เหมือนได้รองเท้าใหม่เลย เผย 4 เคล็ดลับซักรองเท้าขาว ที่โรงงานไม่บอก
ไม่ทราบว่าใครเป็นเหมือนแอดมินบ้างที่ปกติแล้วจะมีรองเท้าผ้าใบตั้งหลายคู่เพื่อเข้ากับชุด บางคู่ก็อดไม่ได้ที่จะเลือกสีขาวหรือสีสด ๆ มา แต่ปัญหาที่ตามมาส่วนใหญ่ก็คือ คราบดำ และความสกปกที่มันติดง่ายเกิ๊น จนบ่อยครั้งเวลาจะเลือกซื้อคู่ไม่ก็ชั่งใจแล้วอดไม่ได้ที่จะซื้อเป็นโทนสีคล้ำ ๆ มืด ๆ หรือเข้ม ๆ แทน เนื่องจากมันทำความสะอาดง่ายดี ( เพราะไม่เห็นคราบดำไง 5566 )
ซึ่งในที่สุดไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ไปเจอะกับ fwd mail อันนึงที่ส่งมา เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ เรียกได้ว่า วิธีทำความสะอาดก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากนะ แค่เพิ่มขั้นตอนแปะทิชชู่ หรือโรยแป้งลงไป ซึ่งวัสดุ อุปกรณ์เช่น ทิชชู่ แป้งฝุ่น ยาสีฟัน ที่จะมาช่วย ขัดให้รองเท้าสีขาวของเราสีดูสดสะอาดเหมือนใหม่ ไร้คราบเหลืองกันทีเดียว ส่วนวิธีมีแบบไหนบ้างมาดูกันเลย
วิธีแรก :: ขจัดคราบเหลืองหลังซัก = ทิชชู่ช่วยได้
สำหรับวิธีแรกให้ให้เรานำรองเท้าผ้าใบไปซักทำความสะอาดตามขั้นตอนปกติที่เราเคยซักกันมา ก็คือเอารองเท้าแช่น้ำที่ละลายผงซักฟอกไว้ สักพัก ( 15-30 นาที ) เพื่อให้คราบเลอะ ๆ หลุดง่าย จากนั้นก็ใช้แปรงซักผ้า แปรงในส่วนที่เป็นคราบสกปรกออกให้หมด แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ซึ่งเคล็ดลับก็คือก่อนนำไปตากให้ใช้กระดาษทิชชู่แปะ ๆ ให้ทั่วรองเท้าเผ้าใบ แล้วจึงนำรองเท้าไปตากแดด ให้โดนแสงแดจัด ๆ ไปเลย แล้วรอจนรองเท้าผ้าใบของเรา แห้งสนิท จากนั้นก็ค่อยดึง ๆ กระดาษทิชชู่ที่ติดเอาไว้ออก ซึ่งตัวกระดาษทิชชู่ที่เราแปะลงไปนั้นจะช่วย ดูดซับคราบเหลือง ๆ ที่บริเวณส่วนต่าง ๆ ของรองเท้าเราได้อย่างดีเชียวล่ะ
วิธีที่สอง :: เพิ่มความขาว พร้อมลดกลิ่นอับด้วย “แป้งฝุ่น”
อันนี้อาจแล้วอาจงงสักหน่อยว่าจะช่วยอย่างไร ก็คือแป้งจะช่วยดูดซับความชื้นที่เป็นบ่อเกิดของคราบเหลือง ทำหน้าที่คล้าย ๆ กับทิชชู่เลย ซึ่งเวลาซักก็ให้เรานำรองเท้าผ้าใบไปแช่ในน้ำยากซักผ้าขาสักพัก หรือ 30 นาทีโดยประมาณ จากนั้นจึงซักตามปกติ แล้วล้างให้สะอาด ซึ่งก่อนจะนำไปตากแดดเนี่ย เคล็ดลับก็อยู่ที่ ต้องโรยแป้งฝุ่นที่เราใช้ทาตัวกันนั่นแหละ เอามาโรยให้ทั่วรองเท้าผ้าใบเลย จากนั้นก็เอารองเท้าคู่เก่งไปตากแดด ซึ่งวิธีนี้ว่ากันว่า หลังจากทำแล้วดูสดใสไม่แพ้วิธีแรกเลย ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะทำให้รองเท้าดูขาวแล้วยังช่วยให้ กลิ่นต่าง ๆ ที่อับชื้นหายไปด้วยอีกนะ ( จะดีมากสำหรับรองเท้าขาว ) แต่สำหรับท่านที่ใช้รองเท้าสีอื่น ๆ เช่นสีทึบ ๆ สีดำ น้ำตาล ก็ไม่ต้องกังวลนะ เพราะมันจะค่อย ๆ หายไปใน 2-3 วัน
วิธีที่สาม :: ขจัดคราบขอบยาง ด้วย “ยาสีฟัน”
วิธีนี้เรียกได้ว่าเด็ดมาก ๆ อ่าคือปัญหาส่วนใหญ่ที่ซักรองเท้าผ้าใบเสร็จก็คือตรงขอบยางชอบมีรอยสีเหลือง ๆ ไม่ก็คราบสีดำ ๆ เกิดขึ้น โดยเคล็ดลับที่เอาไว้ทำความสะอาดนี่ก็คือการเอายาสีฟันที่เราใช้แปรงนี่ล่ะคะ บีบใส่ขอบจุดที่มีคราบจากนั้นก็ถูให้ทั่วขอบยาง หรืออาจจะต้องแปรงในบริเวณที่คราบติดแน่น โดยเมื่อทดสอบเอาแปรงสีฟันแปรงดูแล้ว คราบที่ติดแน่นก็ออกง่ายขึ้น อันที่ฮาร์ดคอร์มาก ๆ ก็จากลงจริง ๆ สรุบว่าวิธีนี้กดไลค์ให้เลยค่า อยากให้ไปลองทำกัน สำหรับวิธีลดคราบบนยางรองเท้า
วิธีที่สี่ :: ลดกลิ่นอับหลังซักด้วย “หนังสือพิมพ์”
เมื่อซักเสร็จแล้วยามตามกก็ต้องดูแลให้ถูกแสงแดดเสียหน่อย แต่ทว่าสำหรับใครที่เผชิญปัญหากลิ่นอับในรองเท้าเหม็น เนื่องจากตากแดดแล้วโดนแดดไม่เต็มที่ หรือว่ายังไม่สะดวกซักวิธีนึงที่ได้รับการยอมรับว่าได้ผลก็คือการ เอาหนังสือพิมพืมาขยุ้ม ๆ แล้วยัดไปในรองเท้า จากนั้นทิ้งเอาไว้ขามคืน ให้ถึงเช้าวันถัดไป เมื่อเอาหนังสือพิมพ์ออกก็จะพบว่ากลิ่นเหม็นอับลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หากของใครที่หมักหมมจนกลิ่นแรงมาก ๆ ก็ต้องขอแนะนำว่าอาจจะต้องทิ้งไว้หลาย ๆ วันหน่อย หรือเปลี่ยนกระดาษเรื่อย ๆ นะคะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก feora-company
ไม่ทราบว่าใครเป็นเหมือนแอดมินบ้างที่ปกติแล้วจะมีรองเท้าผ้าใบตั้งหลายคู่เพื่อเข้ากับชุด บางคู่ก็อดไม่ได้ที่จะเลือกสีขาวหรือสีสด ๆ มา แต่ปัญหาที่ตามมาส่วนใหญ่ก็คือ คราบดำ และความสกปกที่มันติดง่ายเกิ๊น จนบ่อยครั้งเวลาจะเลือกซื้อคู่ไม่ก็ชั่งใจแล้วอดไม่ได้ที่จะซื้อเป็นโทนสีคล้ำ ๆ มืด ๆ หรือเข้ม ๆ แทน เนื่องจากมันทำความสะอาดง่ายดี ( เพราะไม่เห็นคราบดำไง 5566 )
ซึ่งในที่สุดไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ไปเจอะกับ fwd mail อันนึงที่ส่งมา เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ เรียกได้ว่า วิธีทำความสะอาดก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากนะ แค่เพิ่มขั้นตอนแปะทิชชู่ หรือโรยแป้งลงไป ซึ่งวัสดุ อุปกรณ์เช่น ทิชชู่ แป้งฝุ่น ยาสีฟัน ที่จะมาช่วย ขัดให้รองเท้าสีขาวของเราสีดูสดสะอาดเหมือนใหม่ ไร้คราบเหลืองกันทีเดียว ส่วนวิธีมีแบบไหนบ้างมาดูกันเลย
วิธีแรก :: ขจัดคราบเหลืองหลังซัก = ทิชชู่ช่วยได้
สำหรับวิธีแรกให้ให้เรานำรองเท้าผ้าใบไปซักทำความสะอาดตามขั้นตอนปกติที่เราเคยซักกันมา ก็คือเอารองเท้าแช่น้ำที่ละลายผงซักฟอกไว้ สักพัก ( 15-30 นาที ) เพื่อให้คราบเลอะ ๆ หลุดง่าย จากนั้นก็ใช้แปรงซักผ้า แปรงในส่วนที่เป็นคราบสกปรกออกให้หมด แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ซึ่งเคล็ดลับก็คือก่อนนำไปตากให้ใช้กระดาษทิชชู่แปะ ๆ ให้ทั่วรองเท้าเผ้าใบ แล้วจึงนำรองเท้าไปตากแดด ให้โดนแสงแดจัด ๆ ไปเลย แล้วรอจนรองเท้าผ้าใบของเรา แห้งสนิท จากนั้นก็ค่อยดึง ๆ กระดาษทิชชู่ที่ติดเอาไว้ออก ซึ่งตัวกระดาษทิชชู่ที่เราแปะลงไปนั้นจะช่วย ดูดซับคราบเหลือง ๆ ที่บริเวณส่วนต่าง ๆ ของรองเท้าเราได้อย่างดีเชียวล่ะ
วิธีที่สอง :: เพิ่มความขาว พร้อมลดกลิ่นอับด้วย “แป้งฝุ่น”
อันนี้อาจแล้วอาจงงสักหน่อยว่าจะช่วยอย่างไร ก็คือแป้งจะช่วยดูดซับความชื้นที่เป็นบ่อเกิดของคราบเหลือง ทำหน้าที่คล้าย ๆ กับทิชชู่เลย ซึ่งเวลาซักก็ให้เรานำรองเท้าผ้าใบไปแช่ในน้ำยากซักผ้าขาสักพัก หรือ 30 นาทีโดยประมาณ จากนั้นจึงซักตามปกติ แล้วล้างให้สะอาด ซึ่งก่อนจะนำไปตากแดดเนี่ย เคล็ดลับก็อยู่ที่ ต้องโรยแป้งฝุ่นที่เราใช้ทาตัวกันนั่นแหละ เอามาโรยให้ทั่วรองเท้าผ้าใบเลย จากนั้นก็เอารองเท้าคู่เก่งไปตากแดด ซึ่งวิธีนี้ว่ากันว่า หลังจากทำแล้วดูสดใสไม่แพ้วิธีแรกเลย ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะทำให้รองเท้าดูขาวแล้วยังช่วยให้ กลิ่นต่าง ๆ ที่อับชื้นหายไปด้วยอีกนะ ( จะดีมากสำหรับรองเท้าขาว ) แต่สำหรับท่านที่ใช้รองเท้าสีอื่น ๆ เช่นสีทึบ ๆ สีดำ น้ำตาล ก็ไม่ต้องกังวลนะ เพราะมันจะค่อย ๆ หายไปใน 2-3 วัน
วิธีที่สาม :: ขจัดคราบขอบยาง ด้วย “ยาสีฟัน”
วิธีนี้เรียกได้ว่าเด็ดมาก ๆ อ่าคือปัญหาส่วนใหญ่ที่ซักรองเท้าผ้าใบเสร็จก็คือตรงขอบยางชอบมีรอยสีเหลือง ๆ ไม่ก็คราบสีดำ ๆ เกิดขึ้น โดยเคล็ดลับที่เอาไว้ทำความสะอาดนี่ก็คือการเอายาสีฟันที่เราใช้แปรงนี่ล่ะคะ บีบใส่ขอบจุดที่มีคราบจากนั้นก็ถูให้ทั่วขอบยาง หรืออาจจะต้องแปรงในบริเวณที่คราบติดแน่น โดยเมื่อทดสอบเอาแปรงสีฟันแปรงดูแล้ว คราบที่ติดแน่นก็ออกง่ายขึ้น อันที่ฮาร์ดคอร์มาก ๆ ก็จากลงจริง ๆ สรุบว่าวิธีนี้กดไลค์ให้เลยค่า อยากให้ไปลองทำกัน สำหรับวิธีลดคราบบนยางรองเท้า
วิธีที่สี่ :: ลดกลิ่นอับหลังซักด้วย “หนังสือพิมพ์”
เมื่อซักเสร็จแล้วยามตามกก็ต้องดูแลให้ถูกแสงแดดเสียหน่อย แต่ทว่าสำหรับใครที่เผชิญปัญหากลิ่นอับในรองเท้าเหม็น เนื่องจากตากแดดแล้วโดนแดดไม่เต็มที่ หรือว่ายังไม่สะดวกซักวิธีนึงที่ได้รับการยอมรับว่าได้ผลก็คือการ เอาหนังสือพิมพืมาขยุ้ม ๆ แล้วยัดไปในรองเท้า จากนั้นทิ้งเอาไว้ขามคืน ให้ถึงเช้าวันถัดไป เมื่อเอาหนังสือพิมพ์ออกก็จะพบว่ากลิ่นเหม็นอับลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หากของใครที่หมักหมมจนกลิ่นแรงมาก ๆ ก็ต้องขอแนะนำว่าอาจจะต้องทิ้งไว้หลาย ๆ วันหน่อย หรือเปลี่ยนกระดาษเรื่อย ๆ นะคะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก feora-company