได้ จึง “อย่างโพสต์ทุกเรื่องที่คิด จงคิดทุกเรื่องที่โพสต์”
7. เห็นลิ้งค์อะไรลอยมาอย่าเพิ่งรีบแตะ เพราะอาจเป็นลิ้งค์ที่เป็นไวรัส หรืออาจเป็นลิ้งค์ของมิจฉาชีพหรือแฮคเกอร์ที่ต้องการขโมยข้อมูลหรือขโมยบัญชี Facebook ของเรา เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิด หรืออาจสร้างความเสียหายทางการเงินให้กับเราได้
8.เมื่อใช้งาน Facebook ด้วยเบราว์เซอร์ เช่น Google Chrome ฯลฯ ให้พิมพ์ URL ของ Facebook โดยตรง คือhttps://www.facebook.com/ ให้สังเกตว่า https จะมีตัว “s” ด้วย
9.ก่อนที่จะรับใครเป็นเพื่อน หรือก่อนที่เราจะขอเป็นเพื่อนกับใคร จงดูบัญชี Facebook ของคนๆนั้นอย่างละเอียดเสียก่อน ดูให้แน่ใจว่าเป็นคนดีน่าคบหาหรือไม่ ส่วนเพื่อนที่มีอยู่แล้ว ให้เข้าไปดูว่ามีใครบ้างที่เราควรกดปุ่ม “เลิกเป็นเพื่อน”
10. เรื่องที่ควรให้รับรู้เฉพาะคนในครอบครัว, คนพิเศษ หรือเพื่อนสนิท จงตั้งค่าความส่วนตัวให้เหมาะสม เพื่อความปลอดภัย อย่าโพสต์เรื่องราวเหล่านั้นแบบสาธารณะ
11. เด็กที่เล็กมากๆ หากจำเป็นต้องใช้ Facebook จะต้องมีผู้ปกครองคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนเด็กในวัยเรียน ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำวิธีการใช้ Facebook อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เด็กเสียการเรียนหรือตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
12. อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ถูกส่งต่อๆกันมาโดยไม่ได้ไตร่ตรอง และอย่าส่งต่อโดยไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ เพราะข้อมูลบางอย่างอาจเป็นข่าวลือ, เป็นข้อมูลเท็จ หรือเป็นการแอบอ้าง ที่อาจสร้างความเสียหายให้ผู้อื่นและผิด พรบ. คอมพิวเตอร์
13.อย่าเปิดเผยหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและข้อมูลบัตรเครดิต ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบข้อความหรือเป็นภาพถ่าย เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่จ้องขโมยเงินของเรา
14. เรามีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ควรไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนเสมอ จงแน่ใจว่าความคิดเห็นของเราไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีงามของสังคม
15. เพราะข้อมูลกิจวัตรประจำวัน หากตกถึงมืออาชญากรหรือผู้ไม่หวังดีแล้ว อาจจะนำมาซึ่งอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของเราและคนในครอบครัวได้
16.การเช็คอินคือการระบุตำแหน่งที่อยู่ของเราในเวลานั้น หากเป็นการเช็คอินเพื่อร่วมกิจกรรมบางอย่างที่ไม่ใช่การระบุที่อยู่จริงก็ไม่น่าห่วงมากนัก แต่ถ้าเป็นการระบุตำแหน่งที่อยู่จริงต้องระมัดระวังให้มากๆในเรื่องของความปลอดภัย
17.ไม่ควรตั้งรหัสผ่านบัญชี Facebook ด้วยข้อมูลส่วนตัวที่คาดเดาได้ง่ายๆ เช่น ชื่อ, นามสกุล, เบอร์มือถือ, วันเดือนปีเกิด, ชื่อลูก ฯลฯ เพื่อป้องกันแฮคเกอร์ที่อาจจะมาขโมยบัญชี Facebook ของเรา
18.ถึงแม้ว่าเราจะภูมิใจอวัยวะบางอย่าง หรือภูมิใจในเรือนร่างของตัวเอง ก็ไม่ควรโพสต์ภาพหรือวิดีโอเพื่ออวดสังคมออนไลน์ อย่านำสิ่งที่ควรอยู่ในที่ลับมาเปิดเผยในที่แจ้ง เพราะจะมีคนนำภาพหรือวิดีโอเหล่านั้นไปใช้เพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้กับเรา เช่น นำไปสร้างบัญชีปลอมหรือเพจปลอมโดยแอบอ้างว่าเป็นเรา, นำไปโพสต์ต่อยังเพจต่างๆ ฯลฯ
19. บางคนมาขอเป็นเพื่อนกับเราโดยมีวาระซ่อนเร้น คือไม่ได้ต้องการเพื่อนใหม่ ไม่ได้ต้องการคบเราเป็นเพื่อน แต่ต้องการให้เราเป็นลูกค้า ต้องการเข้ามาหาผลประโยชน์จากเราเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีวัตถุประสงค์อื่นเลย เช่น ต้องการเข้ามาขายของ, ต้องการเข้ามาชวนเราไปทำอะไรบางอย่าง ฯลฯ เพื่อนประเภทนี้อาจมีพฤติกรรมที่ทำให้เราเบื่อหน่ายรำคาญได้
20. เปิดการตรวจสอบแท็ก เพื่อตรวจสอบแท็กทุกครั้งก่อนที่จะปรากฏบน Facebook เพราะหากมีใครมาแท็กเราอย่างไร้มารยาทเพื่อขายของ โพสต์เหล่านั้นอาจแสดงต่อเพื่อนๆของเราได้ ซึ่งอาจจะทำให้เพื่อนๆของเราเบื่อหน่ายรำคาญโพสต์ขายของเหล่านั้น
21.เมื่อเราเปิด Facebook ขึ้นมา จะมีเรื่องราวต่างๆไหลมาในฟีดข่าวของเราอย่างไม่ขาดสาย หากเราไม่ตั้งสติให้ดีอาจเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องจนเสียการเสียงานได้เพราะเรื่องราวเหล่านั้นมักมีข้อความพาดหัวที่ชวนให้เราอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อเข้าไปแล้วอาจเป็นเรื่องไร้สาระที่แค่ต้องการดึงเราเข้าไปดูโฆษณา
22. อย่ารีบเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือความลับทางธุรกิจให้กับเพื่อนใหม่ที่เราเพิ่งรู้จัก เพราะใจคนยากแท้หยั่งถึง บางคนอาจไม่ได้หวังดีกับเรา อาจไม่ได้จริงใจกับเราเหมือนที่เราคิด การไว้ใจใครเร็วเกินไปอาจทำให้เราเสียใจในภายหลังได้
23.อย่าอยู่ในโลกออนไลน์จนลืมชีวิตจริง ควรแบ่งเวลาให้เหมาะสม เพราะคนในครอบครัวต้องการเรา ควรให้เวลากับคนรอบข้างมากกว่าโลกออนไลน์
ขอบพระคุณที่มาของข่าว https://www.facebook.com/www.branding.co.th/?fref=ts