ข้าวมันไก่ อาหารจานเดียวที่ใครหลายคนโปรดปรานจนลองทำกินเอง
แต่ก็มักจะเจอปัญหาหุงข้าวไม่อร่อย เนื้อไก่ไม่นุ่ม
หรือไม่ก็น้ำจิ้มไม่แซ่บ วันนี้เรามีวิธีทำข้าวมันไก่แบบง่าย ๆ
เพียงแค่สูตรเดียวจะช่วยให้คุณทำข้าวมันไก่กินเองที่บ้านได้แบบผ่านฉลุย
ที่พ่วงมากับวิธีปรุงน้ำจิ้มข้าวมันไก่รสเด็ด
แถมยังเคล็ดลับในการทำข้าวมันไก่อีกมากมายจาก คุณมันแกวกะแห้วหมู สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ถ้าพร้อมแล้วก็ลองมาดูวิธีทำข้าวมันไก่สูตรเด็ดสูตรนี้กันเลย
ข้าวมันไก่ พร้อมวิธีปรุงน้ำจิ้ม เคล็ดลับที่ไม่ลับทำเองได้ที่บ้าน โดย คุณมันแกวกะแห้วหมู สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
วันนี้ขอเสนอวิธีการทำข้าวมันไก่แบบทำรับประทานกันเองได้ที่บ้านนะ ไม่ยากเกินไป อย่างแรก ก็หาซื้อไก่สดปริมาณพอเหมาะกับจำนวนคนที่จะทานก่อน แนะนำให้ซื้อไก่แบบหาซื้อได้ง่าย ๆ ก็คือ ไก่เนื้อที่มีขายอยู่ทั่วไป ทั้งตามตลาดสดและซูเปอร์มาเก็ต สมาชิกในบ้านชอบส่วนไหนก็ซื้อมาตามสะดวก ถ้าชอบแบบเนื้อแห้ง ๆ ไม่มีมันก็เลือกหน้าอก ถ้าชอบแบบเหนียวหนึบหน่อยก็เลือกน่องหรือปีก ถ้าชอบนุ่ม ๆ มัน ๆ ก็สะโพก เป็นต้น เราจะไม่กล่าวถึงการใช้วัตถุดิบประเภท ไก่บ้าน ไก่ไทย ไก่พันธุ์เบตง อะไรทำนองนี้นะครับ เอาแบบง่าย ๆ ก่อน
น้ำสำหรับต้มไก่
เวลาเราต้องการทำน้ำซุปหรือน้ำสต๊อก เรามักจะเอาโครงไก่หรือเนื้อไก่ลงไปต้มเพื่อให้น้ำซุปมีรสชาติดี น้ำจะมีรสหวานจากไก่สด พอต้มเสร็จ น้ำซุปที่ได้ก็จะอร่อย แต่เนื้อไก่จะจืดชืด เพราะความหวานของเนื้อไก่ละลายไปอยู่กับน้ำซุปหมดแล้ว จนต้องพึ่งน้ำจิ้มรสจัดมาเป็นตัวทำให้อร่อยแทน ดังนั้นแทนที่เราจะให้ความหวานจากเนื้อไก่ถูกปล่อยออกมา เราก็จะเปลี่ยนเป็นทำให้รสชาติน้ำซุปซึมเข้าไปที่เนื้อไก่แทน
ส่วนผสม น้ำต้มไก่
► ผักกาดขาว หรือผักหางหงส์สด 1 หัว (ต้องเลือกที่สด ๆ เพื่อให้หวาน)
► กระเทียม 3–4 หัว (ประมาณ 30 กลีบ)
► รากผักชี 5–6 ราก
► ขิงแก่ (หั่นเป็นแว่นบาง) 5–6 แว่น
► ขิงทุบ เล็กน้อย
► พริกไทยขาว (ทุบหยาบ ๆ) 20–30 เม็ด
► เกลือสมุทร 1-2 ช้อนโต๊ะ (ได้ดอกเกลือยิ่งดี เพื่อให้มีรสเค็มขึ้นมาบ้าง ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ)
► น้ำตาลกรวด 1/2 ช้อนโต๊ะ
► ซีอิ๊วขาว 2–3 ช้อนโต๊ะ
► น้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำข้าวมันไก่
1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ (ควรใส่น้ำเผื่อไว้หน่อยกันน้ำแห้งเกินไป) นำขึ้นตั้งไฟแรง (ไม่ต้องปิดฝา) ต้มให้เดือดนานอย่างน้อย 30 นาที
2. พอครบเวลาใส่ไก่ลงไปจนหมด
(ถ้าหม้อใบเล็กเกินจะเอาผักกาดขาวออกให้หมดก่อนก็ได้)
พอใส่ไก่ชิ้นสุดท้ายลงไป ให้ลดไฟอ่อนลง จากนั้นต้มไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเดือด
หมั่นช้อนฟองอากาศทิ้ง
หมายเหตุ : ควรจับเวลาให้ดี ถ้าต้มนานไปไก่จะสุกเกินไม่อร่อย ถ้าไก่ดิบไปก็กินไม่ได้ (คือกระดูกมีเลือด เนื้อส่วนที่ติดกระดูกเหนียวเลาะไม่ออก) ปกติจะใช้เวลาในการต้มประมาณ 1 ชั่วโมงนับจากใส่ไก่ลงไป หมั่นตักฟองทิ้งไปบ้าง จากนั้นก็ปล่อยให้ไฟรุม ๆ ไปเรื่อย ๆ
ส่วนผสม น้ำจิ้มข้าวมันไก่
► เต้าเจี้ยว 6 ช้อนโต๊ะ
► น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
► ขิงแก่ (สับละเอียด) 3 ช้อนโต๊ะ
► ขิงแก่ (ตำแหลก) 1 ช้อนโต๊ะ
► พริกขี้หนูสดเขียว-แดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
► น้ำส้มพริกดองแบบปั่น 2 ช้อนโต๊ะ
► ซีอิ๊วหวานสูตร 1 1 ช้อนโต๊ะ
► มะนาว 1 ซีก
วิธีทำน้ำจิ้มข้าวมันไก่
► ใส่เต้าเจี้ยวลงในถ้วย (ควรชิมก่อนด้วยว่า
เต้าเจี้ยวที่เราซื้อมามีความเค็มมากน้อยแค่ไหน บางยี่ห้อก็เค็มจัด
บางยี่ห้อก็มีติดหวานเล็ก ๆ ปริมาณส่วนผสมมาก-น้อย ลดลงตามส่วนนะครับ)
► ใส่น้ำตาลทราย
► ใส่ขิงแก่ตำแหลกและขิงแก่สับละเอียด
(ขิงแก่ตำแหลกนี่สำคัญนะครับ ตำให้แหลกเลย นำน้ำขิงในครกใส่ไปด้วย
เวลาผสมกันเป็นน้ำจิ้มแล้วจะได้มีรสและกลิ่นขิงแทรกอยู่อย่างทั่วถึง)
► ใส่พริกขี้หนูเขียว-แดงซอย (ถ้าชอบเผ็ดก็เอาส่วนหนึ่งไปปั่นหรือตำให้แหลกก่อนเลยแล้วค่อยเอามาใส่)
► ใส่น้ำส้มพริกดอง (ที่เหลือมาจากการกินข้าวขาหมู เย็นตาโฟ หรือก๋วยเตี๋ยวเรือก็ได้) บีบน้ำมะนาวใส่ลงไป (เพื่อเอากลิ่น)
► ซีอิ๊วหวาน (ถ้าไม่ต้องการให้สีเข้มมากก็ลดเหลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
แนะนำให้ใช้สูตร 1 นะครับ พวกง่วนเชียงฝาสีครีมก็ดี ไม่ควรใช้น้ำตาลโมลาส
หรือซีอิ๊วหวานสูตร 5 ได้สีเข้มก็จริง แต่เดี๋ยวจะทำให้เสียรส เสียกลิ่น)
► คนผสมให้ละลายเข้ากัน ชิมรสตามชอบ
(ไม่ต้องใส่น้ำซุปลงไปให้เจือจาง
แต่ถ้าเห็นว่าข้นมากเพราะใส่ขิงมากไปก็เติมน้ำซุปลงไปสัก 1 ช้อนโต๊ะ)
หมายเหตุ : ชิมให้ถูกปาก ถ้าอ่อนเค็มให้เพิ่มเต้าเจี้ยว ถ้าอ่อนหวานให้เพิ่มน้ำตาลทราย (ระวังนะครับ ถ้าคน ๆ น้ำตาลยังไม่ละลายดี ชิมแล้วจะยังไม่ออกหวาน พอละลายแล้วเดี๋ยวหวานเกินไปนะ) ถ้าอ่อนเปรี้ยวให้เพิ่มน้ำส้มพริกปั่นลงไป (ไม่เพิ่มมะนาวนะครับ) ส่วนชอบเผ็ดมากน้อยก็ปรับสัดส่วนของพริกขี้หนูเสียแต่ทีแรกเลย
► ข้าวหอมเก่า (ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้ข้าวหอมเก่าก็จะดี ที่ไม่ใช่ข้าวหอมใหม่ต้นฤดู หรือข้าวนาปีเสาไห้ อะไรประมาณนี้)
► น้ำมันพืช
► กระเทียม
► ขิงฝานแว่น
► เกลือสมุทร 1/2-1ช้อนชา
► น้ำตาลกรวด 1 ช้อนชา
► น้ำซุป 1 ทัพพี
วิธีทำข้าวมัน
► ซาวข้าวให้เรียบร้อย เทน้ำออกให้แห้ง พักไว้ (อย่าซาวข้าวทิ้งไว้ล่วงหน้านานนัก ถึงเวลาจะหุงแล้วค่อยซาวข้าว และควรเตรียมการหุงเมื่อไก่ต้มสุกพอดี เพราะต้องใช้น้ำต้มไก่มาหุงข้าว)
► ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย ใส่กระเทียมสับและขิงฝานแว่นลงไปเจียวพอหอม
► ใส่ข้าวที่ซาวแล้วลงไปผัด
► ช้อนน้ำมันไก่จากหม้อต้มไก่ลงไปผัดกับข้าว
(เท่าที่จะช้อนออกมาได้ มีน้ำซุปติดมาด้วยก็ไม่เป็นไร
ใช้ตะแกรงมุ้งสแตนเลสแบบนี้ ช้อนน้ำมันออกมาได้ดีทีเดียว)
► ใส่เกลือสมุทร น้ำตาลกรวด และน้ำซุป แล้วผัดให้เข้ากัน ใช้ไฟกลาง
ผัดให้เมล็ดข้าวจากเดิมที่ใส ๆ
เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขุ่นเหมือนเมล็ดข้าวเหนียว และข้าวเริ่มแห้งติดกระทะ
ปิดไฟ ยกลงจากเตา นำไปใส่หม้อหุงข้าว
► ตักน้ำต้มไก่ใส่ลงไปในหม้อหุงข้าว ใส่น้ำให้น้อยกว่าปกติที่เคยหุงเล็กน้อย กดปุ่มหุงข้าว เมื่อข้าวสุกแล้ว อุ่นทิ้งไว้ไม่น้อยกว่า 20 นาที
► เปิดฝาหม้อหุงข้าวแล้วใช้ช้อนคุ้ยข้าวเบา ๆ
เพื่อให้น้ำมันที่ตกอยู่ก้นหม้อหุงข้าวขึ้นมาคลุกกับข้าวให้ทั่ว
(หุงครั้งแรกถ้าเค็มหรือจืดไป ครั้งต่อไปก็ปรับสัดส่วนเอานะครับ
เหตุเพราะรสชาติของน้ำต้มไก่ที่เราเอามาหุงข้าว รสจัดมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง)
► เตรียมช็อกไก่ด้วยน้ำเย็น โดยใส่น้ำแข็งก้อนลงในภาชนะ
แล้วเติมน้ำลงไป จากนั้นใส่ไก่ที่ต้มไว้ลงไปในอ่างน้ำเย็น (วิธีคือ
เมื่อต้มเสร็จให้เอาขึ้นจากหม้อแล้วแช่ในน้ำเย็นทันที) แช่ทิ้งไว้ประมาณ
5–10 นาที
► ตักขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วเอาน้ำมันพืชมาทาหนังไก่ไว้ให้ทั่ว ๆ (จะใช้แปรงหรือมือก็ได้ แล้วแต่สะดวก)
► พักทิ้งไว้ประมาณ 3–4 ชั่วโมง (ผิวไก่ก็ยังคงมีสีขาวอมเหลืองสวย
เต่งตึงอยู่ตลอดเวลา ไม่แดง ช้ำ กระดำกระด่าง หรือมีกลิ่นหืนแต่ประการใด)
หมายเหตุ : การช็อกไก่ด้วยน้ำเย็น จะทำให้เนื้อไก่นุ่มหนึบ ไม่เละ หนังกรุบ เด้งดึ๋ง และรสสัมผัสเหมือนไก่บ้าน
► จากนั้นสับเป็นชิ้น ๆ จัดเสิร์ฟ
วิธีทำน้ำซุปสำหรับรับประทานคู่
น้ำซุปต้มไก่จะมีรสจัดเกินไปกว่าที่จะนำมาเป็นน้ำซุปที่กินกับข้าวมันไก่ได้ทันที ต้องเติมน้ำลงไปให้รสอ่อนลงแล้วนำไปต้มให้เดือดอีกครั้ง ถึงเอามารับประทานคู่กับข้าวมันไก่ได้ (ถ้าน้ำซุปต้มไก่รสอ่อนพอดี ก็นำมาทานเป็นน้ำซุปได้เลย แต่ก็แปลว่าไก่เรารสจะจืดไปนิดนะครับ)
เคล็ดลับ : เวลารับประทานไก่ไม่หมดให้เก็บไว้ในตู้เย็นได้ พอจะเอามารับประทาน ก็ควรเอาออกมาไว้นอกตู้เย็นสัก 30 นาที เพื่อให้ความเย็นคลายไปตามอุณหภูมิห้อง แล้วรับประทานได้เลย ก็จะยังคงอร่อยเหมือนเพิ่งทำเสร็จ ไม่ต้องเอาไปอุ่นโดยวิธีใด ๆ ไม่ว่านึ่งหรือไมโครเวฟ มิเช่นนั้นความอร่อยของเนื้อไก่จะหายไปทันที และกลิ่นหนังไก่ก็จะไม่หอมเหมือนเดิม
ข้าวมันไก่กับน้ำจิ้มจานนี้น่ากินสุด ๆ วิธีทำก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แบบนี้ลองนำไปทำกินกันในครอบครัวดูนะคะ คุ้มเกินคุ้ม !
หมายเหตุ : ข้าวมันไก่ 1 จาน ให้พลังงานประมาณ 585 กิโลแคลอรี่
ข้าวมันไก่ พร้อมวิธีปรุงน้ำจิ้ม เคล็ดลับที่ไม่ลับทำเองได้ที่บ้าน โดย คุณมันแกวกะแห้วหมู สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
วันนี้ขอเสนอวิธีการทำข้าวมันไก่แบบทำรับประทานกันเองได้ที่บ้านนะ ไม่ยากเกินไป อย่างแรก ก็หาซื้อไก่สดปริมาณพอเหมาะกับจำนวนคนที่จะทานก่อน แนะนำให้ซื้อไก่แบบหาซื้อได้ง่าย ๆ ก็คือ ไก่เนื้อที่มีขายอยู่ทั่วไป ทั้งตามตลาดสดและซูเปอร์มาเก็ต สมาชิกในบ้านชอบส่วนไหนก็ซื้อมาตามสะดวก ถ้าชอบแบบเนื้อแห้ง ๆ ไม่มีมันก็เลือกหน้าอก ถ้าชอบแบบเหนียวหนึบหน่อยก็เลือกน่องหรือปีก ถ้าชอบนุ่ม ๆ มัน ๆ ก็สะโพก เป็นต้น เราจะไม่กล่าวถึงการใช้วัตถุดิบประเภท ไก่บ้าน ไก่ไทย ไก่พันธุ์เบตง อะไรทำนองนี้นะครับ เอาแบบง่าย ๆ ก่อน
++++++++++++++++
น้ำสำหรับต้มไก่
เวลาเราต้องการทำน้ำซุปหรือน้ำสต๊อก เรามักจะเอาโครงไก่หรือเนื้อไก่ลงไปต้มเพื่อให้น้ำซุปมีรสชาติดี น้ำจะมีรสหวานจากไก่สด พอต้มเสร็จ น้ำซุปที่ได้ก็จะอร่อย แต่เนื้อไก่จะจืดชืด เพราะความหวานของเนื้อไก่ละลายไปอยู่กับน้ำซุปหมดแล้ว จนต้องพึ่งน้ำจิ้มรสจัดมาเป็นตัวทำให้อร่อยแทน ดังนั้นแทนที่เราจะให้ความหวานจากเนื้อไก่ถูกปล่อยออกมา เราก็จะเปลี่ยนเป็นทำให้รสชาติน้ำซุปซึมเข้าไปที่เนื้อไก่แทน
ส่วนผสม น้ำต้มไก่
► ผักกาดขาว หรือผักหางหงส์สด 1 หัว (ต้องเลือกที่สด ๆ เพื่อให้หวาน)
► กระเทียม 3–4 หัว (ประมาณ 30 กลีบ)
► รากผักชี 5–6 ราก
► ขิงแก่ (หั่นเป็นแว่นบาง) 5–6 แว่น
► ขิงทุบ เล็กน้อย
► พริกไทยขาว (ทุบหยาบ ๆ) 20–30 เม็ด
► เกลือสมุทร 1-2 ช้อนโต๊ะ (ได้ดอกเกลือยิ่งดี เพื่อให้มีรสเค็มขึ้นมาบ้าง ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ)
► น้ำตาลกรวด 1/2 ช้อนโต๊ะ
► ซีอิ๊วขาว 2–3 ช้อนโต๊ะ
► น้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำข้าวมันไก่
1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ (ควรใส่น้ำเผื่อไว้หน่อยกันน้ำแห้งเกินไป) นำขึ้นตั้งไฟแรง (ไม่ต้องปิดฝา) ต้มให้เดือดนานอย่างน้อย 30 นาที
หมายเหตุ : ควรจับเวลาให้ดี ถ้าต้มนานไปไก่จะสุกเกินไม่อร่อย ถ้าไก่ดิบไปก็กินไม่ได้ (คือกระดูกมีเลือด เนื้อส่วนที่ติดกระดูกเหนียวเลาะไม่ออก) ปกติจะใช้เวลาในการต้มประมาณ 1 ชั่วโมงนับจากใส่ไก่ลงไป หมั่นตักฟองทิ้งไปบ้าง จากนั้นก็ปล่อยให้ไฟรุม ๆ ไปเรื่อย ๆ
++++++++++++++++
น้ำจิ้มข้าวมันไก่
ส่วนผสม น้ำจิ้มข้าวมันไก่
► เต้าเจี้ยว 6 ช้อนโต๊ะ
► น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
► ขิงแก่ (สับละเอียด) 3 ช้อนโต๊ะ
► ขิงแก่ (ตำแหลก) 1 ช้อนโต๊ะ
► พริกขี้หนูสดเขียว-แดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
► น้ำส้มพริกดองแบบปั่น 2 ช้อนโต๊ะ
► ซีอิ๊วหวานสูตร 1 1 ช้อนโต๊ะ
► มะนาว 1 ซีก
วิธีทำน้ำจิ้มข้าวมันไก่
หมายเหตุ : ชิมให้ถูกปาก ถ้าอ่อนเค็มให้เพิ่มเต้าเจี้ยว ถ้าอ่อนหวานให้เพิ่มน้ำตาลทราย (ระวังนะครับ ถ้าคน ๆ น้ำตาลยังไม่ละลายดี ชิมแล้วจะยังไม่ออกหวาน พอละลายแล้วเดี๋ยวหวานเกินไปนะ) ถ้าอ่อนเปรี้ยวให้เพิ่มน้ำส้มพริกปั่นลงไป (ไม่เพิ่มมะนาวนะครับ) ส่วนชอบเผ็ดมากน้อยก็ปรับสัดส่วนของพริกขี้หนูเสียแต่ทีแรกเลย
+++++++++++++
ส่วนผสม ข้าวมัน ► ข้าวหอมเก่า (ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้ข้าวหอมเก่าก็จะดี ที่ไม่ใช่ข้าวหอมใหม่ต้นฤดู หรือข้าวนาปีเสาไห้ อะไรประมาณนี้)
► น้ำมันพืช
► กระเทียม
► ขิงฝานแว่น
► เกลือสมุทร 1/2-1ช้อนชา
► น้ำตาลกรวด 1 ช้อนชา
► น้ำซุป 1 ทัพพี
วิธีทำข้าวมัน
► ซาวข้าวให้เรียบร้อย เทน้ำออกให้แห้ง พักไว้ (อย่าซาวข้าวทิ้งไว้ล่วงหน้านานนัก ถึงเวลาจะหุงแล้วค่อยซาวข้าว และควรเตรียมการหุงเมื่อไก่ต้มสุกพอดี เพราะต้องใช้น้ำต้มไก่มาหุงข้าว)
หมายเหตุ : การช็อกไก่ด้วยน้ำเย็น จะทำให้เนื้อไก่นุ่มหนึบ ไม่เละ หนังกรุบ เด้งดึ๋ง และรสสัมผัสเหมือนไก่บ้าน
วิธีทำน้ำซุปสำหรับรับประทานคู่
น้ำซุปต้มไก่จะมีรสจัดเกินไปกว่าที่จะนำมาเป็นน้ำซุปที่กินกับข้าวมันไก่ได้ทันที ต้องเติมน้ำลงไปให้รสอ่อนลงแล้วนำไปต้มให้เดือดอีกครั้ง ถึงเอามารับประทานคู่กับข้าวมันไก่ได้ (ถ้าน้ำซุปต้มไก่รสอ่อนพอดี ก็นำมาทานเป็นน้ำซุปได้เลย แต่ก็แปลว่าไก่เรารสจะจืดไปนิดนะครับ)
เคล็ดลับ : เวลารับประทานไก่ไม่หมดให้เก็บไว้ในตู้เย็นได้ พอจะเอามารับประทาน ก็ควรเอาออกมาไว้นอกตู้เย็นสัก 30 นาที เพื่อให้ความเย็นคลายไปตามอุณหภูมิห้อง แล้วรับประทานได้เลย ก็จะยังคงอร่อยเหมือนเพิ่งทำเสร็จ ไม่ต้องเอาไปอุ่นโดยวิธีใด ๆ ไม่ว่านึ่งหรือไมโครเวฟ มิเช่นนั้นความอร่อยของเนื้อไก่จะหายไปทันที และกลิ่นหนังไก่ก็จะไม่หอมเหมือนเดิม
ข้าวมันไก่กับน้ำจิ้มจานนี้น่ากินสุด ๆ วิธีทำก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แบบนี้ลองนำไปทำกินกันในครอบครัวดูนะคะ คุ้มเกินคุ้ม !
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก