อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต เล่าถึงอาการ ท้องร่วงหน้าร้อน ไว้ว่า
"พอเข้าฤดูร้อนสักพักหนึ่งเราจึงจะป่วย เพราะเชื้อโรคต้องใช้เวลาฟักตัวประมาณ 1 - 2 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อเหตุที่ท้องเดินเพราะเมื่อท้อง (กระเพาะและลำไส้) ถูกรบกวน ไม่ว่าจะติดเชื้อหรือจากการกินอาหารรสจัด เปรี้ยว เค็มหวาน เผ็ดเกินไป ผนังกระเพาะและลำไส้จะไม่ดูดซึมของเหลวจากอาหารเมื่อเป็นเช่นนี้ของเหลวทั้งหมดก็จะวิ่งจี๋ออกจากลำไส้ จึงเกิดอาการท้องเดิน
"สาเหตุที่ทำให้ท้องไส้เราถูกรบกวนมีหลายอย่าง ทั้งทางใจ เช่น อารมณ์ไม่ดี เสียใจ หรือตกใจเป็นทุกข์เป็นร้อนมากเกินไปก็ท้องเดินได้ และทางกายเช่น ยาปฏิชีวนะ เกิดการอักเสบจากการติดเชื้อโรค เกิดการแพ้อาหารบางอย่าง (โดยเฉพาะอาหารทะเล) อาหารเป็นพิษกินอาหาร กินเหล้า หรือกินยาระบายมากเกินไป
"แต่ในกรณีที่ท้องเดินจากการติดเชื้ออาการจะเพิ่มขึ้นมา เช่น ปวดท้องคลื่นไส้อาเจียน และอาจจะมีไข้ขึ้นด้วยถ้าหากท้องเดินจากการติดเชื้อก็อย่าประหลาดใจว่าทำไมจู่ๆ ท้องเดินอย่างกะทันหัน นั่นเพราะกินอาหาร อาจจะกินดื่มมากเกินไป) เรียกว่ากินและดื่มจนล้นกระเพาะ
"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องระมัดระวังเรื่องการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงจนมีเลือดปนออกมา เพราะเมื่อท้องไส้ขย้อนอย่างรุนแรง เส้นเลือดฝอยในผนังกระเพาะและลำไส้จะเกิดการแตกได้
"ในบางถิ่นซึ่งขายอาหาร การอนามัยท้องถิ่นค่อนข้างสกปรก ต้องระวังเชื้อโรคบิด (Bacillary Dysetery) แพทย์ต่างชาติยกตัวอย่าง เช่น อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ เม็กซิโก ประเทศไทยก็ไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะร้านขายอาหารทะเลที่เป็นแผงลอยและรถเข็นที่อยู่ริมทะเล ร้านเหล่านี้มักเก็บอาหารไว้ในกล่องพลาสติกแช่น้ำแข็งบ้างเล็กน้อยและส่วนมากจะแช่ฟอร์มาลิน"
"พอเข้าฤดูร้อนสักพักหนึ่งเราจึงจะป่วย เพราะเชื้อโรคต้องใช้เวลาฟักตัวประมาณ 1 - 2 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อเหตุที่ท้องเดินเพราะเมื่อท้อง (กระเพาะและลำไส้) ถูกรบกวน ไม่ว่าจะติดเชื้อหรือจากการกินอาหารรสจัด เปรี้ยว เค็มหวาน เผ็ดเกินไป ผนังกระเพาะและลำไส้จะไม่ดูดซึมของเหลวจากอาหารเมื่อเป็นเช่นนี้ของเหลวทั้งหมดก็จะวิ่งจี๋ออกจากลำไส้ จึงเกิดอาการท้องเดิน
"สาเหตุที่ทำให้ท้องไส้เราถูกรบกวนมีหลายอย่าง ทั้งทางใจ เช่น อารมณ์ไม่ดี เสียใจ หรือตกใจเป็นทุกข์เป็นร้อนมากเกินไปก็ท้องเดินได้ และทางกายเช่น ยาปฏิชีวนะ เกิดการอักเสบจากการติดเชื้อโรค เกิดการแพ้อาหารบางอย่าง (โดยเฉพาะอาหารทะเล) อาหารเป็นพิษกินอาหาร กินเหล้า หรือกินยาระบายมากเกินไป
"แต่ในกรณีที่ท้องเดินจากการติดเชื้ออาการจะเพิ่มขึ้นมา เช่น ปวดท้องคลื่นไส้อาเจียน และอาจจะมีไข้ขึ้นด้วยถ้าหากท้องเดินจากการติดเชื้อก็อย่าประหลาดใจว่าทำไมจู่ๆ ท้องเดินอย่างกะทันหัน นั่นเพราะกินอาหาร อาจจะกินดื่มมากเกินไป) เรียกว่ากินและดื่มจนล้นกระเพาะ
"ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องระมัดระวังเรื่องการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงจนมีเลือดปนออกมา เพราะเมื่อท้องไส้ขย้อนอย่างรุนแรง เส้นเลือดฝอยในผนังกระเพาะและลำไส้จะเกิดการแตกได้
"ในบางถิ่นซึ่งขายอาหาร การอนามัยท้องถิ่นค่อนข้างสกปรก ต้องระวังเชื้อโรคบิด (Bacillary Dysetery) แพทย์ต่างชาติยกตัวอย่าง เช่น อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ เม็กซิโก ประเทศไทยก็ไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะร้านขายอาหารทะเลที่เป็นแผงลอยและรถเข็นที่อยู่ริมทะเล ร้านเหล่านี้มักเก็บอาหารไว้ในกล่องพลาสติกแช่น้ำแข็งบ้างเล็กน้อยและส่วนมากจะแช่ฟอร์มาลิน"
อาจารย์สาทิส แนะนำ วิธีการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากอาหารเป็นพิษ ว่า
"ในหนังสือ Dr. Heimlich's Home Guide to Emergency Medical Situation ได้แนะนำไว้ว่า หากจะต้องไปกินอาหารในสถานที่ไม่ถูกสุขอนามัยควรดื่มน้ำมะนาว (มะนาว 1 - 2 ลูก) เสียก่อน หรือถ้ามียาทำจากเชื้ออะซิโดฟิลัส (Acidophilus) ก็ควรกินไว้ก่อน 3 แคปซูล ซึ่งเชื้ออะซิโดฟิลัสเป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่อยู่ในนมเปรี้ยว
"ที่ต้องระวังมากที่สุดคือ อาการท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียนของเด็กๆ การท้องเดินและอาเจียนจะทำให้เด็กเสียน้ำหรือแร่ธาตุในตัวมากจนทำให้เกิดอาการช็อกได้ นายแพทย์ไฮม์ลิกแนะนำให้ผสมน้ำหนึ่งถ้วยกับน้ำตาลหนึ่งช้อนชาและเบกกิ้งโซดากับเกลืออย่างละ 1 - 4 ช้อนชา ให้เด็กดื่ม ถ้ายังมีอาการอยู่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
"และที่ต้องระวังอีกอย่างคือ น้ำดื่มกับน้ำแข็ง เพราะหน้าร้อนแบบนี้เราจะชอบดื่มน้ำกับน้ำแข็งมาก น้ำแข็งก้อนที่ผลิตจากน้ำประปามักจะทำไม่ทันบางร้านจึงใช้น้ำอะไรไม่รู้มาผลิต และถ้าไปต่างจังหวัดเห็นขวดน้ำยี่ห้อแปลกๆ ก็ไม่ควรไว้วางใจ
"นอกจากนี้หากเดินทางไปต่างจังหวัดด้วยรถไฟหรือรถทัวร์ก็ไม่ควรดื่มน้ำแข็งถุง โอเลี้ยง หรือน้ำอัดลมเป็นอันขาดเชียวครับ"
ช่วงหน้าร้อนนี้คงไม่มีโรคไหนจะมาแรงเท่าโรคท้องร่วงอีกแล้วนะคะยังไม่ทันจะเข้าสู่หน้าร้อนจริงๆ ก็มีข่าวนักเรียนตามโรงเรียนต่างจังหวัดท้องร่วงท้องเสียกันยกชั้นเรียนตั้งแต่ต้นปี ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะอากาศร้อนมาเร็วกว่าฤดูกาลปกติ หรืออาจเป็นเพราะภาวะโลกร้อนที่ทำให้ฤดูกาลผันผวน
หากควบคุมสภาวะแวดล้อมไม่ได้แบบนี้?เราคงต้องรับมือกับโรคภัยที่จะเข้ามาประชิดตัวกันเอง และคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการดูแลตัวเองอย่างรอบคอบ
"ในหนังสือ Dr. Heimlich's Home Guide to Emergency Medical Situation ได้แนะนำไว้ว่า หากจะต้องไปกินอาหารในสถานที่ไม่ถูกสุขอนามัยควรดื่มน้ำมะนาว (มะนาว 1 - 2 ลูก) เสียก่อน หรือถ้ามียาทำจากเชื้ออะซิโดฟิลัส (Acidophilus) ก็ควรกินไว้ก่อน 3 แคปซูล ซึ่งเชื้ออะซิโดฟิลัสเป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่อยู่ในนมเปรี้ยว
"ที่ต้องระวังมากที่สุดคือ อาการท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียนของเด็กๆ การท้องเดินและอาเจียนจะทำให้เด็กเสียน้ำหรือแร่ธาตุในตัวมากจนทำให้เกิดอาการช็อกได้ นายแพทย์ไฮม์ลิกแนะนำให้ผสมน้ำหนึ่งถ้วยกับน้ำตาลหนึ่งช้อนชาและเบกกิ้งโซดากับเกลืออย่างละ 1 - 4 ช้อนชา ให้เด็กดื่ม ถ้ายังมีอาการอยู่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
"และที่ต้องระวังอีกอย่างคือ น้ำดื่มกับน้ำแข็ง เพราะหน้าร้อนแบบนี้เราจะชอบดื่มน้ำกับน้ำแข็งมาก น้ำแข็งก้อนที่ผลิตจากน้ำประปามักจะทำไม่ทันบางร้านจึงใช้น้ำอะไรไม่รู้มาผลิต และถ้าไปต่างจังหวัดเห็นขวดน้ำยี่ห้อแปลกๆ ก็ไม่ควรไว้วางใจ
"นอกจากนี้หากเดินทางไปต่างจังหวัดด้วยรถไฟหรือรถทัวร์ก็ไม่ควรดื่มน้ำแข็งถุง โอเลี้ยง หรือน้ำอัดลมเป็นอันขาดเชียวครับ"
ช่วงหน้าร้อนนี้คงไม่มีโรคไหนจะมาแรงเท่าโรคท้องร่วงอีกแล้วนะคะยังไม่ทันจะเข้าสู่หน้าร้อนจริงๆ ก็มีข่าวนักเรียนตามโรงเรียนต่างจังหวัดท้องร่วงท้องเสียกันยกชั้นเรียนตั้งแต่ต้นปี ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะอากาศร้อนมาเร็วกว่าฤดูกาลปกติ หรืออาจเป็นเพราะภาวะโลกร้อนที่ทำให้ฤดูกาลผันผวน
หากควบคุมสภาวะแวดล้อมไม่ได้แบบนี้?เราคงต้องรับมือกับโรคภัยที่จะเข้ามาประชิดตัวกันเอง และคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการดูแลตัวเองอย่างรอบคอบ
ถ้าไม่มีสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ สามารถเตรียมได้เอง ดังนี้
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นครึ่งช้อนชา น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว
วิธีทำ
ใส่ลงในแก้ว คนให้ละลายเข้ากัน แล้วเทใส่ขวดที่สะอาดปริมาณ 750 มิลลิลิตร หรือขนาดเท่าขวดน้ำปลา เขย่าให้เข้ากัน ถ้าผสมแล้วดื่มไม่หมดภายในหนึ่งวัน (24 ชั่วโมง) ให้เททิ้งแล้วผสมใหม่
จาก คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 252 (1 เมษายน 2552),goodlifeupdate.com