‘นาวาเอก อนันต์’ ผบ.หน่วยซีล เล่าเบื้องหลังภารกิจเหตุการณ์ “หมอภาคย์-มนุษย์กบ” ขาดการติดต่อภายในถ้ำนาน 23 ชม. ก่อนรู้ว่าพบเด็ก

‘นาวาเอก อนันต์’ ผบ.หน่วยซีล เล่าเบื้องหลังภารกิจเหตุการณ์ “หมอภาคย์-มนุษย์กบ” ขาดการติดต่อภายในถ้ำนาน 23 ชม. ก่อนรู้ว่าพบเด็ก (ชมคลิปท้ายข่าว)

นาวาเอก อนันต์ สุราวรรณ์ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ (หน่วยซีล) เล่าถึงภารกิจถ้ำหลวงว่า วันแรกที่มาถึงพื้นที่ประมาณ 02.00 น. วางแผนแล้วเข้าถ้ำไปราว 04.00 น. พวกเราเป็นชาวทะเล

เมื่อได้รับรายงานว่าเหตุในถ้ำก็นึกไม่ออก แต่น่าจะไม่ยาก แต่พอเข้าไปในถ้ำก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ในถ้ำมันมืดสนิท เส้นทางที่เข้าไป 3 กม. ต้องปีน ลอด มุด วันแรกได้เริ่มดำน้ำ 7 โมงเช้ามุ่งหน้าเข้าไปในจุดที่คิดว่าน้องๆ ไป

ตลอดเส้นทางนั้นพบว่าผนังถ้ำเป็นโคลนหนา เหมือนถ้ำแห่งนี้เคยมีน้ำท่วมหลายครั้งและสะสมโคลนเอาไว้ หน่วยซีลทำงานกันลืมเวลา แต่สังเกตว่าน้ำขึ้นเรื่อยๆ และขึ้นเร็วมาก เมื่อประเมินว่ามีอันตรายแน่ๆ จึงต้องถอนตัวออกมา จากสถานการณ์ก็บอกท่านผู้ว่าฯ

ว่าต้องสูบน้ำ แต่การสูบน้ำออกมานั้นพบว่าระดับน้ำมันลดลงน้อยมาก แต่เรารอเวลาไม่ได้ ในระหว่างรอน้ำลด ทีมงานก็ดำน้ำวางไกด์ไลน์ไปเรื่อยๆ จนถึง 3 แยก ทำให้เราต้องรับบริจาคขวดอากาศเพิ่ม ทุกคนทำงานแบบไม่รู้วันรู้คืน เพราะในถ้ำมืดมาก

รู้แค่ว่าผ่านไปกี่ชั่วโมง เวลาไหนทีมที่เราส่งเข้าไปควรจะกลับออกมา นักดำน้ำชาวอังกฤษที่ดำเข้าไปล่วงหน้า ใช้เวลาดำน้ำกลับมาจากเนินนมสาวถึงโถง 3 ประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อแจ้งว่าพบเด็กๆ และโค้ชทั้ง 13 ชีวิตแล้ว จึงตัดสินใจส่งหน่วยซีล 4 นายที่ฝีมือดีที่สุด

เข้าไปยังเนินนมสาวพร้อมเสบียงและผ้าห่ม หลังจากนั้นได้ส่งหมอภาคย์และหน่วยซีลอีก รวม 3 คน เข้าไปสมทบ ซึ่งหลังจากนั้นทั้งหมดได้ขาดการติดต่อไปนานกว่า 23 ชั่วโมง ก่อนที่หน่วยซีล 3 นายจะกลับออกมา ซึ่งแต่ละนายเอาอากาศไป 4 ถัง ทุกคนใช้จนหมด

โดยมี 3 นายเหลืออากาศอยู่เล็กน้อยจึงดำน้ำออกมาแจ้งข่าว ซึ่งทั้ง 3 นายนั้นสภาพร่างกายแย่จนต้องส่งโรงพยาบาล ภารกิจนี้เป็นความเครียดของผู้บังคับบัญชาและทีมปฏิบัติงานที่ไม่รู้ว่าคนที่เข้าไปเป็นตายร้ายดีอย่างไร

โดยการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปในแต่ละครั้งจะใช้เวลา 5 ชั่วโมง 7 ชั่วโมง 10 ชั่วโมงก็มี กว่าเขาจะกลับมาให้เราเห็นว่ามีชีวิตอยู่ ซึ่งในวันที่เกิดความสูญเสียที่สุด จ่าแซม จ.อ.สมาน กุนัน ซีลนอกราชการ อาสาไปวางขวดอากาศพร้อมนักดำน้ำต่างชาติ 4 คน

และคนไทย 1 คน รวม 6 คน เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง นักดำน้ำชาวต่างชาติกลับมาแล้ว แต่ผ่านไป 7 ชั่วโมง จ่าแซมและบัดดี้ก็ยังไม่กลับ ตนก็ยังให้กำลังใจตัวเองว่าลูกน้องอาจจะเหนื่อยและพักอยู่ จนตี 1 คู่บัดดี้จึงดำน้ำกลับมาที่โถง 3 คนเดียว

เพื่อแจ้งข่าวร้าย ชีวิตหนึ่งแลกกับ 13 ชีวิต ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อ หน่วยซีลถูกฝึกมาเพื่อรับภารกิจเสี่ยง เป็นสิ่งที่เตรียมใจไว้อยู่แล้ว ในครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีของทีมเราที่ได้เห็นเทคนิคระดับโลก ในการดำน้ำในถ้ำ ทำให้เรามีแนวทางในการพัฒนาการรับมือกับภารกิจนี้ได้มากขึ้น

และระหว่างการแถลงข่าวปิดศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว นาวาเอกอนันต์ สุราวรรณ์ ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวในวันที่ประสบเหตุ

จ่าเอกสมาน กุนัน หรือ จ่าแซม นักทำลายใต้น้ำจู่โจมนอกราชการ ที่สละชีวิตขณะปฏิบัติภารกิจช่วยทีมหมูป่า โดยระบุว่า ในคืนวันนั้น จ่าแซม รับอาสาไปวางขวดอากาศร่วมกับทีมดำน้ำต่างชาติ มีทีมต่างชาติ 4 คน จ่าแซมไปกับคู่บัดดี้ซึ่งเป็นหน่วยซีล 1 คน

หลังออกปฏิบัติการ ทีมต่างชาติใช้เวลา 3 ชั่วโมง จึงกลับมาฐานที่โถง 3 ภายในถ้ำ แต่จ่าแซมกับคู่บัดดี้ยังไม่กลับมา ตนเองคาดว่าไม่เกิน 5 ชั่วโมงก็คงกลับ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 5 ชั่วโมง และ 7 ชั่วโมง แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่กลับ นาวาเอกอนันต์ ระบุด้วยว่า

หน่วยซีลถูกฝึกมาเพื่อรับความเสี่ยงและการประสบเหตุ กระทั่งวันนี้ภารกิจก็สำเร็จในที่สุด และครั้งนี้ถือเป็นโอกาสเราได้ร่วมงานกับทีมงานดำน้ำระดับโลก ซึ่งได้เห็นวิธีการ แนวทาง และเทคนิคดำน้ำในถ้ำ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถและรองรับอุบัติภัยของประเทศในอนาคต

คลิป