ขนมไทยโบราณอย่างขนมหยกมณี เสน่ห์อยู่ที่มีสีเขียวเหมือนหยก อัญมณีเลอค่า เชื่อว่าคนรุ่นใหม่อาจไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ สำหรับสาวกขนมไทยตัวจริงห้ามพลาด กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมหยกมณี (Pandan Tapioca Pearls) สูตรจากคุณ Rin's Cookbook (#Rinscookbook) สูตรใส่น้ำใบเตย ส่วนผสมหลัก ๆ มีแค่สาคู ใบเตย และมะพร้าวขูด ทั้งนี้สามารถใส่เครื่องเครา เช่น ฟักทองนึ่ง เผือกนึ่ง ลงไปคนผสมกับตัวขนมได้ด้วย หรือจะทำเป็นสีต่าง ๆ ก็แล้วแต่เลยค่ะ ลองทำดูค่ะ อร่อยจริง ๆ นะ
• สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง
• ใบเตยหั่น 5-6 ใบ
• น้ำเปล่า หรือน้ำลอยดอกมะลิ (สำหรับปั่นน้ำใบเตย) 2 ถ้วยตวง
• น้ำเปล่า (สำหรับต้มสาคู) 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
• มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 ถ้วยตวง
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำขนมหยกมณี
• เริ่มจากการล้างสาคูโดยเทสาคูลงไปบนตะแกรง ใส่น้ำเปล่าลงไป ใช้มือคนเล็กน้อย เทน้ำทิ้ง ทำซ้ำ 2 รอบ
• พักสาคูไว้บนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำประมาณ 15-20 นาที
• ระหว่างรอสาคูก็มาคั้นน้ำใบเตยโดยหั่นใบเตยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่โถปั่น
• ใส่น้ำเปล่า หรือน้ำลอยดอกมะลิลงไป ปั่นให้ละเอียด
• กรองด้วยผ้าขาวบาง หรือถุงกาแฟ เตรียมไว้
• พอพักสาคูไว้จนครบ 15 นาทีแล้ว เทน้ำเปล่าใส่กระทะ หรือหม้อ เปิดไฟแรงสูง พอน้ำเดือดพล่านให้ปรับเป็นไฟกลาง จากนั้นใส่สาคูลงไปคนอย่างเร็ว (เพราะสาคูจะจับเป็นก้อน) คนจนสาคูเริ่มจับตัวเป็นก้อน มีลักษณะเป็นตากบคือ มีสีขุ่นตรงกลางและภายนอกสีใส
• ใส่น้ำใบเตยลงไปคนให้เข้ากัน
• กวน ส่วนผสมไปเรื่อย ๆ ถ้าชอบสาคูเป็นแบบตากบก็ใส่น้ำตาลทรายลงไปได้เลย หรือถ้าชอบสาคูสุกมากก็กวนจนน้ำแห้งแล้วค่อยใส่น้ำตาลทรายลงไป (ชอบแบบไหนก็ใส่น้ำตาลลงไปตอนนั้น)
• พอใส่น้ำตาลทรายเสร็จแล้วก็กวนส่วนผสมต่อไปอีกประมาณ 5 นาที หรือจนขนมค่อนข้างหนืดตัวและข้นแต่ไม่แห้ง
• เทขนมใส่ถาด เกลี่ยให้เท่า ๆ กัน (ห้ามจุ่มมือลงไปเพราะขนมร้อนมาก ๆ) ผึ่งขนมไว้จนเย็น
• ระหว่างรอขนมเย็นให้นึ่งมะพร้าวขูดในชุดนึ่งใช้ไฟแรงประมาณ 15 นาที
• นำช้อนกินข้าวไปจุ่มน้ำเล็กน้อย จากนั้นนำมาตักขนมหยกมณีเป็นคำ ๆ
• คลุกเคล้าขนมหยกมณีกับมะพร้าวให้เข้ากัน ตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ
แม่เจ้า ! เกิดมาอายุอานามก็ผ่านมาเกิน 18 ฝน 18 หนาวแล้ว แต่ไม่เค้ยไม่เคยได้ชิมขนมหยกมณี ขนมหวานสีสวยงามกับเขาเลย นั่นแน่… เชื่อว่าเพื่อน ๆ บางคนก็ไม่เคยกินเช่นกัน ไหน ๆ ก็อ่านสูตรแล้วจัดไปอย่าให้เสีย
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
Rin's Cookbook (#Rinscookbook) และ เฟซบุ๊ก Rin Silpachai