ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้แผนลดน้ำหนักแบบที่ทานอาหารน้อย
ๆ แล้วออกกำลังกายมาก ๆ
แต่ทำอยู่นานหลายเดือนตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักก็ยังไม่ลงสักที
หรือลดลงแค่นิดเดียวไม่สมใจ งั้นก็ถึงเวลาที่เราต้องมาเร่งเครื่องระบบเมตาบอลิซึม
หรือระบบเผาผลาญในร่างกายกันแล้วล่ะ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์นิดหน่อย
ก็ช่วยบูตระบบเมตาบอลิซึมได้แล้วเชื่อป่ะ มาดูกัน
1. ทานให้มากกว่าวันละ 1,200 กิโลแคลอรี นิดหน่อย
ฟังดูอาจจะแปลก ๆ เพราะสูตรลดน้ำหนักที่ไหน ๆ ก็บอกให้ทานอาหารน้อย ๆ ทั้งนั้น แต่ถ้าต้องการเพิ่มอัตราการเผาผลาญละก็ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการในนิวยอร์ก เขาได้แนะนำให้ทานอาหารให้มากกว่าวันละ 1,200 กิโลแคลอรีนิดหน่อย เพราะมีการศึกษาพบว่า การที่คุณทานอาหารน้อยเกินไป จะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ช้าลง นั่นเพราะเมื่อร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะส่งสัญญาณให้เก็บสะสมไขมันไว้ในร่างกายมากขึ้น
เพราะแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้สาว ๆ ที่แอ็คทีฟหน่อย ควรได้รับพลังงานประมาณวันละ 1,400-1,700 กิโลแคลอรี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกินแบบไม่เลือก เพราะพลังงานที่ได้นั้นควรได้รับจากอาหารที่มีไฟเบอร์สูง อย่างผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี รวมทั้งโปรตีนจากเนื้อปลา และไขมันดีจากถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันมะกอก ฯลฯ นะจ๊ะ
2. ยกเวทกันเถอะ
ร่างกายของเราประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่สังเคราะห์มาจากอาหารประเภทโปรตีน และถ้ายิ่งมีกล้ามเนื้อมากเท่าไร ร่างกายของเราก็จะเผาผลาญพลังงานได้มากเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องสร้างกล้ามเนื้อด้วยการยกดัมเบลด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแม้คุณจะไดเอตจนน้ำหนักลด แต่ 25% ของน้ำหนักที่หายไปนั้นจะกลายเป็นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ที่จะไปยับยั้งระบบเมตาบอลิซึม แต่ถ้าคุณยกดัมเบลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็จะช่วยเพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญได้แล้ว
3. เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ
ถ้านั่งอยู่เฉย ๆ แล้วเราจะเผาผลาญแคลอรีได้อย่างไรล่ะจริงไหม เพราะฉะนั้นก็ต้องเคลื่อนไหวให้มาก ๆ เข้าไว้ ดังที่งานวิจัยของมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก เขาค้นพบว่า คนที่เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ จะมีน้ำหนักตัวขึ้นน้อยกว่าคนที่นั่งอยู่เฉย ๆ รู้แบบนี้รีบเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือลุกออกจากเก้าอี้อย่างน้อยทุก ๆ ชั่วโมงกันดีกว่า
4. สาหร่าย+ชาเขียวก็ช่วยได้
เคยได้ยินมาว่าการดื่มชาเขียวช่วยเบิร์นไขมันได้ แต่หลายคนคงไม่รู้ว่า พืชชนิดอื่นที่มีสีเขียว ๆ แบบเดียวกันก็มีสรรพคุณเลิศไม่แพ้กัน อย่างสาหร่ายวากาเมะของญี่ปุ่นที่มีสารฟูโกแซนทีน (FUCOXANTHIN) ก็สามารถช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในเซลล์ไขมันได้ ซึ่งแพทย์ในสหรัฐอเมริกาก็เคยแนะนำให้ผู้ป่วยที่มีระบบการเผาผลาญช้าทานสาหร่ายพวกนี้ร่วมกับการดื่มชาเขียว ซึ่งก็พบว่าช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
5. ทานปลาด้วยนะ
กรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันดีที่จะช่วยทำให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้สามารถหาทานได้จากปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาเทราต์ ซึ่งหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เกต ไปเดินช้อปปิ้งเมื่อไรก็แวบเข้าไปแผนกขายปลาด้วยล่ะ
6. บอกลาอาหารซ้ำ ๆ จำเจ
ถ้าคุณยังคงทานอาหารแบบซ้ำ ๆ เดิม ๆ ในทุก ๆ วัน ร่างกายคุณจะสามารถปรับตัวได้ และลดอัตราการเผาผลาญลง ดังนั้น ให้ลองปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารไปทุก ๆ สองสัปดาห์ เช่น สองสัปดาห์แรกอาจจะเน้นทานอาหารโลว์แฟต อีกสองสัปดาห์ข้างหน้าอาจจะทานโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมันให้มากขึ้นอีกเล็กน้อย และเน้นทานผัก-ผลไม้ด้วย เพื่อให้อัตราการเผาผลาญบูตขึ้นมา
7. ดื่มนมให้มากขึ้น
งานวิจัยจาก SupplementWatch บอกให้รู้ว่า ในน้ำนมจะมีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อ Nicotinamide riboside ซึ่งจากการทดสอบพบว่าสารตัวนี้ช่วยเบิร์นไขมันให้คุณได้ และจากการทดสอบกับหนูทดลองก็พบว่า สารตัวนี้ช่วยลดระดับความอ้วนได้ด้วย ถึงแม้ว่านมจะมีไขมันสูงก็ตาม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้ทานนมกับซีเรียล หรือทานกรีกโยเกิร์ตร่วมกับผลไม้ค่ะ
8. กินแตงโมด้วย
กรดอะมิโนอาร์จินีนในผลไม้หน้าร้อนอย่างแตงโม ไม่เพียงแต่จะช่วยเบิร์นไขมันได้เท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันการสะสมไขมันด้วย โดยจากการวิจัยพบว่า หนูทดลองที่ได้รับสารอาร์จินีนเป็นเวลา 12 สัปดาห์ สามารถลดอัตราไขมันในตัวได้มากถึง 30% เลยทีเดียว และนอกจากแตงโมจะช่วยเบิร์นไขมันได้แล้ว ก็ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ รู้แบบนี้ต้องทานแตงโมให้บ่อย ๆ แล้ว จะนำไปใส่ในชามสลัด ทานสด ๆ หรือปั่นเป็นน้ำแตงโมดื่มให้ชื่นใจก็อร่อย
9. เลือกทานอาหารออร์แกนิก
การศึกษาพบว่าอาหารที่ผ่านกระบวนการจะทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสอ้วนมากขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นเพราะมันไปมีผลต่อระบบเมตาบอลิซึม หรือทำให้เซลล์เปลี่ยนเป็นเซลล์ไขมัน ดังนั้น จึงแนะนำให้เลือกทานอาหารออร์แกนิกให้บ่อยเท่าที่จะทานได้
ออกกำลังกายก็แล้ว ควบคุมอาหารก็แล้ว แต่ก็ต้องไม่ลืมเร่งระบบเผาผลาญของตัวเองด้วยล่ะ หุ่นสวยสุขภาพดีจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ จริงมะ
1. ทานให้มากกว่าวันละ 1,200 กิโลแคลอรี นิดหน่อย
ฟังดูอาจจะแปลก ๆ เพราะสูตรลดน้ำหนักที่ไหน ๆ ก็บอกให้ทานอาหารน้อย ๆ ทั้งนั้น แต่ถ้าต้องการเพิ่มอัตราการเผาผลาญละก็ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการในนิวยอร์ก เขาได้แนะนำให้ทานอาหารให้มากกว่าวันละ 1,200 กิโลแคลอรีนิดหน่อย เพราะมีการศึกษาพบว่า การที่คุณทานอาหารน้อยเกินไป จะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ช้าลง นั่นเพราะเมื่อร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะส่งสัญญาณให้เก็บสะสมไขมันไว้ในร่างกายมากขึ้น
เพราะแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้สาว ๆ ที่แอ็คทีฟหน่อย ควรได้รับพลังงานประมาณวันละ 1,400-1,700 กิโลแคลอรี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกินแบบไม่เลือก เพราะพลังงานที่ได้นั้นควรได้รับจากอาหารที่มีไฟเบอร์สูง อย่างผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี รวมทั้งโปรตีนจากเนื้อปลา และไขมันดีจากถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันมะกอก ฯลฯ นะจ๊ะ
ร่างกายของเราประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่สังเคราะห์มาจากอาหารประเภทโปรตีน และถ้ายิ่งมีกล้ามเนื้อมากเท่าไร ร่างกายของเราก็จะเผาผลาญพลังงานได้มากเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องสร้างกล้ามเนื้อด้วยการยกดัมเบลด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแม้คุณจะไดเอตจนน้ำหนักลด แต่ 25% ของน้ำหนักที่หายไปนั้นจะกลายเป็นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ที่จะไปยับยั้งระบบเมตาบอลิซึม แต่ถ้าคุณยกดัมเบลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็จะช่วยเพิ่มการทำงานของระบบเผาผลาญได้แล้ว
3. เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ
ถ้านั่งอยู่เฉย ๆ แล้วเราจะเผาผลาญแคลอรีได้อย่างไรล่ะจริงไหม เพราะฉะนั้นก็ต้องเคลื่อนไหวให้มาก ๆ เข้าไว้ ดังที่งานวิจัยของมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก เขาค้นพบว่า คนที่เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ จะมีน้ำหนักตัวขึ้นน้อยกว่าคนที่นั่งอยู่เฉย ๆ รู้แบบนี้รีบเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือลุกออกจากเก้าอี้อย่างน้อยทุก ๆ ชั่วโมงกันดีกว่า
4. สาหร่าย+ชาเขียวก็ช่วยได้
เคยได้ยินมาว่าการดื่มชาเขียวช่วยเบิร์นไขมันได้ แต่หลายคนคงไม่รู้ว่า พืชชนิดอื่นที่มีสีเขียว ๆ แบบเดียวกันก็มีสรรพคุณเลิศไม่แพ้กัน อย่างสาหร่ายวากาเมะของญี่ปุ่นที่มีสารฟูโกแซนทีน (FUCOXANTHIN) ก็สามารถช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในเซลล์ไขมันได้ ซึ่งแพทย์ในสหรัฐอเมริกาก็เคยแนะนำให้ผู้ป่วยที่มีระบบการเผาผลาญช้าทานสาหร่ายพวกนี้ร่วมกับการดื่มชาเขียว ซึ่งก็พบว่าช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
5. ทานปลาด้วยนะ
กรดไขมันโอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันดีที่จะช่วยทำให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้สามารถหาทานได้จากปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาเทราต์ ซึ่งหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เกต ไปเดินช้อปปิ้งเมื่อไรก็แวบเข้าไปแผนกขายปลาด้วยล่ะ
6. บอกลาอาหารซ้ำ ๆ จำเจ
ถ้าคุณยังคงทานอาหารแบบซ้ำ ๆ เดิม ๆ ในทุก ๆ วัน ร่างกายคุณจะสามารถปรับตัวได้ และลดอัตราการเผาผลาญลง ดังนั้น ให้ลองปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารไปทุก ๆ สองสัปดาห์ เช่น สองสัปดาห์แรกอาจจะเน้นทานอาหารโลว์แฟต อีกสองสัปดาห์ข้างหน้าอาจจะทานโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมันให้มากขึ้นอีกเล็กน้อย และเน้นทานผัก-ผลไม้ด้วย เพื่อให้อัตราการเผาผลาญบูตขึ้นมา
7. ดื่มนมให้มากขึ้น
งานวิจัยจาก SupplementWatch บอกให้รู้ว่า ในน้ำนมจะมีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อ Nicotinamide riboside ซึ่งจากการทดสอบพบว่าสารตัวนี้ช่วยเบิร์นไขมันให้คุณได้ และจากการทดสอบกับหนูทดลองก็พบว่า สารตัวนี้ช่วยลดระดับความอ้วนได้ด้วย ถึงแม้ว่านมจะมีไขมันสูงก็ตาม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้ทานนมกับซีเรียล หรือทานกรีกโยเกิร์ตร่วมกับผลไม้ค่ะ
8. กินแตงโมด้วย
กรดอะมิโนอาร์จินีนในผลไม้หน้าร้อนอย่างแตงโม ไม่เพียงแต่จะช่วยเบิร์นไขมันได้เท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันการสะสมไขมันด้วย โดยจากการวิจัยพบว่า หนูทดลองที่ได้รับสารอาร์จินีนเป็นเวลา 12 สัปดาห์ สามารถลดอัตราไขมันในตัวได้มากถึง 30% เลยทีเดียว และนอกจากแตงโมจะช่วยเบิร์นไขมันได้แล้ว ก็ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ รู้แบบนี้ต้องทานแตงโมให้บ่อย ๆ แล้ว จะนำไปใส่ในชามสลัด ทานสด ๆ หรือปั่นเป็นน้ำแตงโมดื่มให้ชื่นใจก็อร่อย
9. เลือกทานอาหารออร์แกนิก
การศึกษาพบว่าอาหารที่ผ่านกระบวนการจะทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสอ้วนมากขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นเพราะมันไปมีผลต่อระบบเมตาบอลิซึม หรือทำให้เซลล์เปลี่ยนเป็นเซลล์ไขมัน ดังนั้น จึงแนะนำให้เลือกทานอาหารออร์แกนิกให้บ่อยเท่าที่จะทานได้
ออกกำลังกายก็แล้ว ควบคุมอาหารก็แล้ว แต่ก็ต้องไม่ลืมเร่งระบบเผาผลาญของตัวเองด้วยล่ะ หุ่นสวยสุขภาพดีจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ จริงมะ